วันเสาร์ที่ 27 กรกฎาคม 2567
13 ก.พ. 2567 11:58 | 757 view
@pracha
ประชุมวุฒิฯ หารือเดือด ปม “ตะวัน-ขบวนเสด็จ” “ศานิตย์” จี้รัฐบาลออก พ.ร.ก.อารักขาฯ เชื่อมีคนหนุนหลัง ขณะ “มณเฑียร” ไม่สบายใจ หวั่นบานปลาย ชี้เคยมีบทเรียนที่ร้าวลึก 6 ตุลาฯ มองแม้สังคมมีความเห็นต่างแต่สามารถอยู่ด้วยกันได้ ด้าน “อนุศักดิ์” ถามรัฐบาลเคยต่อสู้เพื่อให้มีอำนาจ จะรับมืออย่างไร
เมื่อวันที่ 13 ก.พ. 2567 ที่รัฐสภา ในการประชุมวุฒิสภา ที่มีนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภา เป็นประธานการประชุม ช่วงการหารือ ได้มีสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ขอลุกขึ้นหารืออย่างต่อเนื่องถึงประเด็นน.ส.ทานตะวัน ตัวตุลานนท์ และพวกบีบแตรใส่ขบวนเสด็จ จนเกิดเป็นความรุนแรงตามมา
โดยนายมณเฑียร บุญตัน ส.ว. หารือเรื่องการบริหารจัดการความเสี่ยงในสังคมที่เห็นต่างและมีความเปราะบางสูง โดยกล่าวว่าการเทิดทูนพิทักษ์รักษาไว้ซึ่งสถาบันพระมหากษัตริย์ เป็นหน้าที่ของปวงชนชาวไทย และไม่ว่าจะมีความเห็นต่างอย่างไรในทางการเมือง ส่วนตัวเคารพสิทธิมนุษยชน และเชื่อว่าแม้มีความเห็นต่าง แต่ทุกคนสามารถอยู่ร่วมกันได้ และสถาบันฯ อันเป็นที่เทิดทูนสามารถอยู่ควบคู่กับประชาธิปไตยสากลและสิทธิมนุษยชนได้อย่างงดงาม
และยอมรับว่ามีความ ไม่สบายใจและไม่เห็นด้วยกับการกระทำเกี่ยวกับขบวนเสด็จฯ และรัฐบาลในฐานะผู้บริหารราชการแผ่นดินจะต้องทำหน้าที่เชิงรุกเตือนสังคมไทยรับมือบริหารจัดการความเสี่ยงที่อาจจะนำไปเสี่ยงสู่ความขัดแย้ง ให้เกิดในลักษณะเป็นอารยะที่สุด และการดำเนินคดีตามกฎหมายตามครรรองเป็นเรื่องที่จะต้องดำเนินการ แต่ไปสร้างกระแสหรือเงื่อนไขให้เกิดการตอบโต้รุนแรง ไม่ว่าจะเกิดจากการยั่วยุของฝ่ายใด ซึ่งประเทศไทยเคยมีบทเรียนที่เจ็บปวดมาแล้วจากเหตุการณ์ 6 ตุลา 2519 โดยแนะให้รัฐบาลใช้ความระมัดระวังอย่างยิ่งยวด และสร้างกลไกให้ประชาชนที่มีความเห็นต่างทางการเมือง ใช้กลไกแห่งสันติ ใช้สติใช้หลักเหตุผลในการนำเสนอความคิดที่แตกต่าง
“และจะต้องไม่สนับสนุน การใช้ความรุนแรงหรือการกระทำที่ยั่วยุ อันอาจจะทำให้เกิดความเปราะบางและนำไปสู่ความเสี่ยงภัยที่ยิ่งยวด และอาจนำมาสู่โศกนาฏกรรมที่ทำให้เกิดแผลร้าวลึกในสังคมไทย พร้อมกับขอวิงวอนให้พี่น้องชาวไทยกลับมาอยู่ในสติ และเราสามารถอยู่ร่วมกันพร้อมกับรับมือ กับความไม่ถูกต้องไม่เหมาะสมตามครรลองที่ถูกต้องตามหลักการของกฎหมายและความเป็นอารยะชน” นายมณเฑียรกล่าว
ขณะที่ พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร สว. ลุกหารืออย่างดุเดือด ว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา สะเทือนใจท่านประธาน สะเทือนใจตนเป็นอย่างยิ่ง เชื่อหรือไม่ว่าเรื่องเหล่านี้ไม่ควรจะเกิดในแผ่นดินนี้
“ท่านประธานครับ กลุ่มที่กระทำความผิดเหล่านี้มันไม่เกรงกลัวกฎหมายเลย กฎหมายบ้านเมืองที่มีอยู่ มันไม่มีความเกรงกลัวเลย อีกประการหนึ่งก็คือเพราะมันมีคนคอยหนุนหลัง รู้ข้อกฎหมายในการที่จะดำเนินการกับขบวนของสมเด็จพระเทพฯ ท่านเชื่อหรือไม่ว่าเวลานี้คนกล่าวหาตำรวจว่าล่าช้า ตำรวจทำงานตลอด 24 ชั่วโมง แต่ไปติดขัดที่การจะขอหมายค้นก็ขอไม่ได้ นางคนนี้ ผมใช้คำว่านางคนนี้ก็แล้วกัน เพราะอายุ 20 แล้ว บรรลุนิติภาวะแล้ว ไม่ใช่เด็กและเยาวชนแล้ว ได้รับการแนะนำว่าให้อยู่ในบ้าน ไม่ต้องไปไหน ตำรวจต้องมีหมายค้นเข้าไปค้นบ้านตำรวจไปขอหมายค้น นางคนนี้มีหมายจับอยู่ ปรากฏว่าไม่ได้รับอนุมัติให้ได้รับหมายค้นไปค้นบ้านเพื่อจับกุมนะท่านประธาน ท่านประธานเป็นผู้พิพากษามาก่อน ขนาดหมายค้นยังไม่ออกเลย ผมไม่ได้ตำหนิศาลอาญาธนบุรีนะ ผมพูดในหลักการว่าตำรวจไปขอแล้วแต่ไม่ได้ รวมทั้งหมายจับก่อนดำเนินการเรียบร้อยแล้วแต่ทำไม่ได้”
พล.ต.ท.ศานิตย์ กล่าวอีกว่า ที่กล่าวไปข้างต้นเป็นกระบวนการส่วนหนึ่ง แต่อีกส่วนหนึ่งก็คือองค์กรอัยการ ก็ขอฝากประธาน ไปถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ว่ามีกระบวนการที่ติดขัดอยู่ ตนอยากจะเรียนผ่านไปถึงนายกรัฐมนตรี ประการแรกถ้ามีมาตรการในการป้องกันไม่ให้มีเหตุเหล่านี้เกิดขึ้นได้อีกหรือไม่อย่างไร เมื่อวันเสาร์ก็มีการปะทะกันแล้ว โลกโซเชียลปะทะกันหนักหน่วง รัฐบาลจะมีมาตรการอย่างไรในการป้องกัน “ไม่ใช่ว่าวัวหายแล้วล้อมคอก ถ้าวัวมันหายอีกก็ต้องล้อมคอกให้มันอีก”
พล.ต.ท.ศานิตย์ ย้ำว่า การปราบปรามผู้ที่เกี่ยวข้องเหล่านี้ ตำรวจทำงานได้มันต้องมีเครื่องมือเครื่องไม้ เพราะฉะนั้น กฎหมายที่มีอยู่ไม่ว่าจะเป็นประมวลกฎหมายอาญา พระราชบัญญัติถวายความปลอดภัยยังมีช่องว่างช่องโหว่อยู่หรือไม่
ตนเรียนว่าประมวลกฎหมายอาญาหากยังจำได้ มีประกาศของสถาบันพระมหากษัตริย์ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ประกาศในราชกิจจานุเบกษา สรุปได้ว่าบทบัญญัติรัฐธรรมนูญทุกฉบับรวมทั้งปัจจุบัน มีหมวดว่าด้วยพระมหากษัตริย์ไว้เป็นการเฉพาะซึ่งเป็นบทบัญญัติที่รองรับสถานะพิเศษของสถาบันพระมหากษัตริย์ตามประเพณีการปกครองระบบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข พระมหากษัตริย์ทรงอยู่เหนือการเมืองและสถานะอันเป็นที่เคารพสักการะผู้ใดจะละเมิดกล่าวหาหรือฟ้องร้องพระมหากษัตริย์ในทางใดใดมิได้ ซึ่งบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญดังกล่าวย่อมครอบคลุมถึงพระราชินี พระรัชทายาท นี่คือข้อความสำคัญที่ตนอยากให้รัฐบาลได้ตระหนัก
ด้านนายอนุศักดิ์ คงมาลัย กล่าวว่า ตนฝากไปถึงรัฐบาล ว่าในสถานการณ์ปัจจุบันรัฐบาลจะมีวิธีการในการบริหารจัดการการใช้สิทธิเสรีภาพของประชาชนกลุ่มต่างๆให้สอดคล้องกับกฎหมายอย่างไร ซึ่งรัฐบาลเป็นผู้ที่เคยต่อสู้เพื่อการที่จะเข้ามามีอำนาจอีกครั้งหนึ่ง เมื่อท่านได้มีอำนาจแล้วจะบริหารสถานการณ์สถานการณ์ด้านสังคมปัจจุบันอย่างไร โดยเฉพาะอย่างยิ่งวันนี้สถานการณ์ในเหตุการณ์ที่กระทบกระเทือนจิตใจของพสกนิกรชาวไทยจำนวนมาก ที่มีการใช้สิทธิเสรีภาพของบุคคลกลุ่มหนึ่งในลักษณะที่นำไปสู่การไม่อดทนของคนที่ไม่เห็นด้วย และนำไปสู่ปฏิกิริยาของคนที่โต้แย้ง บาดหมางกัน รัฐบาลจะมีการสื่อสารกับกลุ่มบุคคลเหล่านี้เพื่อที่จะแก้ไขปัญหาต่อไปให้มีความสงบเรียบร้อยตามเจตนารมย์ของทุกฝ่ายได้อย่างไร
//////////////////////
ข่าว
27 ก.ค. 2567 14:30 43 views
ข่าว
27 ก.ค. 2567 14:22 82 views
ข่าว
27 ก.ค. 2567 14:20 40 views
ข่าว
27 ก.ค. 2567 14:13 51 views
ข่าว
27 ก.ค. 2567 13:57 83 views
ข่าว
27 ก.ค. 2567 11:18 118 views
ข่าว
27 ก.ค. 2567 11:17 83 views
ข่าว
27 ก.ค. 2567 11:14 68 views
ข่าว
27 ก.ค. 2567 10:44 86 views
ข่าว
27 ก.ค. 2567 10:40 88 views
ข่าว
27 ก.ค. 2567 10:11 107 views
ข่าว
27 ก.ค. 2567 10:04 100 views
ข่าว
27 ก.ค. 2567 09:46 110 views
ข่าว
27 ก.ค. 2567 09:34 102 views
ข่าว
27 ก.ค. 2567 09:27 108 views
ข่าว
26 ก.ค. 2567 17:30 226 views