รพ.จุฬาภรณ์ จัดกิจกรรม “Let’s break it down” เนื่องในวันตับอักเสบโลก ถวายพระกุศล สมเด็จเจ้าฟ้าฯ กรมพระศรีสวางควัฒนฯ ทรงเจริญพระชันษา 68 ปี

เนื่องในโอกาสวันตับอักเสบโลกและเพื่อถวายเป็นพระกุศลแด่ ศาสตราจารย์ ดร. สมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี เนื่องในโอกาสทรงเจริญพระชันษา 68 ปี เมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม 2568 โรงพยาบาลจุฬาภรณ์ จึงได้จัดกิจกรรม "Let’s break it down รู้เร็ว รักษาไว ป้องกันได้....ลดมะเร็งตับ" เพื่อส่งเสริมความรู้ด้านสุขภาพและบริการทางการแพทย์แก่ประชาชน

นายแพทย์ดํารงค์ สุกิจปัญญาโรจน์ รองผู้อํานวยการโรงพยาบาลจุฬาภรณ์ กล่าวว่า โรคไวรัสตับอักเสบยังคงเป็นภัยเงียบที่คร่าชีวิตผู้คนทั่วโลกกว่า 1 ล้านคนต่อปี สําหรับประเทศไทย คาดว่ามีผู้ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีเรื้อรังประมาณ 2–3 ล้านคน และไวรัสตับอักเสบซีเรื้อรังประมาณ 350,000 ราย โรคนี้ยังเป็นสะพานนําไปสู่มะเร็งตับได้ แต่ข่าวดีคือเราสามารถชนะโรคนี้ได้ เนื่องจากวัคซีนไวรัสตับอักเสบบีมีประสิทธิภาพในการป้องกันการติดเชื้อสูงถึง 95% ส่วนไวรัสตับอักเสบซีสามารถรักษาให้หายขาดได้ถึง 99% ด้วยยาสมัยใหม่

ภายในงานมีทีมแพทย์เฉพาะทางด้านอายุรศาสตร์ทางเดินอาหารและตับร่วมให้ความรู้ในหลายหัวข้อ โดย 
พญ.อัญญา เกียรติวีระศักดิ์ กล่าวว่า ไวรัสตับอักเสบบีส่วนใหญ่กว่า 90% ติดจากแม่สู่ลูกตอนคลอด แต่ก็สามารถติดเชื้อผ่านเลือดและสารคัดหลั่งได้ จึงแนะนําให้ฉีดวัคซีนป้องกันไวรัสตับอักเสบบีอย่างน้อย 1 ครั้งในชีวิต โดยเฉพาะผู้ที่เกิดก่อนปี 2535

นพ.สพล วิวัฒน์พัฒนกุล กล่าวเสริมว่า ผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีเรื้อรังยังไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ในปัจจุบัน แต่สามารถควบคุมโรคได้ ผู้ป่วยมีความเสี่ยงเป็นมะเร็งตับมากกว่าคนทั่วไป 100 เท่า จึงควรได้รับการตรวจคัดกรองมะเร็งตับด้วยการทําอัลตราซาวนด์ช่องท้องส่วนบนทุก 6 เดือน

พญ.กันต์สุดา ปัญจชัยพรพล ให้ข้อมูลว่า ผู้ที่ควรได้รับวัคซีนไวรัสตับอักเสบบี ได้แก่ ทารกแรกเกิด, ผู้ใหญ่ที่ยังไม่มีภูมิคุ้มกัน, บุคลากรทางการแพทย์, ผู้ที่มีคู่นอนหลายคน, ผู้ที่อยู่ร่วมบ้านกับผู้ติดเชื้อ และผู้ที่ต้องรับเลือดบ่อย

นพ.กฤต หมัดแสละ กล่าวเสริมว่า ผู้ป่วยโรคตับเรื้อรังควรฉีดวัคซีนป้องกันไวรัสตับอักเสบ A ซึ่งติดจากการดื่มน้ําและอาหารปนเปื้อน และแนะนําให้ตรวจภูมิคุ้มกันไวรัสตับอักเสบ B ก่อนฉีดวัคซีน

นพ.วรวัฒน์ แสงวิภาสนภาพร กล่าวถึงแนวทางการกําจัดไวรัสตับอักเสบ ซึ่งมีเป้าหมายขององค์การอนามัยโลก (WHO) ที่ต้องการลดจํานวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ลง 90% ภายในปี 2573 ซึ่งมีกลยุทธ์หลักคือ การฉีดวัคซีน การคัดกรอง และการให้ยาต้านไวรัส ส่วนการรักษามะเร็งตับนั้นขึ้นอยู่กับระยะของโรค, สภาพตับ, และสุขภาพโดยรวมของผู้ป่วย

พญ.ชัณษา บางยี่ขัน กล่าวว่า การผ่าตัดเป็นหนึ่งในแนวทางการรักษา โดยเทคโนโลยีได้พัฒนาไปมากทั้งแบบผ่าตัดเปิด, ส่องกล้อง และใช้หุ่นยนต์ช่วยผ่าตัด

นพ.กฤตรัตน์ ชัยจิรวิวัฒน์ กล่าวถึงการรักษาแบบไม่ผ่าตัด เช่น การจี้ทําลายก้อนมะเร็งด้วย Ablation หรือ TACE

นพ.ธนกร เจริญธนดล กล่าวถึงการรักษาด้วยยาซึ่งใช้กับมะเร็งตับระยะลุกลามที่ไม่สามารถผ่าตัดได้ โดยแบ่งเป็นยาพุ่งเป้าและยาภูมิคุ้มกันบําบัด ซึ่งเป็นการรักษามะเร็งตับที่ดีที่สุดในปัจจุบัน

นอกจากนี้ ภายในงานยังได้จัดบริการทางการแพทย์แก่ผู้เข้าร่วมกิจกรรม เช่น การตรวจเลือดหาเชื้อและภูมิไวรัสตับอักเสบบี พร้อมฉีดวัคซีนป้องกันไวรัสตับอักเสบบีเข็มแรก เพื่อให้ประชาชนได้เข้าถึงการป้องกันและลดปัจจัยเสี่ยงต่อโรคมะเร็งตับ

#โรงพยาบาลจุฬาภรณ์ #วันตับอักเสบโลก #มะเร็งตับ #สุขภาพ #วัคซีน #สมเด็จเจ้าฟ้าฯ #TV5HD #TV5HDONLINE