นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมมองเศรษฐกิจโลกมีโอกาสเกิดภาวะถดถอยลดลง จากปัจจัยสนับสนุนจากกิจกรรมเศรษฐกิจภาคบริการที่ขยายตัว  แต่กิจกรรมภาคการผลิตยังหดตัวต่อเนื่อง เป็นเดือนที่ 8 ส่งผลกระทบโดยตรงต่อความต้องการสินค้าอุตสาหกรรม ส่วนการส่งออกของไทย มีแนวโน้มหดตัวไปอีกระยะหนึ่ง จึงคาดว่ามูลค่าการส่งออกทั้งปี 2566 อาจต่ำกว่าปีที่แล้ว  อย่างไรก็ตาม เชื่อว่า เศรษฐกิจไทยจะไม่เกิดภาวะ technical recession  คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจไทยในปีนี้ มีแนวโน้มขยายตัวที่ร้อยละ 3.0-3.5 ส่วนการส่งออกมีโอกาสหดตัวในกรอบ -1.0 ถึง 0.0 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับประมาณการเดิมที่คาดว่าจะขยายตัวได้ 1-2 เปอร์เซ็นต์ และอัตราเงินเฟ้อทั่วไป จะอยู่ในกรอบ 2.7 - 3.2 เปอร์เซ็นต์ ทั้งนี้ ไทยควรให้ความสำคัญกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศ เร่งการใช้จ่ายภาครัฐในช่วงเปลี่ยนผ่านรัฐบาล และส่งเสริมการท่องเที่ยว ซึ่งที่ประชุมยังคงมีความกังวลเรื่องค่าแรง  ความผันผวนของค่าเงินบาท และต้นทุนค่าไฟฟ้าที่สูงขึ้น ตลอดจนกังวลเรื่องภัยหลอกลวงทางการเงินออนไลน์ที่กระทบความเชื่อมั่นในระบบเศรษฐกิจ จึงต้องการให้ภาครัฐเปิดโอกาสให้ภาคเอกชนได้ร่วมแลกเปลี่ยนแสดงความคิดเห็น และร่วมแก้ไขปัญหานี้