เปิดตัวเลขเงินอัดฉีด "น้องเทนนิส" พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ หลังซิวทอง "โอลิมปิก" 2 สมัยติด เป็นคนแรกในประวัติศาสตร์ของนักกีฬาไทย

วันที่ 8 ส.ค. 67 พุ่งกว่านี้แน่นอน เปิดตัวเลขเงินอัดฉีด "น้องเทนนิส" พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ นักเทควันโดทีมชาติไทย ภายหลังจากที่สามารถคว้าเหรียญทอง ในมหกรรมโอลิมปิก 2 สมัยติดต่อกัน เป็นคนแรกในประวัติศาสตร์ของทัพนักกีฬาไทย

ซึ่งทาง "น้องเทนนิส" พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ จะได้รับเงินอัดฉีดจากกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ มี 2 แบบให้นักกีฬาเลือกได้ เหรียญทอง 12,000,000 บาท สำหรับแบ่งจ่าย โดยจ่ายเป็นก้อน 50% และที่เหลืออีก 50% จ่ายรายเดือน ในเวลา 4 ปี หรือ 10,000,000 บาท สำหรับจ่ายครั้งเดียว นอกจากนี้ยังมี บริษัท โอสถสภา จำกัด (มหาชน) ที่ประกาศร่วมอัดฉีดเงินรางวัลให้กับนักกีฬาทีมชาติไทย ที่สามารถคว้าเหรียญ โอลิมปิกเกมส์ 2024 เป็นจำนวนเงิน 1 ล้านบาท

หลังจบการแช่งขัน เจ้าตัวเปิดใจ โอลิมปิกครั้งนี้แตกต่างจากสองครั้งที่ผ่านมา สิ่งที่ยากและท้าทายที่สุด คือ คู่แข่งทุกคนพยายามศึกษาแก้ทางตนเอง ดังนั้นก่อนมาจึงฝึกซ้อมหนักมาก ซ้อมหลากหลายรูปแบบ ส่วนการได้มาซึ่งเหรียญทองครั้งนี้ ถือว่าคุ้มค่าที่สุด เพราะพยายามทุ่มเทสุดตัวแม้จะมีอาการเจ็บติดตัวหลายจุด แต่ก็พร้อมกัดฟันสู้เพื่อเป้าหมาย 

"พาณิภัค" ที่เพิ่งฉลองอายุ 27 ไปหมาดๆเมื่อวันที่ 8 ส.ค.2567 และกวาดทุกเกียรติยศแล้วก็ว่าได้ ไม่ว่าจะเป็นเหรียญทองโอลิมปืก ที่ทำได้ถึง 2 สมัย และได้อีก 1 ทองแดง, แชมป์โลก 2 สมัย, แชมป์เอเชีย 3 สมัย, แชมป์เวิลด์กรุงด์ปรีซ์ 12 สมัย และ แชมป์ม.โลก 3 สมัย นี่คือสุดยอดจอมเตะที่โลกแห่งวงการเทควันโดโลกต้องจดจำ

ส่วนเส้นทางหลังจากนี้ พาณิภัค ในบทบาทอื่นที่แตกต่างออกไป สิ่งที่ลงมือทำไปแล้ว และกำลังทำอยู่ คือการเปิดโรงเรียนสอนกีฬาเทควันโดเป็นของตัวเอง ซึ่งก็กำลังไปได้สวย จนเจ้าตัวตัวเองเตรียมเปิดสาขาสอง ซึ่งก็ตั้งใจจะเปิดสาขาสองในช่วงต้นเดือนก.ย.นี้ นอกจากนี้ยังมีความฝันที่จะเปิดร้านกาแฟเล็กๆเป็นของตัวเองด้วย หรือไม่แน่อาจเปลี่ยนใจ ลงรับใช้ชาติต่อ หลังเจ้าตัวยังลังเล และบอกกับนักข่าวว่า ขอเวลาไปคิดเรื่องนี้อีกครั้ง 

สำหรับ "น้องเทนนิส" พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ ประกาศเลิกเล่นทีมชาติอย่างเป็นทางการแล้ว พร้อมสร้างประวัติศาสตร์ใหม่ด้วยการเป็นนักกีฬาไทยคนแรกที่ได้เหรียญโอลิมปิก 3 สมัยติดต่อกัน ต่อจากเหรียญทองแดง โอลิมปิก 2016 ที่ริโอ เด จาเนโร ประเทศบราซิล และเหรียญทอง โอลิมปิก 2020 ที่กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น