น้ำท่วม-ดินถล่มเนปาล ตายพุ่ง 129 ศพสูญหายอีกเพียบ

กาฐมาณฑุ/แทมปา (เอพี/รอยเตอร์ส) -สถานการณ์ฝนตกหนัก น้ำท่วมและดินถล่มในหลายพื้นที่ของเนปาล รวมทั้งในกรุงกาฐมาณฑุเมืองหลวง ส่งผลให้ยอดผู้เสียชีวิตล่าสุดเพิ่มขึ้นเป็นอย่างน้อย 129 ศพแล้ว และมีผู้สูญหายอีกหลายสิบคน ขณะที่เจ้าหน้าที่และชาวบ้านในรัฐฟลอริดาของสหรัฐฯ เร่งทำความสะอาดถนนหนทางและบ้านเรือน หลังได้รับผลกระทบหนักจากพายุเฮอริเคนเฮลีนพัดถล่ม ยอดผู้เสียชีวิตยังคงเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ล่าสุดอยู่ที่อย่างน้อย 47 ศพ

เจ้าหน้าที่เนปาลเผยว่า สถานการณ์น้ำท่วมหนักและดินถล่มในหลายพื้นที่ หลังจากมีฝนตกหนักตลอด 24 ชั่วโมงตั้งแต่วันศุกร์ที่27 ก.ย. ยอดผู้เสียชีวิตล่าสุดเพิ่มขึ้นเป็นอย่างน้อย 129 ศพแล้ว ในจำนวนนี้อย่างน้อย 43 ศพอยู่ในกรุงกาฐมาณฑุ และยังมีผู้สูญหายอีก 62 คนโดยเมื่อคืนนี้ เจ้าหน้าที่กู้ภัยพบร่างผู้เสียชีวิต14 ศพ ในรถบัสโดยสาร 2 คัน ที่ถูกดินถล่มจากเทือกเขาลงทับบนทางหลวงแทบจะในจุดเดียวกัน ระหว่างเดินทางมุ่งหน้าไปยังกรุงกาฐมาณฑุ ขณะนี้กำลังเร่งค้นหาผู้สูญหายใต้กองดินโคลน อย่างไรก็ดี เจ้าหน้าที่เชื่อว่ายอดผู้เสียชีวิตน่าจะมีเพิ่มขึ้นอีก เพราะคาดว่าจะยังเกิดฝนตกหนักตลอดต่อเนื่องในช่วง 2 วันข้างหน้า ฝนที่ตกอย่างหนักตั้งแต่วันศุกร์ บางพื้นที่ในกรุงกาฐมาณฑุตกหนักมากกว่า 320 มิลลิเมตร ทำให้แม่น้ำเกือบทุกสายในแถบหุบเขากาฐมาณฑุไหลทะลักเข้าท่วมพื้นที่ใกล้เคียงบ้านเรือนถูกน้ำท่วมเสียหายหลายพันหลังคาเรือนและทางหลวงส่วนใหญ่ถูกปิดกั้นจากเหตุดินถล่ม แต่เมื่อวันที่ 29 ก.ย. สภาพอากาศเริ่มดีขึ้น ทำให้เจ้าหน้าที่กู้ภัยเร่งมือค้นหาผู้ที่ยังสูญหายและช่วยเหลือผู้ประสบภัย

ขณะเดียวกัน หน่วยงานของรัฐบาลเนปาล ยังขอให้ประชาชนหลีกเลี่ยงการเดินทางที่ไม่จำเป็นและสั่งห้ามการเดินทางโดยใช้ถนน เพื่อลดอัตราเสี่ยงจากการเกิดอุบัติเหตุ หลังจากตั้งแต่วันศุกร์ มีรายงานทางหลวงยังถูกดินถล่มทับ 28 จุด ส่งผลให้การจราจรกลายเป็นอัมพาต ตำรวจกำลังเร่งเปิดเส้นทาง

ส่วนที่สหรัฐฯ เจ้าหน้าที่และชาวบ้านในรัฐฟลอริดาของสหรัฐฯ เร่งทำความสะอาดถนนหนทางและบ้านเรือนในหลายพื้นที่ริมชายฝั่ง ซึ่งเต็มไปด้วยเศษซากความเสียหายต่างๆ จากอิทธิพลของจากพายุเฮอริเคนเฮลีนพัดถล่มเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 26 ก.ย. ยอดผู้เสียชีวิตยังคงเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ล่าสุดอยู่ที่อย่างน้อย 47 ศพ เจ้าหน้าที่เชื่อว่า จะพบร่างผู้เสียชีวิตเพิ่มเติมในหลายรัฐที่ได้รับผลกระทบจากพายุลูกนี้ ซึ่งถือว่ารุนแรงที่สุดลูกหนึ่งที่สหรัฐฯ เคยพบมา สำหรับความเสียหายนั้น เจ้าหน้าที่ของแอคคิวเวเธอร์ (AccuWeather) ซึ่งเป็นบริษัทเอกชนที่ให้บริการคาดหมายลักษณะอากาศ กล่าวว่า ประเมินความเสียหายจากพายุอยู่ที่ระหว่าง 95,000-110,000 ล้านดอลลาร์ ซึ่งจะถือว่าเป็นพายุที่สร้างความเสียหายที่แพงที่สุดในประวัติศาสตร์ยุคใหม่ของสหรัฐ

พายุเฮลีน อ่อนกำลังลงเมื่อวันศุกร์ที่ 27 ก.ย. แต่ยังมีอิทธิพลทำให้เกิดฝนตกหนักในหลายรัฐ ทำให้เกิดน้ำท่วมและอาจจะถึงขั้นทำให้เขื่อนแตกและน้ำไหลท่วมทั้งเมืองในหลายเมืองได้ ในขณะเดียวกันประชาชนอย่างน้อย 3 ล้านคน ใน 5 รัฐ ไม่มีไฟฟ้าใช้เจ้าหน้าที่เตือนว่า อาจจะต้องใช้เวลาหลายวันกว่าไฟฟ้าจะกลับคืนสู่สภาวะปกติ