วันศุกร์ที่ 11 ตุลาคม 2567
2 ต.ค. 2567 10:07 | 524 view
@supakitt
แม้การทัศนศึกษาจะเป็นกิจกรรมสำคัญที่ช่วยเปิดโลกทัศน์ และเสริมสร้างประสบการณ์ให้กับเด็กๆ แต่ภัยอันตรายที่อาจเกิดขึ้นระหว่างการเดินทาง และทำกิจกรรม ก็เป็นเรื่องที่ผู้ปกครอง และครู กังวลใจไม่น้อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศไทย ที่ยังคงพบเห็นข่าวอุบัติเหตุจากการทัศนศึกษาอยู่เป็นระยะ นักวิชาการจึงได้เสนอแนะให้มีการปรับปรุงกฎหมาย และมาตรการความปลอดภัย โดยถอดบทเรียนจาก 13 ประเทศทั่วโลก เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับผู้ปกครอง และส่งเสริมให้เด็กๆ ได้เรียนรู้นอกห้องเรียนอย่างปลอดภัย
นายธาม เชื้อสถาปนศิริ อาจารย์ประจำสถาบันแห่งชาติเพื่อการพัฒนาเด็กและครอบครัว มหาวิทยาลัยมหิดล เปิดเผยว่า ที่ผ่านมา แม้ประเทศไทยจะมี พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ 2542 (แก้ไขเพิ่มเติม 2562) รวมถึงระเบียบ และข้อบังคับต่างๆ เพื่อกำกับดูแลการจัดกิจกรรมทัศนศึกษาให้มีความปลอดภัย แต่ก็ยังไม่สามารถป้องกันอุบัติเหตุได้อย่างสมบูรณ์ จึงได้ศึกษาโมเดลความปลอดภัยจาก 13 ประเทศทั่วโลก ได้แก่ สหราชอาณาจักร สหรัฐอเมริกา ออสเตรเลีย แคนาดา ญี่ปุ่น สิงคโปร์ นิวซีแลนด์ ฝรั่งเศส ฟินแลนด์ เกาหลีใต้ จีน ฮ่องกง และมาเลเซีย พบว่า หลายประเทศมีกฎหมายที่เข้มงวด ครอบคลุม และให้ความสำคัญกับการป้องกัน มากกว่าการแก้ไขปัญหาหลังเกิดเหตุ
ตัวอย่างกฎหมายน่าสนใจจากต่างประเทศ :
- สหราชอาณาจักร: มีกฎหมาย Health and Safety at Work etc. Act 1974 เน้นการประเมินความเสี่ยง ควบคุมอัตราส่วนครู และห้ามเดินทางกลางคืน
- สหรัฐอเมริกา: มีกฎหมาย Child Safety Laws และ School Field Trip Guidelines บังคับใช้เข็มขัดนิรภัย ตรวจสอบประวัติคนขับรถ และจำกัดเวลาเดินทางไม่เกิน 8 ชั่วโมง
- ออสเตรเลีย: มีกฎหมาย Education and Care Services National Law Act 2010 เน้นการดูแลเด็กเล็ก จำกัดเวลาเดินทางไม่เกิน 3 ชั่วโมง และมีแผนรับมือเหตุฉุกเฉิน
- แคนาดา: มีกฎหมาย Canadian Occupational Health and Safety Regulations 1985 บังคับให้ประเมินความเสี่ยง ใช้รถที่ได้มาตรฐาน ขออนุญาตผู้ปกครอง และห้ามเดินทางกลางคืน
- ญี่ปุ่น: มีกฎหมาย School Health and Safety Act 1958 ห้ามทัศนศึกษาในพื้นที่เสี่ยง กำหนดอัตราส่วนครู และห้ามเดินทางกลางคืน
- สิงคโปร์: มีกฎหมาย Early Childhood Development Centres Regulations 2018 คุมเข้มอัตราส่วนครู และห้ามพาเด็กอายุต่ำกว่า 7 ปี ออกนอกประเทศ
- นิวซีแลนด์: มีกฎหมาย Education (Early Childhood Services) Regulations 2008 กำหนดอัตราส่วนครู 1:6 สำหรับเด็กเล็ก และจำกัดเวลาเดินทางไม่เกิน 2 ชั่วโมง
- ฝรั่งเศส: มีกฎหมาย Code de l'éducation 2000 ต้องขออนุญาต มีแผนป้องกันอุบัติเหตุ และห้ามเดินทางกลางคืน
- ฟินแลนด์: มีกฎหมาย Basic Education Act 1998 กิจกรรมต้องเหมาะสมกับวัย ประเมินความเสี่ยง ขออนุญาตผู้ปกครอง และห้ามเดินทางกลางคืน
- เกาหลีใต้: มีกฎหมาย Child Welfare Act 2000 มีครูดูแลใกล้ชิด มีพยาบาลร่วมเดินทาง ใช้รถที่ได้มาตรฐาน และวางแผนการเดินทาง
- จีน: มีกฎหมาย Law on the Protection of Minors 1991 อัตราส่วนครูต้องเหมาะสม ห้ามเดินทางไกล และห้ามเดินทางกลางคืน
- ฮ่องกง: มี Education Ordinance Cap 279 ต้องขออนุญาต มีแผนป้องกันอุบัติเหตุ และห้ามพาเด็กเล็กเดินทางไกล
- มาเลเซีย: มี Education Act 1996 ครูผู้ดูแลต้องมีอัตราส่วนที่เหมาะสม ห้ามเดินทางกลางคืน ใช้รถที่ปลอดภัย และขออนุญาตผู้ปกครอง
จากการศึกษา นายธาม เห็นว่า ประเทศไทยควรปรับปรุงกฎหมาย และมาตรการความปลอดภัยในการทัศนศึกษา ให้มีความครอบคลุม และเข้มงวดมากยิ่งขึ้น โดยอาจนำแนวปฏิบัติที่ดีจากต่างประเทศมาประยุกต์ใช้ เช่น การกำหนดอัตราส่วนครูต่อนักเรียนที่ชัดเจน การอบรมครูผู้ดูแล การประเมินความเสี่ยง การใช้รถโดยสารที่ได้มาตรฐาน และการสื่อสารกับผู้ปกครอง เป็นต้น
การทัศนศึกษาเป็นประสบการณ์ที่มีคุณค่าสำหรับเด็กๆ ดังนั้น การสร้างมาตรฐานความปลอดภัย จึงเป็นสิ่งสำคัญที่ทุกฝ่ายต้องร่วมมือกัน เพื่อให้เด็กๆ ได้เรียนรู้นอกห้องเรียนอย่างปลอดภัย และได้รับประโยชน์สูงสุด
ข่าว
10 ต.ค. 2567 15:14 221 views
ข่าว
10 ต.ค. 2567 15:10 156 views
ข่าว
10 ต.ค. 2567 15:06 143 views
ข่าว
10 ต.ค. 2567 14:36 183 views
ข่าว
10 ต.ค. 2567 14:33 167 views
ข่าว
10 ต.ค. 2567 14:31 155 views
ข่าว
10 ต.ค. 2567 14:04 96 views
ข่าว
10 ต.ค. 2567 12:44 220 views
ข่าว
10 ต.ค. 2567 11:35 153 views
ข่าว
10 ต.ค. 2567 11:34 165 views
ข่าว
10 ต.ค. 2567 11:30 172 views
ข่าว
10 ต.ค. 2567 11:27 182 views
ข่าว
10 ต.ค. 2567 11:24 156 views
ข่าว
10 ต.ค. 2567 11:21 220 views
ข่าว
10 ต.ค. 2567 09:38 172 views
ข่าว
10 ต.ค. 2567 09:35 191 views