ไม่มีที่ยืน‘คนข้ามเพศ’! ‘ทรัมป์’ลั่นมีอำนาจแล้วทำแน่ รัฐบาล‘สหรัฐฯ’รับรองเพียง‘ชาย-หญิง’

23 ธ.ค. 2567 นสพ.Mint ของอินเดีย รายงานข่าว Donald Trump slams ‘woke culture,’ earns Elon Musk’s support at AmericaFest Rally ระบุว่า การขึ้นปราศรัยในงาน AmericaFest  ที่เมืองฟินิกซ์ รัฐแอริโซนา สหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 22 ธ.ค. 2567 โดนัลด์ ทรัมป์  (Donald Trump) ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้กล่าวโจมตี “วัฒนธรรมการตื่นรู้ (โว้ค-Woke)” ว่าเป็นเรื่องไร้สาระและบ่อนทำลายประเทศ ท่ามกลางเสียงปรบมือที่กึกก้อง

คำพูดของทรัมป์นั้นมุ่งเป้าไปที่การเปลี่ยนชื่อฐานทัพทหารสหรัฐฯ และจุดชนวนความขัดแย้งทางวัฒนธรรมอื่นๆ หัวใจสำคัญของสุนทรพจน์ที่เต็มไปด้วยคำมั่นสัญญาและคำประกาศนโยบายที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง โดยหนึ่งในนั้น ทรัมป์ให้คำมั่นว่าจะฟื้นฟูชื่อฟอร์ตแบรกก์ ซึ่งเป็นค่ายทหารในรัฐนอร์ทแคโรไลนา ซึ่งเพิ่งเปลี่ยนชื่อเป็นฟอร์ตลิเบอร์ตี้ อีกทั้งกล่าวว่าจะจัดการกับปัญหาที่ทำให้เกิดความแตกแยก โดยแสดงจุดยืนที่แน่วแน่ต่อสิ่งที่เรียกว่า "ความบ้าคลั่งของคนข้ามเพศ (transgender insanity)" และทฤษฎีวิพากษ์วิจารณ์เชื้อชาติในโรงเรียน

ทรัมป์ ระบุว่า หากตนมีอำนาจ สิ่งที่จะทำคือลงนามคำสั่งห้ามขลิบอวัยวะเพศเด็ก ขับไล่คนข้ามเพศออกจากกองทัพและสถาบันการศึกษาทั้งประถมและมัธยม จะมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่เพื่อพลิกกลับการเปลี่ยนแปลงทางวัฒนธรรมในด้านการศึกษาและกองทัพ ในด้านกีฬา จะห้ามไม่ให้ผู้หญิงข้ามเพศ (สาวประเภทสอง) เข้าแข่งขันกีฬาร่วมกับสตรี (หญิงแท้) และรัฐบาลสหรัฐฯ จะยอมรับเพศสภาพเพียง 2 เพศ คือชายและหญิงเท่านั้น

คำปราศรัยดังกล่าวเกิดขึ้นท่ามกลางความขัดแย้งที่เพิ่มมากขึ้นเกี่ยวกับสิทธิของกลุ่มผู้มีความหลากหลายทางเพศ (LGBTQ+) ทั่วสหรัฐฯ รัฐที่นำโดยพรรครีพับลิกัน ต้นสังกัดของทรัมป์ ได้บังคับใช้กฎหมายที่จำกัดการเข้าถึงการรักษาทางการแพทย์สำหรับเยาวชนข้ามเพศและนำเอกสารของกลุ่ม LGBTQ+ ออกจากห้องสมุดของโรงเรียน ในขณะที่รัฐที่นำโดยพรรคเดโมแครตได้ดำเนินการเพื่อปกป้องสิทธิดังกล่าว คำสัญญาของทรัมป์เน้นย้ำถึงความมุ่งมั่นที่มีต่อประเด็นสงครามวัฒนธรรมในฐานะเสาหลักในวาระของเขา

ทรัมป์ยังได้วางวิสัยทัศน์สำหรับวันแรกที่ดำรงตำแหน่ง ซึ่งเขาเรียกว่า “วันปลดปล่อย” โดยสัญญาว่าจะปราบปรามผู้อพยพที่ผิดกฎหมาย กระตุ้นการผลิตพลังงานในประเทศ และกำจัด “อุดมการณ์ตื่นรู้” จากสถาบันสาธารณะ และเพื่อเป็นการย้อนรำลึกถึงประวัติศาสตร์ ทรัมป์ได้วิพากษ์วิจารณ์การตัดสินใจเปลี่ยนชื่อภูเขาแมกคินลีย์ ซึ่งตั้งตามชื่อของ วิลเลียม แมกคินลีย์ (William McKinley) อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ เป็นภูเขาเดนาลีในช่วงรัฐบาลประธานาธิบดี บารัค โอบามา (Barrack Obama) และจะเปลี่ยนกลับไปใช้ชื่อเดิม โดยให้เหตุผลว่า  แมกคินลีย์เป็นประธานาธิบดีที่ดีมาก หรืออาจจะเป็นประธานาธิบดีที่ยิ่งใหญ่ก็ได้ จึงสมควรได้รับเกียรตินั้น

ทรัมป์สร้างความประหลาดใจให้กับหลายๆ คนด้วยการเสนอแนะว่ารัฐบาลของตนอาจพยายามควบคุมคลองปานามาอีกครั้ง โดยเรียกคลองนี้ว่าทรัพย์สินของชาติที่มีความสำคัญ และกล่าวหาปานามาว่าบริหารจัดการผิดพลาด ดังนั้นสหรัฐฯ ต้องการคลองนี้กลับคืนมา และปานามาสมควรได้รับคำแนะนำตามนั้น ซึ่ง โฮเซ ราอุล มูลิโน (José Raul Mulino) ประธานาธิบดีปานามา ได้ออกมาตอบโต้ท่าทีของทรัมป์ โดยเน้นย้ำถึงอำนาจอธิปไตยของปานามาเหนือคลองดังกล่าว พร้อมไปกับความสำคัญของความร่วมมืออย่างต่อเนื่องกับสหรัฐฯ

ในด้านนโยบายต่างประเทศ ทรัมป์ได้ให้คำใบ้ถึงการพบปะกับประธานาธิบดีรัสเซีย วลาดิเมียร์ ปูติน (Vladimir Putin) ในเร็วๆ นี้ เพื่อเจรจายุติความขัดแย้งในยูเครน โดยทรัมป์ย้ำว่า การยุติสงครามเป็นหนึ่งในสิ่งที่ตนอยากทำโดยเร็วที่สุด ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความเปิดกว้างของปูตินต่อการเจรจา อนึ่ง ทรัมป์ ยังกล่าวถึง อีลอน มัสก์ (Elon Musk) มหาเศรษฐีที่เป็นผู้สนับสนุนด้วยว่า มัสก์ไม่ได้ทำตัวเป็นประธานาธิบดีเงา และกล่าวอย่างติดตลกว่ามัสก์ไมได้เกิดบนแผ่นดินสหรัฐฯ ไม่สามารถเป็นประธานาธิบดีได้ แต่ตนชื่นชมมัสก์ที่มีผลงานด้านเทคโนโลยีและการสำรวจอวกาศ เพราะตนชอบให้มีคนฉลาดๆ อยู่รอบข้าง

ทรัมป์ปกป้องการแต่งตั้ง โรเบิร์ต เอฟ. เคนเนดี จูเนียร์ (Robert F. Kennedy Jr.) เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขและบริการมนุษย์ ซึ่งเป็นที่ถกเถียงกัน โดยให้นัยถึงการสอบสวนที่อาจเกิดขึ้นเกี่ยวกับวัคซีน แม้ว่าจะไม่มีการสนับสนุนทางวิทยาศาสตร์ใดๆ สำหรับคำกล่าวอ้างที่เขาพาดพิงถึงก็ตาม โดยทรัมป์กล่าวว่า เราจะได้รู้เรื่องราวอีกมากมาย พร้อมให้คำมั่นว่าจะให้ความสำคัญกับความโปร่งใสและสาธารณสุขเป็นอันดับแรก

ส่วนการแบนแอปพลิเคชั่นสื่อสังคมออนไลน์สัญชาติจีนอย่างติ๊กต๊อก (TikTok) ทรัมป์ให้ความเห็นว่า บทบาทของแอปฯ ในการดึงดูดผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่อายุน้อยกว่า อาจเป็นเหตุผลให้แอปฯ นี้ดำเนินการในสหรัฐฯ ได้ชั่วคราว บางทีเราอาจต้องเก็บแอปฯ นี้ไว้สักพัก และในตอนท้าย ทรัมป์สรุปการปราศรัยของตน โดยเน้นย้ำถึงภารกิจของตนในการแก้ไขปัญหาความแตกต่างทางวัฒนธรรมและอุดมการณ์อย่างตรงไปตรงมา พร้อมสัญญาว่าจะดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีที่อุทิศตนเพื่อสิ่งที่ทรัมป์อธิบายว่าเป็นการฟื้นฟูค่านิยมของอเมริกา