ในปี 2568 ทัพนักกีฬาไทยมีหลายมหกรรมที่จะต้องไปชิงชัยเหรียญรางวัลตลอดทั้งปี เริ่มจากกีฬาเอเชี่ยนเกมส์ ฤดูหนาว 2025 ที่เมืองฮาร์บิน ประเทศจีน ระหว่างวันที่ 7-14 กุมภาพันธ์, เวิลด์เกมส์ ที่เมืองเฉิงตู ประเทศจีน ระหว่างวันที่ 7-17 สิงหาคม, เอเชี่ยนอินดอร์และมาร์เชียลอาร์ตเกมส์ ที่ประเทศซาอุดีอาระเบีย และศึกใหญ่อย่างกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 33 ที่ประเทศไทยจะเป็นเจ้าภาพ ที่กรุงเทพมหานคร, ชลบุรี, สงขลา ระหว่างวันที่ 9-20 ธันวาคม 

ซีเกมส์ ครั้งที่ 33 ถือเป็นมหกรรมสำคัญสำหรับปี 2568 ซึ่งไทยเป็นเจ้าภาพมหกรรมกีฬาแห่งอาเซียนในครั้งนี้เป็นครั้งที่ 7 แล้ว การประชุมมนตรีซีเกมส์ ได้มีการยืนยันเป็นที่สิ้นสุดแล้วว่าจะจัดแข่งขัน 50 ชนิดกีฬา กับ 3 กีฬาสาธิต

นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการเป็นเจ้าภาพซีเกมส์ของประเทศไทยว่า การเป็นเจ้าภาพครั้งนี้มีเป้าประสงค์หลายด้าน

1.เพื่อส่งเสริมอนาคตที่ยั่งยืนบนพื้นฐานความร่วมมือระหว่างภาครัฐ ภาคธุรกิจ ภาคเอกชน รวมทั้งชุมชนต่างๆ สอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาของจังหวัดที่มุ่งเน้นให้เป็นศูนย์กลางการกีฬา การท่องเที่ยว การศึกษา นวัตกรรม บริการ ในระดับมาตรฐานนานาชาติ

2.การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม (Green SEA Games  Sustainable future in sports) โดยเน้นการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อเป็นแบบอย่างในการจัดการแข่งขันกีฬาในอนาคต

3.เสริมสร้างภาพลักษณ์ ที่ดีให้กับประเทศไทย จัดการแข่งขันกีฬาระดับนานาชาติได้อย่างมีมาตรฐาน ตัดสินด้วยความบริสุทธิ์ ยุติธรรม ตามมาตรฐานสากล

4.ส่งเสริมการกระตุ้นเศรษฐกิจ และส่งเสริม การท่องเที่ยวภายในประเทศ

5.เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายซอฟต์พาวเวอร์ โดยมุ่งเน้นการส่งเสริมวัฒนธรรม คุณค่าทางสังคม และการพัฒนาความสัมพันธ์กับประเทศอื่นๆ เป็นการประชาสัมพันธ์ประเทศที่ดี และขอยืนยันว่ารัฐบาลพร้อมสนับสนุนการจัดการแข่งขันอย่างเต็มที่

นายสรวงศ์ เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า ซีเกมส์ครั้งนี้จะจัดในแนวคิดกรีนซีเกมส์ เน้นความสำคัญไปที่การใส่ใจสิ่งแวดล้อม ซึ่งมุ่งเน้นให้การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ ทั้งจากการขนส่งหรือ การใช้วัสดุที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม รวมถึงการเลือกสถานที่จัดการแข่งขันที่ไม่ทำลายทรัพยากรธรรมชาติ ถึงแม้ว่าอาจจะไม่ได้ทำได้ 100 เปอร์เซ็นต์ แต่เป็นจุดเริ่มต้นให้พี่น้องประชาชนร่วมกันรักษาสิ่งแวดล้อมให้ได้มากที่สุด รวมทั้งจะนำเอาซอฟต์พาวเวอร์ทุกด้าน ทั้งอาหารการกิน กีฬา สถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ มาเชื่อมโยงกับการเป็นเจ้าภาพให้ได้มากที่สุด

รัฐมนตรีกีฬายังบอกอีกว่า นอกจากการเป็นซีเกมส์สีเขียวแล้ว การแข่งขันครั้งนี้จะเน้นไปที่การสร้างความรู้จักให้กับนักกีฬาทุกคน ให้มีกลุ่มแฟนคลับของตัวเอง ผ่านการประชาสัมพันธ์ และให้อินฟลูเอนเซอร์เข้ามาช่วยดึงจุดเด่นของนักกีฬาออกมาให้ประชาชนรู้จักให้ได้มากที่สุด ส่วนเรื่องการเก็บตัวฝึกซ้อมนั้น ได้อนุมัติให้เก็บตัวระยะยาว 1 ปีเต็ม และให้การสนับสนุนทุกด้านที่สำคัญกับนักกีฬา เพราะรัฐบาลมุ่งเน้นในการสนับสนุนกีฬาอย่างแท้จริง

ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศ(กกท.) ยืนยันว่า การแข่งขันซีเกมส์ในบ้าน เป้าหมายเดียวของทัพไทย คือ การเป็นเจ้าเหรียญทองให้ได้เท่านั้น แต่ก็ต้องทำได้ภายใต้การแข่งขันที่บริสุทธิ์ยุติธรรม จัดการแข่งขันได้ในระดับมาตรฐานสากล สร้างความประทับใจให้กับทุกชาติที่มาร่วมชิงชัย ความได้เปรียบของไทย คือ การคุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมเท่านั้น แต่จะไม่เอาเปรียบชาติอื่นๆ ในด้านการตัดสิน กฎกติกา ดังนั้นจะต้องทำให้ครั้งนี้เป็น “คลีนซีเกมส์” ที่สุด

ไฮไลต์อีกเรื่องของซีเกมส์ ครั้งที่ 33 คือ พิธีเปิดการแข่งขัน ซึ่งครั้งนี้มีเจ้าภาพหลายจังหวัด ผู้ว่าการ กกท. เปิดเผยถึงแนวคิดในการจัดพิธีเปิดที่แสดงถึงความเป็นไทยได้อย่างชัดเจนที่สุด คือ จะใช้แนวคิดจัดนอกสนามแบบเดียวกับกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ที่จัดพิธีเปิดบริเวณแม่น้ำแซน ซึ่งไทยจะจัดที่ท้องสนามหลวง โดยมีฉากหลังเป็นพระบรมมหาราชวังและวัดพระศรีรัตนมหาศาสดาราม ที่ทั่วโลกรู้จักกันดี รวมทั้งมีภาพสถานที่ท่องเที่ยวของจังหวัดเจ้าภาพทั้งสงขลาและชลบุรี นอกจากมิติด้านกีฬาแล้ว ก็จะได้ในเรื่องการท่องเที่ยวด้วย นับเป็นการบอกเล่าซอฟต์พาวเวอร์ได้ดีอีกรูปแบบหนึ่ง ซึ่งก็ได้รับการสนับสนุนจากนายกรัฐมตรี และหลายภาคส่วนที่เกี่ยวข้องเป็นอย่างดี

ตลอดปี 2568 นักกีฬาทีมชาติไทยจะแข่งขันเพื่อสร้างชื่อเสียงกันตลอดทั้งปี ก่อนจะส่งท้ายที่มหกรรมใหญ่อย่างซีเกมส์ 

ร่วมให้กำลังใจเพื่อให้ทุกคนทำผลงานที่ดี คว้าชัยชนะกลับมาให้แฟนกีฬาชาวไทยได้ฉลองและมีความสุขกันตลอดทั้งปี.