‘เวียดนาม’โตอย่างก้าวกระโดด! ศึกชิงเจ้าตลาด‘ทุเรียน’ไล่บี้จี้‘ไทย’ไม่ห่าง

สำนักข่าว VnExpress International ของเวียดนาม รายงานข่าว Vietnam emerges as global durian powerhouse ระบุว่า มูลค่าการส่งออกทุกเรียนในปี 2567 ซึ่งสูงถึง 3.3 พันล้านเหรียญสหรัฐ (กว่า 1.1 แสนล้านบาท) ทำให้เวียดนามถูกจับตามองในฐานะ “ยักษ์ใหม่” แห่งวงการทุเรียนโลก โดยเติบโตขึ้น 7.8 เท่าเมื่อเทียบกับปี 2565 และคิดเป็นเกือบร้อยละ 50 ของมูลค่าการขนส่งผลไม้และผักทั้งหมดของเวียดนาม

ความสำเร็จนี้ส่วนใหญ่มาจากความต้องการลบริโภคยังสูงมากในประเทศจีน ที่นั่นทุเรียนถือเป็นผลไม้หรูหราและเป็นส่วนผสมในการทำอาหารที่สร้างสรรค์ ซึ่งกลายเป็นปรากฏการณ์ที่ได้รับความนิยมในหมู่ชนชั้นกลางแดนมังกร โดยมีผลิตภัณฑ์นวัตกรรมมากมาย เช่น สุกี้ทุเรียน ขนมปังทุเรียน และบุฟเฟต์ตามธีม ทำให้เวียดนามได้ใช้ประโยชน์จากโอกาสนี้ โดยรักษาการผลิตที่มีคุณภาพสูงตลอดทั้งปีเพื่อตอบสนองความต้องการของตลาดระดับพรีเมียม

ในเดือน พ.ย. 2567 จีนนำเข้าทุเรียนทั้งหมด 1.53 ล้านตัน มูลค่า 6.83 พันล้านเหรียญสหรัฐ (เกือบ 2.4 แสนล้านบาท) เพิ่มขึ้นร้อยละ 9.4 เมื่อเทียบเป็นรายปี เวียดนามครองส่วนแบ่งตลาดที่ทำกำไรมหาศาลนี้อยู่ที่ร้อยละ 47 ตามหลังผู้นำของตลาดอย่างไทยอยู่ไม่ไกล ในขณะเดียวกัน อินโดนีเซียก็ต้องดิ้นรนเพื่อแข่งขัน โดยการส่งออกทุเรียนมีมูลค่าเพียง 1.07 ล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 37 ล้านบาท) ในปี 2566 ซึ่งต่ำกว่าผลงานของเวียดนามอย่างมาก ตามข้อมูลของสำนักงานสถิติอินโดนีเซีย (BPS)

CNBC สำนักข่าวของสหรัฐอเมริกา อธิบายความสำเร็จของเวียดนาม ว่า เกิดจากกลยุทธ์ที่ครอบคลุมทั้งการปรับปรุงคุณภาพ นวัตกรรมทางเทคโนโลยี และการขยายตลาดต่างประเทศ โดยเวียดนามได้ใช้พื้นที่ปลูกทุเรียน 150,000 เฮกตาร์ (937,500 ไร่) โดยเฉพาะบริเวณสามเหลี่ยมปากแม่น้ำโขงและพื้นที่สูง เพื่อรักษาคุณภาพการผลิตที่สูงตลอดทั้งปี นอกจากนั้น ข้อตกลงการค้าเชิงกลยุทธ์กับจีน ซึ่งจัดทำขึ้นผ่านพิธีสารการส่งออกในปี 2565 ได้ทำให้สถานะของเวียดนามแข็งแกร่งยิ่งขึ้น ดังนั้น เวียดนามจึงมุ่งมั่นที่จะรักษามาตรฐานความปลอดภัยด้านอาหารที่เข้มงวด การตรวจสอบย้อนกลับผลิตภัณฑ์ และการนำเทคโนโลยีแช่แข็งที่ทันสมัยมาใช้

“เรื่องราวความสำเร็จของทุเรียนของเวียดนามแสดงให้เห็นว่า การวางแผนเชิงกลยุทธ์สามารถเปลี่ยนผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรในท้องถิ่นให้กลายเป็นสินค้าระดับโลกที่มีมูลค่าสูงได้อย่างไร” รายงานของสื่อเวียดนาม กล่าวทิ้งท้าย