'แทนคุณ' ยื่นหนังสือถึง 'วันนอร์' ชะลอการพิจารณา 'กฎหมายพนันออนไลน์และสถานบันเทิงครบวงจร' แนะให้สภาเป็นเจ้าภาพแก้ไขกฎหมาย-เปิดรับฟังความเห็น ปชช.ให้เกิดความรอบคอบ

29 ม.ค.2568 - ชมรมสันติประชาธรรม นำโดย นายแทนคุณ จิตต์อิสระ ประธานชมรมฯ เดินทางยื่นหนังสือถึงนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร เพื่อคัดค้านการก่อตั้งกาสิโนและการส่งเสริมการพนันออนไลน์ ซึ่งมีนายคัมภีร์ ดิษฐากรณ์ โฆษกประธานสภาฯ เป็นตัวแทนรับหนังสือ

โดยนายแทนคุณ กล่าวว่า ด้วยทางชมรมฯ และภาคีเครือขาย ที่ต้องการแสดงจุดยืนการคัดค้านการก่อตั้งกาสิโนและการส่งเสริมการพนันออนไลน์ พิจารณาจากสถานการณ์การพนันในสังคมไทยในช่วงเวลาที่ผานมา ซึ่งมีการขยายตัวมากขึ้นจนอาจกลายเป็นวิกฤตสังคมที่เป็นภัยคุกคามต่อคุณภาพชีวิตของสุจริตชนจํานวนมาก ทั้งปัญหาอาชญากรรม ลักวิ่งชิงปล้น ฆาตกรรม การหลอกลวง การฟอกเงิน ไปจนถึงปัญหาความแตกแยกในครอบครัวถูกทอดทิ้งและละเมิดทางเพศ หนี้สินที่เกดการติดการพนัน การฆ่าตนและคนในครอบครัวตาย ปัญหาอบายมุขและสิ่งเสพติดที่จะตามมาจากการติดการพนัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งนักเล่นพนันหน้าใหม่ทั้งออนไลน์และกายภาพจริง คือเด็กและเยาวชน

นายแทนคุณ มองว่า การเปิดสถานบันเทิงครบวงจร และการทําพนันออนไลน์ให้ถูกกฎหมาย อาจก่อให้เกดผลดีทางเศรษฐกิจ ช่วยให้รัฐบาลเก็บภาษีได้มากขึ้นและสามารถกำกบดูแลได้ชัดเจนมากขึ้นตามที่รัฐบาลกล่าวอ้าง แต่ในอีกด้านหนึ่งก็อาจก่อให้เกิดผลกระทบทางสังคมตามมาอย่างมากเช่นเดียวกัน และเชื่อว่าจะไม่ สามารถทําให้การพนันผิดกฎหมายและการเรียกรับสินบนของเจ้าหน้าที่หมดไป จึงอาจได้ไม่คุ้มเสีย และมีความจําเป็นต้องมีการศึกษาความเป็นไปได้ทางการลงทุน การศึกษาผลกระทบทางสังคมและสิ่งแวดล้อมให้รอบคอบ รวมถึงการกำหนดมาตรการกำกบดูแลควบคุม เพื่อป้องกันปัญหาและลดผลกระทบทางสังคมอย่างรอบด้าน โดยมิอาจใช้วิธีการออกกฎหมายพิเศษที่อํานวยความสะดวกทางนโยบาย เช่น การออกพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร หรือการออกกฎหมายรอง เพื่อให้สามารถนําพนันออนไลน์จากที่ผิดกฎหมายให้ถูกกฎหมายได้เพียงอย่างเดียว

อย่างไรก็ตาม วิกฤตทางสังคมจากการพนันดังที่ตนได้กล่าวมา เป็นเรื่องที่รัฐสภามิสมควรปล่อยให้เป็ นการดําเนินการของฝ่ายบริหารเพียงฝ่ายเดียว เพราะด้วยความรีบร้อน เร่งรัด เพื่อหวังผลงานและผลประโยชน์ในระยะสั้น อาจนํามาซึ่งความไม่รอบคอบ และกลายเป็นการซํ้าเติมปัญหาให้วิกฤตมากขึ้น ทางชมรมฯ จึงได้ร้องขอให้ฝ่ายนิติบัญญัติใช้อํานาจในการระงับ ชะลอและตรวจสอบ รวมทั้งมีส่วนร่วมรับผิดชอบต่อวิกฤตนี้อย่างจริงจัง

ดังนั้น จึงขอให้ประธานสภาฯ ใช้กระบวนการทางรัฐสภา เพื่อร่วมรับมือกับวิกฤตนี้ ดังต่อไปนี้ 1.ขอให้รัฐสภาในฐานะหนึ่งในอํานาจเสาหลักเป็นเจ้าภาพหลักในการดําเนินการปรับปรุงแก้ไขพระราชบัญญัติการพนัน พ.ศ.2478 ให้เป็นกฎหมายที่ทันสมัย มีเจตนารมณ์ที่ชัดเจนในการกำกับควบคุมการพนัน และให้มีหน่วยงานการกำกับดูแลควบคุมการพนันที่มีประสิทธิภาพ แก้ปัญหาเดิมที่ไม่มีเจ้าภาพหลักในการจัดการปัญหาพนัน และเป็นอิสระจากการถูกแทรกแซงจากกลุ่มผู้มีอิทธิพลที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจพนัน และควรกำหนดให้ กิจการพนันใดที่จะเกิดขึ้นจากนี้ไป ต้องออกกฎหมายย่อยเพื่อการกำกับควบคุมการพนันแต่ละชนิด เพื่อลดช่องโหว่ของการใช้กฎหมายฉบับเดียว ซึ่งอาจไม่ครอบคลุมเพียงพอ

2.ขอให้สมาชิกรัฐสภาจัดให้มีการรับฟังความเห็นของประชาชนเกี่ยวกับแนวนโยบายของรัฐบาลในปัจจุบัน โดยจัดเวทีรับฟังความเห็นในระดับพื้นที่ทั่วทุกภูมิภาค รับฟังความเห็นทั้งฝ่ายที่คัดค้านและฝ่ายที่เห็นด้วย ให้มีกระบวนการมีส่วนร่วมของทุกฝ่าย และ 3. ตราบใดที่ดำเนินการตามข้อ 1-2 ยังไม่แล้วเสร็จ ขอให้รัฐสภาชะลอการนำเข้าพระราชบัญญัติกิจการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจรไว้ก่อน

“หวังเป็นอย่างยิ่งว่า รัฐสภาจะเป็นเสาหลักสำคัญ ในการนำพาสังคมไทยให้การพนันพ้นจากวิกฤตสังคม ขอกล่าวเตือนสติคนไทยตามคำโบราณว่า โจรปล้น 10 ครั้งยังไม่เท่าไฟไหม้ครั้งเดียว ไฟไหม้ 10 ครั้งยังไม่เท่าเสียการพนันครั้งเดียว” นายแทนคุณ ทิ้งท้าย