วันเสาร์ที่ 3 พฤษภาคม 2568
6 มี.ค. 2568 09:57 | 2245 view
@pracha
จีนออกมาเตือนสหรัฐว่า จีนพร้อมที่จะทำสงครามในทุกรูปแบบกับสหรัฐ หลังจากที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ปรับขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากจีนอีก 10% กลายเป็น 20% โดยมีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 4 มีนาคม ทำให้จีนประกาศขึ้นภาษีสินค้าเกษตรนำเข้าจากสหรัฐในวันเดียวกัน 10-15% โดยมีผลบังคับใช้ในวันที่ 10 มีนาคมนี้
สถานเอกอัครราชทูตจีนในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. โพสต์บนเอ็กซ์ว่า “หากสหรัฐต้องการทำสงคราม ไม่ว่าจะเป็นสงครามภาษี สงครามการค้า หรือสงครามประเภทใดก็ตาม เราพร้อมจะสู้จนถึงที่สุด”
ถ้อยคำดังกล่าวที่จีนใช้ถือว่ารุนแรงที่สุดนับตั้งแต่ทรัมป์ขึ้นดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐ และเกิดขึ้นในขณะที่ผู้นำพรรคคอมมิวนิสต์จีนเกือบ 3,000 คน กำลังเข้าร่วมการประชุมสภาประชาชนแห่งชาติที่กรุงปักกิ่ง
โพสต์บน X ของสถานทูตสหรัฐในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี.
พร้อมกับข้อความดังกล่าว สถานทูตจีนได้แนบโพสต์ซึ่งเป็นข้อความของโฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีนที่ระบุว่า ปัญหาเฟนทานิลเป็นแค่ข้ออ้างที่ไร้สาระในการขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจีนของสหรัฐ แต่การข่มขู่ไม่ได้ทำให้เรากลัว การกลั่นแกล้งไม่ได้ผลกับเรา การกดดัน บังคับ หรือขู่เข็ญไม่ใช่วิธีที่ถูกต้องในการจัดการกับจีนเช่นกัน
ในการประชุมเมื่อวันที่ 5 มีนาคม นายหลี่ เฉียง นายกรัฐมนตรีจีนประกาศว่า จีนจะเพิ่มงบประมาณด้านกลาโหมอีก 7.2% ในปีนี้ พร้อมกับเตือนว่า การเปลี่ยนแปลงที่ไม่เคยเห็นในรอบศตวรรษกำลังเกิดขึ้นทั่วโลก และมันกำลังก้าวไปข้างหน้าในอัตราที่รวดเร็วขึ้น
ผู้นำในปักกิ่งพยายามส่งข้อความถึงประชาชนในจีนว่า พวกเขามั่นใจว่าเศรษฐกิจของประเทศสามารถเติบโตได้ แม้จะมีภัยคุกคามจากสงครามการค้า
บีบีซีระบุว่า จีนพยายามที่จะนำเสนอภาพลักษณ์ของการเป็นประเทศที่มีเสถียรภาพและสงบสุข ตรงข้ามกับสหรัฐอเมริกาที่จีนกล่าวหาว่าเข้าไปพัวพันกับสงครามในตะวันออกกลางและยูเครน
จีนอาจหวังที่จะใช้ประโยชน์จากการกระทำของทรัมป์ที่เกี่ยวข้องกับพันธมิตรของสหรัฐ อย่างแคนาดาและเม็กซิโก ซึ่งต่างก็ได้รับผลกระทบจากภาษีศุลกากรเช่นเดียวกับจีน แต่จีนก็ไม่ต้องการที่จะใช้คำพูดรุนแรงเกินไปที่อาจทำให้พันธมิตรระดับโลกรายใหม่เกิดความหวาดกลัว
ในสุนทรพจน์ของนายกรัฐมนตรีจีนเมื่อวันพุธที่ผ่านมา นายหลี่เน้นย้ำว่า จีนจะยังคงเปิดกว้างและหวังที่จะดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ
อย่างไรก็ดี ในอดีตจีนได้เน้นย้ำว่าเตรียมพร้อมที่จะทำสงครามมาแล้วเช่นกัน โดยในเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน ได้เรียกร้องให้ทหารเพิ่มความพร้อมในการทำสงคราม ในขณะที่มีการฝึกซ้อมทางทหารรอบเกาะไต้หวัน
เจ้าหน้าที่จีนหวังว่าความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐและจีนภายใต้การนำของทรัมป์จะมีความเป็นมิตรมากขึ้นหลังจากที่เขาเชิญสีเข้าร่วมพิธีสาบานตนรับตำแหน่ง โดยทรัมป์กล่าวว่าผู้นำทั้งคู่ได้มีการหารือทางโทรศัพท์กันที่เป็นไปอย่างยอดเยี่ยม ไม่กี่วันก่อนที่เขาจะกลับเข้าไปยังทำเนียบขาว
ต่อมามีรายงานว่าผู้นำทั้งสองจะมีการสนทนาทางโทรศัพท์อีกครั้งในเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา แต่ที่สุดแล้วมันก็ไม่ได้เกิดขึ้น
ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐและจีนเป็นหนึ่งในความสัมพันธ์ระหว่างประเทศที่มีความขัดแย้งกันมากที่สุดในโลก โพสต์ของสถานทูตจีนบนเอ็กซ์ดังกล่าวถูกแชร์ไปอย่างแพร่หลาย และอาจถูกนำไปใช้โดยกลุ่มที่ต่อต้านจีนในคณะรัฐมนตรีของทรัมป์ ในฐานะหลักฐานว่าจีนต้องเป็นประเด็นที่ใหญ่ที่สุดในนโยบายต่างประเทศ และยังเป็นภัยคุกคามทางเศรษฐกิจของสหรัฐอีกด้วย
ข่าว
3 พ.ค. 2568 15:20 30 views
ข่าว
3 พ.ค. 2568 15:16 23 views
ข่าว
3 พ.ค. 2568 14:56 23 views
ข่าว
3 พ.ค. 2568 14:52 27 views
ข่าว
3 พ.ค. 2568 14:34 48 views
ข่าว
3 พ.ค. 2568 14:27 35 views
ข่าว
3 พ.ค. 2568 14:25 58 views
ข่าว
3 พ.ค. 2568 11:25 75 views
ข่าว
3 พ.ค. 2568 11:22 71 views
ข่าว
3 พ.ค. 2568 11:17 154 views
ข่าว
3 พ.ค. 2568 11:15 82 views
ข่าว
3 พ.ค. 2568 11:13 83 views
ข่าว
3 พ.ค. 2568 10:57 79 views
ข่าว
3 พ.ค. 2568 10:51 187 views
ข่าว
3 พ.ค. 2568 10:21 96 views
ข่าว
3 พ.ค. 2568 09:58 92 views