เปิดเบื้องหลังห้องประชุมลับสภาสูง สว.สีน้ำเงิน สอยร่วง 'สิริพรรณ-ชาตรี'ปม 112 พ่นพิษ ทำ 'นกสวน จุฬาฯ' วืดตุลาการศาล รธน. เหตุหวั่นทัศนคติต่อสถาบันมีปัญหา ปล่อยให้ขึ้นนั่งบัลลังก์ไม่ได้

19 มี.ค.2568 - มีรายงานถึงเบื้องหลังการประชุมวุฒิสภา เมื่อวันอังคารที่ 18 มี.ค.ที่มีการประชุมลับเพื่อพิจารณาการโหวตเห็นชอบตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ที่ใช้เวลาร่วมสามชั่วโมงและสุดท้ายวุฒิสภาไม่ให้ความเห็นชอบ ศ.ดร.สิริพรรณ นกสวน สวัสดี อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยและนายชาตรี อรรจนานันท์ อดีตอธิบดีกรมการกงสุลและอดีตเอกอัครราชทูตไทย ประจำกรุงเฮก ประเทศเนเธอร์แลนด์ เข้าไปเป็นตุลาการฯ เพราะคะแนนเสียงโหวตเห็นชอบไม่เกินกึ่งหนึ่งของจำนวนเสียง สว. ที่ปฏิบัติหน้าที่ มีรายงานว่า เมื่อเข้าสู่การประชุมลับ การประชุมเป็นไปอย่างเคร่งเครียดโดยเฉพาะตอนอภิปรายเรื่องคุณสมบัติและความเหมาะสมของ ศ.ดร.สิริพรรณ โดย มีสว.ลุกขึ้นอภิปรายจำนวนมาก ทั้งสนับสนุนและคัดค้าน

รายงานข่าวแจ้งว่า ในส่วนของการอภิปรายคัดค้าน สว.ส่วนใหญ่หลายสิบคนอภิปรายไปในแนวทางเดียวกันว่า การที่ ศ.ดร.สิริพรรณ ไปร่วมลงชื่อเสนอแก้ไขมาตรา 112 เมื่อหลายปีก่อนหน้านี้ เป็นเรื่องไม่สมควร ไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง แม้จะมีการทำหนังสือชี้แจงอย่างเป็นทางการมาที่ กมธ.สอบประวัติฯของวุฒิสภา และตอนมาให้สัมภาษณ์แสดงวิสัยทัศน์กับ กมธ.สอบประวัติฯ ที่ชี้แจงว่าเป็นการให้ความเห็นเชิงวิชาการในฐานะนักวิชาการ แต่ สว.หลายคนเห็นว่าเป็นคำชี้แจงที่ฟังไม่ขึ้น เพราะสะท้อนให้เห็นถึงทัศนคติที่มีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ที่ไม่เหมาะสม หากโหวตให้เข้าไปเป็นตุลาการฯ จะทำให้วุฒิสภาถูกสังคมวิจารณ์และตั้งคำถามว่าทำไมถึงโหวตเห็นชอบให้เข้าไปทำหน้าที่ตุลาการฯ ได้ ทั้งที่มีทัศนคติต่อสถาบันแบบนี้ จะเป็นเรื่องที่ส่งผลต่อ สว.ตามมา

“บรรยากาศการประชุมเป็นไปอย่างเคร่งเครียด แม้จะมี สว.อีกประมาณ 16 คน พยายามลุกขึ้นช่วยสนับสนุน ศ.ดร.สิริพรรณ และโต้แย้ง สว.สีน้ำเงิน ว่าการลงชื่อของด ศ.ร.สิริพรรณ เป็นเรื่องความเห็นเชิงวิชาการ เป็นการแสดงออกตามสิทธิเสรีภาพ แต่หากเข้าไปเป็นตุลาการฯ เชื่อว่า ศ.ดร.สิริพรรณ จะต้องปรับบทบาทของตัวเองไป จึงไม่ควรเอาเรื่องในอดีตมาเป็นเหตุผลที่จะโหวตสกัดไม่ให้ ศ.ดร.สิริพรรณ เป็นตุลาการฯ โดยสว.ทั้งสองฝ่ายต่างลุกขึ้นอภิปรายสลับกันไปมา”

ข่าวแจ้งว่า ในห้องประชุมลับ สว.สีน้ำเงิน ต่างลุกขึ้นอภิปรายโดยมีการอ้างอิงข้อมูลที่ค้นมาจาก digital footprint เกี่ยวกับความเห็นของ ศ.ดร.สิริพรรณในประเด็นต่างๆ แล้ว สว.สีน้ำเงินก็อภิปรายไปในทางเดียวกันว่า สว.มีหน้าที่ต้องปกป้องสถาบัน การเลือกคนที่มีทัศนคติอย่างใดอย่างหนึ่งต่อสถาบัน จึงต้องตรวจสอบประวัติภูมิหลังอย่างรอบคอบ

ขณะที่การอภิปรายในส่วนของนายชาตรี อรรจนานันท์ การอภิปรายของสว.ใช้เวลาไม่นานไม่นานหนัก พบว่า สว.สีน้ำเงิน ลุกขึ้นอภิปรายกันเป็นส่วนใหญ่ เนื้อหาส่วนใหญ่อภิปรายในประเด็นเช่นควรกลับไปมีการเลือกตุลาการฯ เพื่อมาแทนชื่อของนายชาตรี เพราะมองว่าการที่นายชาตรีผ่านเข้ารอบมา พบว่ากรรมการสรรหาฯ ที่มีประธานศาลฎีกาเป็นประธานต้องลงมติถึงสามรอบ กว่าจะผ่านเข้ารอบส่งชื่อมาให้วุฒิสภา แสดงว่า กรรมการสรรหาฯ ก็มองว่านายชาตรีไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีที่สุด ไม่เช่นนั้นคนโหวตให้ผ่านตั้งแต่รอบแรกแล้วเหมือน ศ.ดร.สิริพรรณ จึงไม่สมควรโหวตเห็นชอบ เพื่อที่กรรมการสรรหาฯ จะได้เปิดรับสมัครใหม่ เพื่อจะได้คนที่มีความเหมาะสมมากกว่าสมัครเข้ามาใหม่ รวมถึงการอภิปรายว่า นายชาตรีสมัยรับราชการอยู่กระทรวงการต่างประเทศ ไม่ดีมีผลงานโดดเด่นเป็นที่ประจักษ์

ทำให้เมื่อมีการอภิปรายกันเสร็จ จึงมีการให้ลงมติ ผลจึงออกมาว่า ศ.ดร.สิริพรรณและนายชาตรี คะแนนเสียงเห็นชอบไม่ถึงกึ่งหนึ่งของจำนวน สว.ที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่ จึงถือว่าไม่ผ่านความเห็นชอบให้เข้าไปเป็นตุลาการศาลรธน. ทำให้ต้องส่งเรื่องไปยังประธานศาลฎีกา ในฐานะประธานคณะกรรมการสรรหาฯ ให้มีการนัดประชุมคณะกรรมการสรรหาฯ ใหม่เพื่อกำหนดวันและขั้นตอนการเปิดรับสมัครตุลาการศาลรธน.รอบใหม่สองคน ต่อไป ที่ก็จะใช้เวลาอีกหลายเดือน

แหล่งข่าวจาก สว.สีน้ำเงินให้ข้อมูลว่า การโหวตไม่ให้ความเห็นชอบด ศ.ร.สิริพรรณ และนายชาตรี รอบนี้ สว.สีน้ำเงิน ได้รับสัญญาณพิเศษผ่านวิป สว.สายสีน้ำเงินเมื่อช่วงเช้าก่อนเข้าห้องประชุมฯ ว่าให้โหวตคว่ำ เพื่อล้มกระดานการเลือกตุลาการฯ รอบนี้ จะได้ไปเริ่มนับหนึ่งใหม่

“สัญญาณการโหวตครั้งนี้ จะแตกต่างจากการโหวตองค์กรอิสระของ สว.แบบรอบที่ผ่านมา เพราะครั้งนี้ สว.สีน้ำเงินถูกจับตาเยอะ ก็เลยเกรงกันว่า ความลับจะหลุดไปก่อน จากปกติที่ส่วนใหญ่จะรู้แนวทางล่วงหน้าก่อนการลงมติหลายวัน แต่รอบนี้ มีการส่งสัญญาพิเศษมาสองรอบรอบแรก เป็นการส่งสัญญาณผ่าน ระดับแกนนำ สว.สีน้ำเงิน เมื่อค่ำวันจันทร์ที่ 17 มีนาคม หลังการประชุมรัฐสภาเสร็จสิ้นลงว่าให้โหวตแบบไหน และอีกรอบหนึ่ง ตอนเช้าวันนี้ก่อนเข้าประชุมวุฒิสภา ที่แกนนำ สว.สีน้ำเงินที่เป็นวิป สว.สีน้ำเงิน มีการไปแจ้งสว.สีน้ำเงิน เป็นการส่วนตัว ให้ลงมติไม่ผ่านทั้งสองคน ไม่ใช่แค่ ศ.ดร.สิริพรรณคนเดียว

“สาเหตุที่นายชาตรีชื่อไม่ผ่าน ก็มีการวิจารณ์กันว่า เพราะไม่ใช่คนที่สีน้ำเงินต้องการ เพราะเขาอยากให้นาย สราวุธ ทรงศิวิไล อดีตอธิบดีกรมทางหลวง หรือนายสุรชัย ขันอาสา อดีตผู้ว่าราชการหลายจังหวัด อดีตอธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน คนใดคนหนึ่ง เข้ารอบสุดท้ายไปเป็นตุลาการฯ ซึ่งเมื่อมีการเปิดรับสมัครใหม่ ต้องดูว่าทั้งสองคนจะไปสมัครหรือไม่ เพราะยังมีสิทธิ์สมัครได้อยู่ เพราะเดิมทีทั้งสองคนก็มีสิทธิ์จะผ่านเข้ารอบ แต่ตอนโหวตในชั้นกรรมการสรรหาเสียงไม่ถึง ไปแพ้นายชาตรีเสียก่อน หรือไม่แน่อาจจะเป็นชื่อใหม่ ก็ได้เพราะทั้งสองคนเริ่มถูกจับตามองแล้ว”แหล่งข่าว สว.สีน้ำเงินระบุ