รมว.คมนาคม ลั่น รถไฟความเร็วสูงไทย–จีน ระยะที่ 2 ใช้แรงงานและวัสดุในประเทศ ย้ำปลอดภัย–รับมือแผ่นดินไหว พร้อมก่อสร้างในปี 2568

นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยหลังการประชุมคณะกรรมการร่วมเพื่อความร่วมมือด้านรถไฟระหว่างไทย-จีน (JC) ครั้งที่ 32 ว่า โครงการรถไฟความเร็วสูงไทย–จีน ระยะที่ 2 ช่วงนครราชสีมา–หนองคาย ระยะทาง 356 กิโลเมตร กำลังเดินหน้าเต็มสูบ

โดยขณะนี้ การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) อยู่ระหว่างจัดทำร่างเอกสารประกวดราคา (TOR) คาดว่าจะเสร็จภายใน 2–3 เดือน และจะเริ่มกระบวนการก่อสร้างได้ภายในปี 2568 ทั้งนี้โครงการจะใช้ผู้รับเหมาสัญชาติไทยเท่านั้น ไม่เปิดประกวดราคาแบบนานาชาติ ตามกฎหมายจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ พ.ศ. 2560  ความพิเศษของโครงการนี้คือการใช้วัสดุก่อสร้างจากภายในประเทศเกือบ 100% โดยฝ่ายไทยจะควบคุม ออกแบบ และตรวจแบบเองทั้งหมด พร้อมกำกับการก่อสร้างอย่างเข้มงวดทุกขั้นตอน เพื่อให้ได้มาตรฐานระดับสากล ซึ่งฝ่ายจีนเองก็ยอมรับในมาตรฐานวิศวกรรมของไทย

นายสุริยะยังกล่าวถึงเหตุการณ์แผ่นดินไหวเมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2568 ซึ่งทำให้อาคารบางแห่งพังถล่ม ว่าเป็นบทเรียนสำคัญ กระทรวงคมนาคมจึงได้สั่งให้ รฟท. และกรมการขนส่งทางราง ตรวจสอบคุณภาพโครงการรถไฟความเร็วสูงในทุกมิติ โดยเฉพาะด้านความสามารถในการต้านทานแผ่นดินไหว ซึ่งจะนำมาใช้เป็นมาตรฐานใหม่ของโครงการก่อสร้างโครงสร้างขนาดใหญ่ในอนาคต

ด้านนายวีริศ อัมระปาล ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย ระบุว่า โครงการนี้จะใช้ระบบตรวจสอบคุณภาพวัสดุอย่างละเอียดตั้งแต่ต้นทางจนถึงปลายทาง เช่น ตรวจสอบโรงงานผลิตเหล็ก ทดสอบความล้าของเหล็กทุกขนาด สุ่มตรวจ Tag เหล็กทุกล็อต ตรวจสอบก่อนการเทคอนกรีตทุกครั้ง  ส่วนโครงการรถไฟความเร็วสูงไทย–จีน ระยะที่ 1 (กรุงเทพฯ–นครราชสีมา ระยะทาง 250.77 กม.) ขณะนี้อยู่ระหว่างการก่อสร้าง คาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2572 โดยดำเนินการตามมาตรฐานสากลเช่นเดียวกัน มีการออกแบบเพื่อรองรับแรงสั่นสะเทือนจากแผ่นดินไหว และใช้เหล็กคุณภาพจากบริษัท ทาทา สตีล (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)

สำหรับสัญญา 3–1 ช่วงแก่งคอย–กลางดง และปางอโศก–บันไดม้า วงเงิน 9,348 ล้านบาท ซึ่งดำเนินการโดยกิจการร่วมค้า ITD – CREC No.10 ขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการตรวจสอบคุณภาพวัสดุ โดยสถาบันเหล็กและทีมวิศวกรผู้เชี่ยวชาญ คาดว่าจะทราบผลภายใน 2 วัน