ซีเกมส์ครั้งที่ 33 พลิกโฉมระบบแข่งฟุตบอล! ไทยเจ้าภาพเตรียมล่าเหรียญทองในบ้าน – นิชิกายะมั่นใจระบบใหม่ช่วยนักเตะ พร้อมเน้น “หัวใจนักสู้” สำคัญที่สุด

การแข่งขันฟุตบอลชายในมหกรรมกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 33 ซึ่งประเทศไทยเป็นเจ้าภาพในช่วงวันที่ 9-20 ธันวาคมนี้ กำลังจะมีการเปลี่ยนแปลงระบบการแข่งขันครั้งใหญ่ โดยปรับจากเดิมที่แบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มละ 5 และ 6 ทีม มาเป็นการแบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม กลุ่มละ 3-4 ทีม ส่งผลให้แต่ละทีมลงแข่งขันเพียง 4-5 นัดก่อนชิงเหรียญรางวัล ซึ่งนับเป็นการลดภาระทางร่างกายของนักกีฬา และเพิ่มความเข้มข้นในแต่ละนัด

ทาคายูกิ นิชิกายะ หัวหน้าผู้ฝึกสอนทีมชาติไทย รุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี ที่จะนำทัพ “ช้างศึก” ลุยซีเกมส์ครั้งนี้ กล่าวถึงการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวว่า “ระบบใหม่ช่วยให้นักเตะไม่ต้องลงสนามถี่เกินไป แน่นอนว่าส่งผลดีต่อร่างกายของพวกเขา แต่สิ่งที่สำคัญกว่าระบบการแข่งขันคือการเตรียมทีม และการเตรียมใจให้พร้อม”

เจ้าตัวยังยอมรับว่ามีแรงกดดันกับเป้าหมายเหรียญทองที่ทั้งแฟนบอลและสื่อคาดหวังอย่างสูง หลังจากผลงานในซีเกมส์ครั้งที่ผ่านมาไม่เป็นที่น่าพอใจ โดยกล่าวเพิ่มเติมว่า “ผมเข้าใจความคาดหวังของทุกคน และจะพยายามทำผลงานให้ดีที่สุดเพื่อให้ทุกคนภูมิใจ”

ขณะนี้ทีมชาติไทย U23 อยู่ในช่วงเริ่มต้นของการเตรียมทีม โดยมีแผนเรียกนักเตะเก็บตัวในช่วงฟีฟ่าเดย์เดือนมิถุนายน และจัดเกมอุ่นเครื่อง 2 นัด ก่อนเข้าสู่ศึกฟุตบอลชิงแชมป์อาเซียน U-23 ที่อินโดนีเซียในเดือนกรกฎาคม และฟุตบอลชิงแชมป์เอเชีย รุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี รอบคัดเลือกในเดือนกันยายน

สำหรับการแข่งขันฟุตบอลชายในซีเกมส์ครั้งนี้จะจัดขึ้นใน 3 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพฯ สงขลา และเชียงใหม่ แบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม โดยมี 1 กลุ่มที่มี 3 ทีม และอีก 2 กลุ่มมี 4 ทีม แข่งขันแบบพบกันหมด คัดเอาแชมป์กลุ่มและรองแชมป์ที่ดีที่สุด 1 ทีม รวม 4 ทีมผ่านเข้าสู่รอบรองชนะเลิศและรอบชิงชนะเลิศ โดยจำกัดอายุผู้เล่นไม่เกิน 22 ปี และไม่เปิดโควต้านักเตะอายุเกิน

ศึกครั้งนี้ไม่เพียงเป็นโอกาสในการคว้าเหรียญทองในบ้าน แต่ยังเป็นบทพิสูจน์สำคัญของทีมช้างศึกเลือดใหม่ ที่ต้องพิสูจน์ตัวเองต่อหน้าแฟนบอลทั้งประเทศ

#ซีเกมส์33 #ฟุตบอลชายซีเกมส์ #ช้างศึกU23 #นิชิกายะ #ซีเกมส์เจ้าภาพไทย #ลุยเพื่อเหรียญทอง #ทีมชาติไทย #ซีเกมส์2025 #ข่าวกีฬา #ฟุตบอลไทย