วันที่ 4 พฤษภาคมของทุกปีเป็นวันสำคัญที่ควรค่าแก่การรำลึกถึง ไม่เพียงแต่วันฉัตรมงคลของไทย ในขณะเดียวกันยังเป็น “วันนักดับเพลิงสากล” (International Firefighters’ Day - IFFD) เพื่อเป็นการยกย่องถึงบทบาทและหน้าที่ของเหล่านักดับเพลิงผู้ที่เสี่ยงชีวิตในการปฏิบัติหน้าที่เพื่อปกป้อง ดูแลรักษาความปลอดภัยของทรัพย์สิน ชุมชน พื้นที่ธรรมชาติ รวมไปถึงเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน

          หนึ่งในเหตุการณ์ที่เหล่านักดับเพลิงได้เข้ามามีบทบาทสำคัญในการปกป้องรักษาสิ่งซึ่งเป็นที่รักของมนุษย์ คือ เหตุการณ์เพลิงไหม้มหาวิหารนอเทรอดาม หนึ่งในสัญลักษณ์ของกรุงปารีสที่สร้างขึ้นตั้งแต่ศตวรรษที่ 12 มีอายุมากกว่า 850 ปี และเป็นหนึ่งในมรดกโลกที่มีนักท่องเที่ยวจากทุกมุมโลกหลั่งไหลกันไปเยี่ยมชม ในช่วงเย็นของวันที่ 15 เมษายน 2562 เวลาราว 18.50 น. พบเกิดเหตุเพลิงไหม้บริเวณห้องใต้หลังคาของมหาวิหารนอเทรอดามที่อยู่ในช่วงการบูรณะ หรือที่เรียกว่า “La forêt” หมายถึง ป่า เนื่องจากเป็นห้องที่มีโครงสร้างเป็นไม้โอ๊คค้ำยันหลังคาของโบสถ์ ซึ่งถือเป็นเชื้อเพลิงไฟอย่างดี ทำให้มีกลุ่มควันและเปลวไฟพุ่งขึ้นและลุกลามไปยังบริเวณส่วนหอคอยกลางของวิหารจนทำให้หอคอยสูงถูกเผาทำลายจนพังถล่มมายังด้านล่าง ภายในตัววิหารที่ประดับด้วยกระจกสีที่เป็นภาพแสดงเรื่องราวพระเยซูและคริสต์ประวัติ รูปปั้นก็ได้รับความเสียหายจากเหตุเพลิงไหม้ครั้งนี้

ภาพ : หอคอยสูงกลางวิหารกำลังพังลงจากการเผาไหม้ ที่มา : bbc.com

  ภาพ : วิหารที่กำลังถูกไฟไหม้ลุกลาม ที่มา :  ภาพ : มหาวิหารนอเทรอดามหลังเพลิงไหม้สงบลง ที่มา : bbc.com

แม้การควบคุมเพลิงจะมีความล่าช้าอันเนื่องมาจากความสับสนที่ไม่สามารถระบุต้นเพลิงได้ในช่วงแรกและการจราจรในปารีสที่ติดขัดในช่วงเวลาดังกล่าว ทำให้นักดับเพลิงมาถึงที่เกิดเหตุราว 19.00 น. แต่การดับเพลิงก็ยังมีความติดขัดเพราะวิหารไม่มีระบบหัวฉีดน้ำดับเพลิงบนเพดานวิหาร นักดับเพลิงต้องเสี่ยงชีวิตด้วยการปีนบันไดกว่า 300 ขั้นไปยังห้องใต้หลังคา ประกอบกับความซับซ้อนของโครงสร้าง ความแคบของทางเดินที่ทำให้นักดับเพลิงต้องปีนข้ามกัน ซึ่งความยุ่งยากทั้งหลายประการทำให้การควบคุมเพลิงของเจ้าหน้าที่นักดับเพลิงเป็นไปด้วยความยากลำบาก อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่นักดับเพลิงสามารถควบคุมเพลิงไว้ได้ในช่วง 21.45 น. และยังคงทำงานตลอดทั้งคืนเพื่อดับไฟให้มอด

          เหตุเพลิงไหม้ที่เกิดขึ้นถือเป็นเรื่องราวที่สะเทือนใจต่อสายตาชาวโลก เนื่องจากวิหารแห่งนี้เป็นส่วนหนึ่งของอาสนวิหารประจำอัครมุขมณฑลปารีสและเป็นที่เก็บรักษาศาสนวัตถุโบราณเกี่ยวกับพระมหาทรมานของพระเยซู อย่างรูปไม้กางเขน ตะปู มงกุฎหนาม เป็นผลให้นอกจากการที่เจ้าหน้าที่นักดับเพลิงต้องปฏิบัติหน้าที่ด้วยความรวดเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้เพื่อรักษาไม่ได้วิหารเสียหายไปมากกว่านี้ ทั้งยังต้องพยายามรักษาศาสนวัตถุต่างๆ ที่มีคุณค่าต่อจิตใจของชาวคริสต์ทั่วโลก ทำให้ในพิธีเปิดมหาวิหารนอเทรอดามอีกครั้งในวันที่ 7 ธันวาคม 2567 หลังจากการบูรณะนานกว่า 5 ปีมีการร่วมกันยืนปรบมือให้กับทีมนักดับเพลิงที่ร่วมปฏิบัติหน้าที่อย่างเข้มแข็งเพื่อเป็นการยกย่องในความเสียสละของเหล่านักดับเพลิงในการเสี่ยงชีวิตปฏิบัติหน้าที่ปกป้องวิหารแห่งนี้