วันเสาร์ที่ 7 มิถุนายน 2568
6 พ.ค. 2568 15:44 | 946 view
@pracha
"นายกฯ"สั่งการ"ครม." ให้ทุกหน่วยงานเตรียมรับมือเศรษฐกิจไทย หลัง"ธนาคารโลก"ประเมินตกต่ำทั่วโลก มอบ"รมว.คลัง"สรุปแผนรับมือนำเสนอ ครม.ด่วน ส่วนเหตุความไม่สงบภาคใต้มอบ"ภูมิธรรม-อนุทิน"ประสานมือกันแก้ไขปัญหาด่วน หลังเหตุการณ์เกิดถี่ขึ้น
เมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม 2568 นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงข้อสั่งการนายกรัฐมนตรี ว่า นายกฯ มีข้อสั่งการดังนี้
1.ผลกระทบจากสถานการณ์เศรษฐกิจโลกที่ผันผวน ซึ่งมีสาเหตุสำคัญจากสงครามการค้าและการประกาศนโยบายขึ้นภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ ทำให้ประเทศต่างๆ ไม่สามารถปรับตัวได้ทัน ส่งผลให้ธนาคารโลก (World bank) และสถาบันต่างๆ คาดการณ์ว่าการเติบโตทางเศรษฐกิจของโลกจะตกต่ำลง ส่วนประเทศไทย ก็จะได้รับผลกระทบดังกล่าวไปด้วย โดยคาดว่าจะต่ำกว่าที่ได้เคยคาดการณ์ไว้ ทั้งนี้ รายได้ของประชาชนในภาพรวมจะลดลง โดยเฉพาะภาคการส่งออกของไทยที่ยังจำเป็นต้องพึ่งพาตลาดต่างประเทศ ซึ่งจะส่งผลในการจัดเก็บภาษีอันเป็นรายได้ของประเทศ ซึ่งประเทศไทยก็คงจะเก็บได้ต่ำกว่าเป้าอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ทั้งนี้ แผนการดำเนินการโครงการต่างๆ ของรัฐบาล โดยเฉพาะที่ต้องอาศัยงบประมาณก็จำเป็นที่จะต้องได้รับการทบทวน ให้เกิดประสิทธิภาพประสิทธิผล และสอดคล้องกับรายได้ของประเทศที่ลดลง
ทั้งนี้ ประเทศไทยมีความจำเป็น ต้องถือโอกาสนี้เร่งปรับเปลี่ยนโครงสร้างเศรษฐกิจ โดยให้ความสำคัญกับการสร้างการเติบโตของเศรษฐกิจในประเทศ (Domestic Economy) ให้มากขึ้น เพื่อให้มีภูมิคุ้มกันต่อความผันผวนของเศรษฐกิจโลก รวมไปถึงมาตรการดูแลประชาชนและการช่วยเหลือภาคธุรกิจ / ผู้ประกอบการ SMEs ที่ได้รับผลกระทบอีกด้วย
นายกฯ มีข้อสั่งการในประเด็นนี้ว่า จากสถานการณ์ดังกล่าว ได้มอบหมายให้ นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกฯ และรมว.คลัง รับเรื่องนี้ไปหารือในคณะกรรมการกระตุ้นเศรษฐกิจ และนำมาเสนอต่อ ครม.โดยเร็ว และขอเน้นย้ำกับคณะรัฐมนตรีทุกท่าน ว่า "ท่ามกลางวิกฤตย่อมมีโอกาส" และขอให้พี่น้องประชาชนและพวกเราทุกคนมีกำลังใจที่จะร่วมกันฟันฝ่าวิกฤตการณ์ครั้งนี้ไปด้วยกัน โดยอาศัย "ความสามัคคีของทุกคนในประเทศ" โดยมีคณะรัฐมนตรี และข้าราชการทุกท่านเป็นแกนนำร่วมกันระดมความร่วมมือ ร่วมแรง ร่วมใจ จากทุกฝ่าย ทุกภาคส่วน ทั้งในภาครัฐภาคเอกชน และประชาชน เพื่อช่วยกันฟันฝ่าและนำพาประเทศให้ผ่านพ้นวิกฤตนี้ไปให้ได้
2.นายจิรายุ กล่าวต่อไปว่า นายกฯ มีข้อสั่งการสำหรับสถานการณ์การก่อความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ว่า ซึ่งแต่เดิมที่มีแนวโน้มที่กำลังคลี่คลายไปในทิศทางที่ดีขึ้น แต่ในช่วงหลังกลับมีการก่อเหตุร้ายรุนแรง และบ่อยขึ้น จึงขอมอบหมายให้ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และรมว.กลาโหม ร่วมกับทหารทุกเหล่าทัพ ตำรวจ และหน่วยงานความมั่นคง เร่งดำเนินการหามาตรการป้องกันเพิ่มเติม และแก้ไขปัญหานี้โดยด่วน และขอสั่งการให้ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.มหาดไทย สั่งการให้ผู้ว่าราชการจังหวัดในพื้นที่ เร่งร่วมมือกับทุกภาคส่วนอย่างจริงจังในการแก้ปัญหา โดยเฉพาะการดูแลทุกข์สุขและสร้างขวัญกำลังใจให้กับประชาชนในพื้นที่
3.นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรียังมีข้อสั่งการต่อคณะรัฐมนตรีอีกว่า ตามที่ได้เคยแจ้งกับทางคณะรัฐมนตรีทุกท่านว่า การนำเสนอวาระต่อ ครม.ของแต่ละกระทรวง ขอความร่วมมือให้มีการสอบถามความเห็นจากทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ครบถ้วนตามกฎหมาย ก่อนที่จะนำเสนอต่อ ครม.ภายในระยะเวลาที่เหมาะสม ซึ่งพบว่า ในช่วง 15 วันที่ผ่านมา มีวาระจรเข้ามามากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งวาระที่เกี่ยวข้องกับงบประมาณ จึงขอเน้นย้ำกับ ครม.ทุกท่าน ให้วางแผนเรื่องเวลาในการส่งเรื่องมา เพื่อจะได้นำเข้าในวาระปกติ ไม่จำเป็นต้องเข้ามาเป็นวาระจรโดยไม่จำเป็น เพราะจะเกิดความไม่รอบคอบ และขาดการรับฟังความคิดเห็นที่ครบถ้วนจากทุกหน่วยงาน" นายจิรายุ กล่าว
ขณะที่ ที่ทำเนียบรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แถลงหลังประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ครม.เห็นชอบตามที่การทรวงคมนาคม เสนอ การจัดงบประมาณรายจ่าย ประจำปีงบประมาณ 2568 งบกลางวงเงิน 2,049 ล้านบาท เพื่อฟิ้นฟูโครงสร้างพื้นฐานที่ได้รับความเสียหายจากอุทกภัย และภัยพิบัติ 17 จังหวัด ได้แก่ เชียงราย แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ พะเยา ลำปาง แพร่ น่าน อุตรดิตถ์ ตราด สุโขทัย เลย ภูเก็ต ยะลา พิษณุโลก อุดรธานี หนองคาย และกาญจนบุรี ซึ่งมีความเสียหายส่งผลกระทบกับประชาชนที่ใช้เส้นทาง
น.ส.แพทองธาร กล่าวต่อว่า ครม.เห็นชอบตามที่กระทรวงสาธารสุข เสนอ ในการขอความเห็นชอบเสนอให้เดือนพฤษภาคมของทุกปี เป็นเดือนแห่งสุขภาพใจ (Mind Month) ภายใต้แนวคิดสุขภาพใจเป็นเรื่องของทุกคน โดยกรมสุขภาพจิตจะดำเนินการร่วมกับเครือข่ายใน 4 ประเด็นหลัก ลดการตีตราทางสุขภาพจิต การสร้างความตระหนักรู้ การเข้าถึงบริการสุขภาพจิต และสร้างพื้นที่ปลอดภัย
ทั้งนี้ นายกฯ กล่าวอีกว่า ครม.เห็นชอบตามที่คณะกรรมการนโยบายการท่องเที่ยว เสนอแนวทางการจัดแคมเปญ โดยขอให้ทุกหน่วยงานดำเนินการตามที่ได้รับมอบหมาย เพื่อให้ภาคการท่องเที่ยวเป็นอีกหนึ่งเครื่องยนต์ที่จะเพิ่มรายได้ และช่วยพยุงเศรษฐกิจของประเทศในข่วงที่ต่างประเทศมีการผันผวน โดยมุ่งเน้นการบูณาการทุกภาคส่วนในการเตรียมความพร้อมรับนักท่องเที่ยว ได้แก่ ด้านสายการบิน โรงแรมที่พัก ร้านอาหาร บริษัททัวร์ ห้างสรรพสินค้า ร้านค้า ระบบขนส่งเอกชน สาธารณะ และด้านอีเว้นท์
ข่าว
6 มิ.ย. 2568 15:54 143 views
ข่าว
6 มิ.ย. 2568 15:44 154 views
ข่าว
6 มิ.ย. 2568 15:35 143 views
ข่าว
6 มิ.ย. 2568 15:31 124 views
ข่าว
6 มิ.ย. 2568 15:20 151 views
ข่าว
6 มิ.ย. 2568 15:14 161 views
ข่าว
6 มิ.ย. 2568 14:55 159 views
ข่าว
6 มิ.ย. 2568 14:50 149 views
ข่าว
6 มิ.ย. 2568 14:49 170 views
ข่าว
6 มิ.ย. 2568 14:49 176 views
ข่าว
6 มิ.ย. 2568 14:45 124 views
ข่าว
6 มิ.ย. 2568 12:36 204 views
ข่าว
6 มิ.ย. 2568 12:07 163 views
ข่าว
6 มิ.ย. 2568 11:56 261 views
ข่าว
6 มิ.ย. 2568 10:55 178 views
ข่าว
6 มิ.ย. 2568 10:44 170 views