วันพฤหัสบดีที่ 29 พฤษภาคม 2568
27 พ.ค. 2568 16:27 | 263 view
@pracha
‘ขุนคลัง’ ยันไทยไม่มีนโยบายเข้าไปแทรกแซงค่าเงิน หลังบาทแข็งโป๊ก แจงไม่มีใครรู้จะแข็งค่ายาวแค่ไหน หรือจะกลับมาอ่อนค่าลงช่วงไหน มองขึ้นอยู่กับสถานการณ์การค้าโลกว่าจะจบได้อย่างไร พร้อมยันไม่มีแผนเข็นงบ 1.57 แสนล้านบาท อุ้มโครงการรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย ระบุพร้อมพิจารณาทางออกให้อย่างรอบคอบที่สุด
27 พ.ค. 2568 – นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.การคลัง กล่าวถึงสถานการณ์การแข็งค่าของเงินบาทในขณะนี้ ว่า ยอมรับว่าช่วงนี้เงินบาทมีการแข็งค่ามากขึ้น และเชื่อว่าคงไม่มีใครรู้ว่าการแข็งค่าจะยาวแค่ไหน หรือว่าจะกลับมาอ่อนค่าลงในช่วงไหน โดยมองว่าทิศทางของค่าเงินในขณะนี้คงขึ้นอยู่กับสถานการณ์โลกว่าจะมีการตกลงกันได้อย่างไร และความเชื่อมั่นต่อสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯ จะกลับมามากเท่าไหร่ หลังจากนั้นทิศทางค่าเงินคงจะเป็นอีกด้าน
ทั้งนี้ ในส่วนของประเทศไทยยังคงยึดหลักที่จะไม่เข้าไปแทรกแซงค่าเงิน โดยมองว่าถ้าจะทำก็อยู่ที่นโยบายการเงินมากกว่าที่จะต้องไปคิดใน 2-3 เรื่อง ว่าจะทำอย่างไรที่จะให้ค่าเงินบาทไม่เสียเปรียบประเทศอื่น
ส่วนสถานการณ์การส่งออกที่ขยายตัวชะลอลงนั้น นายพิชัย ระบุว่า เรื่องนี้ไม่ได้เกิดแค่กับประเทศไทยเท่านั้น หากการหารือด้านการค้าโลกยังไม่จบลง ก็เชื่อว่าการส่งออกจะชะลอกันทั่วโลก ทุกประเทศจะชะลอกันหมด แต่ในส่วนของไทยภาพรวมการส่งออกจนถึงเดือน เม.ย. 2568 ยังขยายตัวในเกณฑ์ที่ดี
“เรื่องส่งออกส่วนตัวผมให้ความสำคัญในเรื่องการสร้างมูลค่าเพิ่มจะทำได้แค่ไหน เพราะตามข้อเท็จจริงแล้วการส่งออกถ้าได้ราคาถูก มันก็จะย้อนกลับไปยังผู้ผลิตที่จะได้รายได้น้อย ตรงนี้ก็จะทำให้ปัญหาเกิดภายในประเทศซึ่งก็คือต้นทาง ส่วนเรื่องเงินบาทแข็งค่า ต้องเข้าใจว่าขณะนี้เงินกำลังหาที่ไป บางส่วนก็ไปทอง ไปอะไร และประเทศเราอย่างที่บอกเป็นประเทศที่มีเงินสำรองค่อนข้างแข็งแรง ดังนั้นเงินจึงไหลเข้ามาก่อน คนก็อาจจะวิเคราะห์ได้ว่า เงินบาทอาจจะแข็งถาวร หรือแข็งชั่วคราว เราก็ต้องตามไป แน่นอนว่าช่วงที่ไหลเข้ามาเร็ว ๆ มันก็จะแข็งค่าก่อน เพื่อรอดูสถานการณ์ว่าเป็นอย่างไร” รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.การคลัง ระบุ
สำหรับกรณีที่สภาผู้แทนราษฎรเตรียมพิจารณาร่างงบประมาณปี 2569 นั้น นายพิชัย กล่าวว่า ในรายละเอียดร่างงบประมาณปี 2569 น้อยกว่าปีงบประมาณก่อนหน้า โดยรัฐบาลได้มีการปรับลดรายจ่ายในส่วนอื่นที่ไม่จำเป็นลง แต่ไม่ได้มีการปรับลดรายจ่ายลงทุนแต่อย่างใด โดยสิ่งหนึ่งที่อยากฝากกรรมาธิการพิจารณาร่างงบประมาณปี 2569 พิจารณาว่ารัฐบาลได้มีการโยกงบ 1.57 แสนล้านบาทมาใช้ในโครงการลงทุนขนาดเล็ก ซึ่งอยากให้มีการพิจารณาใช้งบประมาณที่มีความต่อเนื่องจากส่วนนี้ โดยให้เป็นโครงการที่มีขนาดใหญ่กว่านี้ โดยเฉพาะโครงการน้ำสำหรับเกษตรอุตสาหกรรม ซึ่งเป็นโครงการขนาดใหญ่ ที่อยากให้มาพิจารณาว่าจะมีการใช้งบประมาณอย่างไร
ส่วนข้อกังวลว่าจะมีการนำงบประมาณ 1.57 แสนล้านบาทมาใช้รองรับโครงการรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสายนั้น ยืนยันว่า ไม่น่าใช่ และยังไม่ได้ยินว่ามีการพูดในประเด็นนี้แต่อย่างใด โดยส่วนตัวได้มีการหยิลเรื่องนี้มาพิจารณาอย่างละเอียด คิดอยู่หลายชั่วโมงว่ากระทรวงการคลังอาจจะมีการเสนอทางออกให้ แต่ทุกอย่างต้องคิดอย่างรอบคอบ
“งบประมาณจะต้องมาดูความจำเป็นในการใช้ว่าจะใช้งบกันอย่างไร อยากให้ใช้ในโครงการขนาดใหญ่ โดยเฉพาะโครงการน้ำสำหรับเกษตรอุตสาหกรรม เพื่อให้เกิดความต่อเนื่อง ซึ่งเมื่อมีการตัดสินใจใช้งบประมาณแล้วก็จะต้องมั่นใจด้วยว่าจะต้องก่อให้เกิดประโยชน์กับประเทศ ทำให้การลงทุนเพิ่ม และต้นทุนถูกลง รัฐบาลจึงอยากจะทำ” นายพิชัย กล่าว
ข่าว
28 พ.ค. 2568 17:39 121 views
ข่าว
28 พ.ค. 2568 17:36 130 views
ข่าว
28 พ.ค. 2568 16:53 145 views
ข่าว
28 พ.ค. 2568 16:37 126 views
ข่าว
28 พ.ค. 2568 16:26 102 views
ข่าว
28 พ.ค. 2568 16:26 99 views
ข่าว
28 พ.ค. 2568 14:49 145 views
ข่าว
28 พ.ค. 2568 14:41 133 views
ข่าว
28 พ.ค. 2568 14:36 155 views
ข่าว
28 พ.ค. 2568 14:13 161 views
ข่าว
28 พ.ค. 2568 14:03 100 views
ข่าว
28 พ.ค. 2568 13:46 163 views
ข่าว
28 พ.ค. 2568 13:44 156 views
ข่าว
28 พ.ค. 2568 13:35 115 views
ข่าว
28 พ.ค. 2568 13:28 81 views
ข่าว
28 พ.ค. 2568 13:01 138 views