วันศุกร์ที่ 30 พฤษภาคม 2568
28 พ.ค. 2568 14:41 | 238 view
@pracha
ผู้ว่าธปท.ส่งหนังสือถึงรัฐบาล แนะแนวทางใช้งบ 1.57 แสนล้าน กระตุ้นศก.รับวิกฤตทรัมป์
รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาลแจ้งว่า กรณีคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม 2568 มีมติเห็นชอบแผนการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ภายใต้กรอบวงเงิน 157,000 ล้านบาท ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ โดยโยกงบประมาณที่จะใช้กับโครงการเติมเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท เฟส 3 มาดำเนินโครงการอื่นแทนนั้น สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) ได้มีหนังสือด่วนที่สุด ขอให้ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เสนอความเห็นในส่วนที่เกี่ยวข้อง เพื่อประกอบการพิจารณาของ ครม.โดยด่วน ต่อมา นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้เสนอความเห็นมายัง ครม. แล้ว
สาระสำคัญดังนี้ ธปท. เห็นด้วยกับการทบทวนแผนการใช้งบประมาณให้สอดรับกับสภาวการณ์ ทางเศรษฐกิจในปัจจุบันที่ทันท่วงที และไม่ขัดข้องกับหลักการของแผนการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ที่เน้นการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน การเพิ่มผลิตภาพการผลิต และการรักษาระดับการจ้างงาน โดยเฉพาะในภาคการผลิตและการส่งออกที่มีแนวโน้มได้รับผลกระทบจากสงครามการค้าและการประกาศนโยบายการจัดเก็บภาษีศุลกากรตอบโต้ (reciprocal tariff) ของประเทศมหาอำนาจ
ทั้งนี้ ธปท. เห็นว่า ควรให้น้ำหนักกับการบรรเทาผลกระทบและสนับสนุนการปรับตัวของภาคธุรกิจมากขึ้นด้วย โดยมีข้อสังเกต เพิ่มเติม ดังนี้ 1.ควรจัดสรรงบประมาณโดยให้ความสำคัญกับการบรรเทาความเดือดร้อนต่อกลุ่มที่ได้รับผลกระทบโดยตรง ได้แก่
กลุ่มผู้ส่งออกสินค้าไปสหรัฐฯ รวมถึงธุรกิจที่อยู่ในห่วงโซ่อุปทาน (supply chain) ที่เกี่ยวข้อง
กลุ่มผู้ผลิตที่จะถูกกระทบจากการทะลักของสินค้าจากต่างประเทศ (import flooding) ที่รุนแรงขึ้น ซ้ำเติมปัญหาเชิงโครงสร้างในภาคการผลิตที่ไทยเผชิญอยู่ โดยตั้งแต่ ปี 2565 – 2567 การนำเข้าสินค้าขั้นสุดท้ายเพิ่มขึ้นประมาณ 1.3 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งผู้ผลิตในกลุ่มนี้ส่วนใหญ่เป็นผู้ประกอบการ SMEs ที่มีข้อจำกัดในการปรับตัว นอกจากนี้ ควรมีโครงการที่ช่วยให้ภาคธุรกิจ โดยเฉพาะผู้ประกอบการ SMEs ปรับตัวเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันและเพิ่มโอกาสในการเปิดตลาดใหม่ควบคู่ไปด้วย
2. ควรมีมาตรการเร่งด่วนเพื่อรับมือกับ import flooding เพราะถ้าไม่ดำเนินการ ในเรื่องนี้ก่อน โครงการหรือมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจภายใต้แผนการขับเคลื่อนเศรษฐกิจฯ อาจไม่มีประสิทธิผลเท่าที่ควร โดยแนวทางการรับมือที่ต้องเร่งดำเนินการ อาทิ การบังคับใช้กฎหมายและการตรวจสอบที่เข้มงวดใน 3 ด้าน ได้แก่
การตรวจมาตรฐานสินค้า การตรวจสินค้าผ่านด่าน และการป้องกันสวมสิทธิสินค้าเพื่อใช้ไทยเป็นทางผ่านในการส่งออก
การเร่งรัดกระบวนการไต่สวน ข้อพิพาทกับต่างประเทศ เรื่องการที่สินค้าจากต่างประเทศเข้ามาทุ่มตลาดในไทย
การกำหนดให้แพลตฟอร์มออนไลน์ที่ขายสินค้าในไทยต้องจัดตั้งสำนักงานในประเทศไทย เพื่อกำหนดหลักเกณฑ์ การตรวจสอบมาตรฐานสินค้าและมีระบบชำระภาษีมูลค่าเพิ่ม
การกำหนดมาตรการเพิ่มเติมด้านภาษี โดยตั้งภาษีหรือกำหนดโควตาการนำเข้าสินค้า หรือการเก็บภาษีสำหรับสินค้าที่มีมูลค่าต่ำกว่า 1,500 บาท
ข่าว
30 พ.ค. 2568 10:02 31 views
ข่าว
30 พ.ค. 2568 09:50 41 views
ข่าว
30 พ.ค. 2568 09:47 39 views
ข่าว
30 พ.ค. 2568 09:39 110 views
ข่าว
30 พ.ค. 2568 09:34 30 views
ข่าว
30 พ.ค. 2568 09:16 38 views
ข่าว
30 พ.ค. 2568 09:10 51 views
ข่าว
30 พ.ค. 2568 09:02 31 views
ข่าว
30 พ.ค. 2568 08:53 87 views
ข่าว
30 พ.ค. 2568 08:46 53 views
ข่าว
29 พ.ค. 2568 19:53 204 views
ข่าว
29 พ.ค. 2568 18:58 203 views
ข่าว
29 พ.ค. 2568 17:04 40 views
ข่าว
29 พ.ค. 2568 16:43 182 views
ข่าว
29 พ.ค. 2568 16:38 196 views
ข่าว
29 พ.ค. 2568 16:28 164 views