วันจันทร์ที่ 16 มิถุนายน 2568
29 พ.ค. 2568 10:55 | 811 view
@pracha
รุกฆาต 'ทักษิณป่วยทิพย์' กลุ่มชาญชัยไปศาลฎีกายื่นข้อมูลมัดชั้น 14 จับตาหลักฐานเด็ด ใบเสร็จ รพ.ตำรวจ 26 ใบ สะพัดแพทยสภารอตั้งหลัก หากศาลเรียกขอดูมติลงโทษ 3 หมอ พร้อมร่วมมือ
29 พ.ค.2568 - ผู้สื่อข่าวรายงานว่าภายหลังจากที่ ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง มีคำสั่งรับไต่สวนกรณีชั้น 14 รพ.ตำรวจ เมื่อวันที่ 30 เมษายน ที่ผ่านมา และสั่งให้ โจทก์(อัยการสูงสุด-คณะกรรมการ ป.ป.ช.ที่เคยยื่นฟ้องนายทักษิณ ชินวัตรต่อศาลฎีกาฯ) รวมถึงตัวนายทักษิณ ในฐานะจำเลย ตลอดจน ผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร อธิบดีกรมราชทัณฑ์ และนายแพทย์ใหญ่โรงพยาบาลตำรวจส่งพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องให้ศาลฎีกาฯ ภายใน 30 วัน นับแต่วันที่ได้รับทราบคำสั่งศาล ซึ่งจะครบกำหนดวันศุกร์ที่ 30 พ.ค.นี้
พบว่ามีความเคลื่อนไหวที่น่าสนใจคือในวันนี้ 29 พ.ค. เวลา 10.30 น.ที่ศาลฎีกาฯ นายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ อดีต สส.พรรคประชาธิปัตย์ ที่เคยเป็นผู้ร้องให้ศาลฎีกาฯไต่สวนคดีชั้น 14 ของนายทักษิณก่อนหน้าศาลฎีกาฯจะรับเรื่องไว้ไต่สวนเอง พร้อมด้วย พล.ต.อ.เสรีพิสุทธ์ เตมียเวส อดีต สส.พรรคเสรีรวมไทย ที่เคยไปเยี่ยมนายทักษิณ ที่ รพ.ตำรวจสองครั้งช่วงนอนพักรักษาตัว, นายสมชาย แสวงการ อดีตสว., นพ.ตุลย์ สิทธิสมวงศ์ อาจารย์คณะแพทยศาสตร์ จุฬาฯ ,นายภิมะ สิทธิ์ประเสริฐและนายนิติธร ล้ำเหลือหรือทนายนกเขา จะไปร่วมกันยื่นคำร้อง ขอส่งมอบพยานหลักฐานและข้อเท็จจริงต่างๆ อันเป็นที่มาของคำร้องฉบับที่ศาลฎีกาได้สั่งรับไว้ไต่สวนหาความจริงด้วยศาลเอง
ด้านนายชาญชัย เปิดเผยกับ”ไทยโพสต์”ว่า เอกสารที่จะนำไปส่งให้ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาฯ ทางคณะของตนเห็นว่าเป็นเอกสารสำคัญ ที่เดิมเคยคิดว่า หากศาลฎีกาฯ รับคำร้องที่ตนเคยยื่นไปสามครั้งก่อนหน้านี้ ก็จะยื่นเอกสารให้ศาลฎีกาไว้ไต่สวน โดยสิ่งที่จะนำไปส่งให้ศาลฎีกาเป็นข้อมูลที่แสดงให้เห็นว่านายทักษิณไม่ได้ป่วยจริง โดยมีเจ้าหน้าที่กรมราชทัณฑ์ร่วมกันช่วยนายทักษิณ การยื่นเอกสารในวันนี้ เป็นการใช้สิทธิ์ยื่นตามข้อกำหนดเกี่ยวกับการดำเนินคดีของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พ.ศ. 2562 ข้อ 62 ที่เขียนว่า เมื่อบุคคลภายนอกยื่นคำร้องหรือคำขอต่อศาลในชั้นบังคับคดี ให้ผู้พิพากษาประจำศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองอย่างน้อยสามคน เป็นองค์คณะพิจารณาชี้ขาดคำร้องหรือคำขอดังกล่าว
“การยื่นครั้งนี้ไม่ใช่การร้องใหม่ เพื่อให้เกิดคดีใหม่ แต่เป็นการใช้สิทธิ์ตามข้อกำหนดฯ เพื่อยื่นให้ศาลไต่สวนกรณีที่ไม่มีการบังคับให้เป็นไปตามคำพิพากษาของศาลฯ ซึ่งจะมีการอ้างอิงเรื่องเดิมของศาลฎีกาฯก่อนหน้านี้ที่รับสำนวนผมไป แต่ว่าศาลฎีกาฯไม่ได้ให้ผมเข้าร่วมไต่สวนด้วย ผมก็จะส่งเอกสารที่มีให้ศาลฎีกาฯไปพิจารณาไต่สวนเอง รวมถึงทางกลุ่มที่เดินทางไปวันนี้ ก็จะยื่นเอกสารที่เกี่ยวข้องเช่น เอกสารของพล.ต.อ.เสรีพิสุทธ์ เตมียเวสที่เคยไปเป็นพยานในการพิจารณาไต่สวนของป.ป.ช. , เอกสารผลการตรวจสอบเรื่องการรักษาตัวของนายทักษิณ ของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ เอกสารผลการตรวจสอบเรื่องชั้น 14 ของคณะกรรมาธิการสิทธิมนุษยชนฯ วุฒิสภาชุดที่แล้ว ที่ตรวจสอบเรื่องดังกล่าว และเอกสารผลการประชุมของแพทยสภา เมื่อ 8 พ.ค.ที่ผ่านมา เอกสารของนพ.ตุลย์ ที่เคยไปชี้แจงกับป.ป.ช. ซึ่งก่อนหน้านี้ผมรวบรวมไว้ ตอนที่ไปยื่นคำร้องต่อศาลฎีกาฯ แต่เมื่อศาลฎีกาฯ ไม่ได้รับคำร้องผมไว้ แต่ศาลจะไต่สวนเอง ผมก็จะนำเอกสารที่มีไปมอบให้ศาลฎีกาฯ ก็เป็นอำนาจของศาล หากศาลเห็นว่าเป็นข้อมูลที่เป็นประโยชน์ ก็อาจนำไปสู่การซักถามไต่สวน”นายชาญชัยระบุ
แหล่งข่าวจากคณะทำงานชุดดังกล่าวให้ข้อมูลว่า เอกสารสำคัญส่วนหนึ่งที่ทางกลุ่มจะนำไปยื่นต่อศาลฎีกาฯ คือ ใบเสร็จที่นายทักษิณไปนอนรักษาตัวที่รพ.ตำรวจในช่วงหกเดือนก่อนได้รับการพักโทษ แต่ไม่ได้รักษาอะไร มีแต่จ่ายค่าห้อง ซึ่งที่ผ่านมา มีคนเรียกร้องให้นายทักษิณนำมาเปิดเผย แต่จริงๆ คนในคณะทำงานที่เดินทางไปที่ศาลฎีกาวันนี้กับกลุ่มนายชาญชัยและทนายนกเขา มีหลักฐานนี้นานแล้ว เพราะเวลาคนไปรักษาตัวที่โรงพยาบาล จะมีรายละเอียดว่า มีค่าใช้จ่ายในการรักษาอะไรบ้าง เช่น ค่ายา ค่าหมอ ค่าห้อง พอออกจากรพ. คนไข้ก็จะได้รับใบเสร็จกับใบรับรองแพทย์ แต่ของนายทักษิณไม่มีรายละเอียดตรงนี้
“เอกสารที่ทางคณะทำงานมีดังกล่าว เป็นเอกสารรพ.ตำรวจ 26 ฉบับ เป็นเอกสารจริง มีเจ้าหน้าที่เซ็นรับรอง เพื่อให้ศาลฎีกาพิจารณา ก่อนหน้านี้ทางคณะทำงาน ได้ข้อมูลมาว่าให้จับตาอาจมีความเคลื่อนไหว บางฝ่ายอาจมีการทำเอกสารย้อนหลังในช่วงการรักษาตัวนายทักษิณ เพราะเดิมที ไม่มีการคาดคิดว่า ศาลฎีกาฯ จะเข้ามาไต่สวนคดีชั้น 14 จึงไม่ได้เตรียมเอกสารดังกล่าวไว้ แต่ทางกลุ่มมีเอกสารของจริงจากรพ.ตำรวจ จึงต้องรีบนำไปมอบให้ศาลฎีกาฯ ไว้ก่อน รวมถึงทางกลุ่มจะร้องขอต่อศาลฎีกาฯให้ขอเอกสารที่สำคัญในเรื่องนี้จากแพทยสภา รวมถึงหากเป็นไปได้ ก็ควรออกหมายเรียกกรรมการแพทยสภา เช่น ศ.นพ.ประสิทธิ์วัฒนาภา อุปนายกแพทยสภา ไปเป็นพยานเบิกความในวันที่ 13 มิ.ย.นี้ด้วยแต่ก็ขึ้นอยู่กับศาลฎีกาฯว่าจะพิจารณาอย่างไร”แหล่งข่าวระบุ
มีรายงานว่า ในส่วนของแพทยสภา ขณะนี้ กำลังรอดูท่าทีจากนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.สาธารณสุขก่อนว่า จะวีโตมติแพทยสภาที่ให้ลงโทษแพทย์สามคนหรือไม่ โดยเมื่อครบกำหนด วันที่ 30 พ.ค. แล้วหลังจากนั้น หากศาลฎีกาฯ มีการขอให้แพทยสภา ส่งเอกสารมติแพทยสภา และเอกสารที่พอเปิดเผยได้ แพทยสภาก็อาจพิจารณาจะส่งให้ ก่อนวันที่ 13 มิ.ย. ที่ศาลฎีกานัดไต่สวนฯ
ข่าว
16 มิ.ย. 2568 16:42 63 views
ข่าว
16 มิ.ย. 2568 16:40 65 views
ข่าว
16 มิ.ย. 2568 14:58 97 views
ข่าว
16 มิ.ย. 2568 14:47 82 views
ข่าว
16 มิ.ย. 2568 14:10 146 views
ข่าว
16 มิ.ย. 2568 13:56 134 views
ข่าว
16 มิ.ย. 2568 12:50 179 views
ข่าว
16 มิ.ย. 2568 12:47 76 views
ข่าว
16 มิ.ย. 2568 12:43 134 views
ข่าว
16 มิ.ย. 2568 12:27 111 views
ข่าว
16 มิ.ย. 2568 11:33 221 views
ข่าว
16 มิ.ย. 2568 11:16 146 views
ข่าว
16 มิ.ย. 2568 10:59 97 views
ข่าว
16 มิ.ย. 2568 10:54 93 views
ข่าว
16 มิ.ย. 2568 10:51 139 views
ข่าว
16 มิ.ย. 2568 10:46 122 views