วันงดสูบบุหรี่โลก 2568  สัญญาณดีไทยลดนักสูบเกือบครึ่งใน 33 ปี แต่ต้องเฝ้าระวังบุหรี่ไฟฟ้าสายพันธุ์ใหม่คุกคามเด็ก-คนจนแบกภาระหนัก

31 พ.ค. 2568 - ศ.นพ.ประกิต วาทีสาธกกิจ ประธานมูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ เปิดเผยข่าวดีว่า ประเทศไทยประสบความสำเร็จในการลดอัตราการสูบบุหรี่ลงอย่างน่าทึ่ง โดยลดลงถึง 48.4% ในรอบ 33 ปี จาก 32% ในปี 2534 เหลือเพียง 16.5% ในปี 2567 โดยเฉพาะภาคเหนือที่ลดลงสูงสุดถึง 58.3%

อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ยังคงน่าเป็นห่วงในกลุ่มผู้มีรายได้น้อย โดยพบว่าผู้มีรายได้ 1,043-6,532 บาทต่อเดือน ต้องแบกรับภาระค่าบุหรี่สูงถึง 60% ของรายได้ ซึ่งส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อสถานะทางการเงิน สุขภาพ และโอกาสทางการศึกษาของบุตรหลาน นอกจากนี้ยังมีความกังวลเกี่ยวกับการระบาดของบุหรี่ไฟฟ้าในเด็กและเยาวชน

ผศ.ดร.ลักขณา เติมศิริกุลชัย ผู้อำนวยการศูนย์พัฒนาศักยภาพกำลังคนด้านการควบคุมยาสูบ สสส. เน้นย้ำถึงภัยคุกคามจากบุหรี่ไฟฟ้าที่พัฒนาไปสู่รูปแบบใหม่ๆ อย่าง "ทอยพอด" (Toy Pod) ที่มีลักษณะเหมือนของเล่น และ "นิโคตินเพาช์" (Nicotine Pouch) ซึ่งมีนิโคตินสูงกว่าบุหรี่ธรรมดาหลายเท่า แม้จะไม่มีควัน โดยมีรายงานพบเด็กปอดรั่ว-ปอดอักเสบจากการสูบบุหรี่ไฟฟ้าตั้งแต่อายุเพียง 12-14 ปี สะท้อนถึงความเร่งด่วนในการเพิ่มมาตรการควบคุมและป้องกันการเข้าถึง

มูลนิธิฯ ได้พัฒนาระบบเก็บข้อมูลผ่านแอปพลิเคชัน TUM (Tobacco Use Monitor) เพื่อช่วยให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) สามารถวางแผนและขับเคลื่อนมาตรการควบคุมยาสูบในพื้นที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยองค์การอนามัยโลกได้กำหนดคำขวัญวันงดสูบบุหรี่โลกปีนี้ว่า "กระชากหน้ากากธุรกิจบุหรี่ บุหรี่ไฟฟ้า : นิโคติน เสพติด จน ตาย" เพื่อตอกย้ำอันตรายและกระตุ้นให้รัฐบาลทั่วโลกเพิ่มความเข้มงวดในการควบคุมยาสูบต่อไป