ดัชนีการเมืองไทยดิ่งเหว! "สวนดุสิตโพล" ชี้สัญญาณคนไทย "หมดหวัง-เบื่อหน่าย" การเมือง หลังคะแนนภาพรวมลดต่อเนื่อง เหตุหลักปัญหาเศรษฐกิจ-ข้อกังขาความโปร่งใส

1 มิ.ย. 2568 - "สวนดุสิตโพล" มหาวิทยาลัยสวนดุสิต ได้เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นประชาชนทั่วประเทศ เรื่อง "ดัชนีการเมืองไทย ประจำเดือนพฤษภาคม 2568" โดยสำรวจจากกลุ่มตัวอย่าง 2,168 คน ระหว่างวันที่ 26-30 พฤษภาคม 2568 พบว่าคะแนนภาพรวมดัชนีการเมืองไทยเฉลี่ยอยู่ที่ 4.70 คะแนน ซึ่งลดลงจากเดือนเมษายน 2568 ที่ได้ 4.82 คะแนนอย่างต่อเนื่อง

นางสาวพรพรรณ บัวทอง ประธานสวนดุสิตโพล ระบุว่า การลดลงของคะแนนดัชนีการเมืองไทยอย่างต่อเนื่องนี้ อาจเป็นการส่งสัญญาณว่าคนไทยกำลัง "หมดหวัง" และ "เบื่อหน่าย" การเมืองไทยมากขึ้นทุกที ท่ามกลางกระแสข่าวการฮั้ว สว., เสถียรภาพของพรรคร่วมรัฐบาลระหว่างเพื่อไทยและภูมิใจไทยที่ยังไม่ชัดเจน ไปจนถึงการอภิปรายงบประมาณปี 2569 ที่หลายฝ่ายยังคงสงสัยในเรื่องความคุ้มค่าและความโปร่งใส ว่าจะตอบโจทย์ปากท้องประชาชนได้จริงหรือไม่

ตัวชี้วัดที่ได้คะแนนสูงสุดคือ ผลงานของฝ่ายค้าน เฉลี่ย 5.29 คะแนน สะท้อนความชื่นชอบในบทบาทการตรวจสอบความไม่โปร่งใสของรัฐบาลที่ได้คะแนนสูงสุดถึงร้อยละ 48.62 ขณะที่ตัวชี้วัดที่ได้คะแนนต่ำสุดคือ สภาพเศรษฐกิจโดยภาพรวมและการแก้ปัญหาความยากจน ได้เท่ากันที่ 4.31 คะแนน ซึ่งสอดคล้องกับข้อสังเกตว่าคะแนนดัชนีด้านการบริหารประเทศตามนโยบายที่ประกาศไว้ และการแก้ปัญหาต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนได้คะแนนต่ำอย่างน่าเป็นห่วง

ในด้านนักการเมืองฝ่ายรัฐบาลที่โดดเด่นประจำเดือนคือ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร ร้อยละ 40.87 ส่วนนักการเมืองฝ่ายค้านที่มีบทบาทโดดเด่นประจำเดือนคือ นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ร้อยละ 50.79

รองศาสตราจารย์ ดร.เขมภัทท์ เย็นเปี่ยม จากมหาวิทยาลัยสวนดุสิต เสริมว่า คะแนนนิยมของรัฐบาลเริ่มลดลงเนื่องจากนโยบายการแก้ปัญหาด้านเศรษฐกิจยังไม่สามารถกระตุ้นเศรษฐกิจให้ฟื้นตัวได้อย่างเป็นรูปธรรม อีกทั้งนโยบายและโครงการที่พยายามผลักดันออกมานั้น ประชาชนยังมีความเคลือบแคลงสงสัยในความคุ้มค่าและความโปร่งใสของการใช้งบประมาณแผ่นดิน

ดังนั้น หากรัฐบาลต้องการสร้างคะแนนนิยมให้กระเตื้องขึ้น จำเป็นต้องพยายามขับเคลื่อนนโยบายและโครงการที่เกี่ยวข้องกับปากท้องของประชาชน ความมั่นคงทางเศรษฐกิจ และการปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชั่น ให้เห็นผลอย่างเป็นรูปธรรม