วันพฤหัสบดีที่ 12 มิถุนายน 2568
11 มิ.ย. 2568 13:59 | 207 view
@pracha
'ศิริกัญญา' เผย 'กมธ. งบ 69' หน่วยงานเข้าแจงรับ GDP ปีหน้าตกเหลือ 1.6% เชื่อปี 70 หนี้สาธารณะทะลุเพดาน หากยุบสภาเร็ว ไม่รู้รัฐบาลไหนจะมาแบกต่อ เชื่อ 'รักชนก' คุณสมบัติครบนั่งรองประธาน กมธ.
11 มิ.ย. 2568 - ที่รัฐสภา นางสาวศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคประชาชน ให้สัมภาษณ์ถึงการประชุมคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 ในวันนี้ ว่า วันนี้เป็นนัดแรก ที่จะมีหน่วยงานมาชี้แจง 4 หน่วยงานหลัก ได้แก่ กระทรวงการคลัง , สภาพัฒนาเศรษฐกิจแห่งชาติ , ธนาคารแห่งประเทศไทย และสำนักงบประมาณ ในขั้นต้นก่อนที่จะมีการจัดทำร่างพระราชบัญญัติ ซึ่งทุกหน่วยงานพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า เศรษฐกิจทั้งปีนี้ และปีหน้า จะตกต่ำ จึงเป็นสิ่งที่หน้ากังวล
ในปี 68 แต่ละหน่วยงานก็คาดการณ์ ให้ตัวเลขจีดีพีไม่เท่ากัน อยู่ระหว่าง 1.8-2 เปอร์เซ็นต์ ส่วนในปี 69 จะตกต่ำลงไปอีก อยู่ที่ประมาณ 1.6 เปอร์เซ็นต์ และเป็นที่น่ากังวล โดยเฉพาะสิ่งที่ส่งผลกระทบต่องบประมาณ ประเด็นแรกคือการประมาณการรายได้เข้ารัฐ ซึ่งเรามีการคำนวณเบื้องต้นว่า หากจีดีพีตกต่ำแบบนั้น ในปี 69 รายได้รัฐจะหายไป 6 หมื่นล้านบาท หรือประมาณ 2 เปอร์เซ็นต์ ของการประมาณการรายได้ และหากไม่สามารถหารายได้จากที่อื่นมา ก็หมายความว่า รายจ่ายปี 69 จะใช้ได้อย่างไม่เต็มที่ตามที่ ได้ตามที่ตั้งไว้ 3.78 ล้านล้านบาท เพราะหากจะกู้เพิ่ม ก็กู้เพิ่มได้ไม่มาก เพราะรัฐบาลตั้งขาดดุลจนเกือบเต็มเพดานอยู่แล้ว ถ้าจะกู้เพิ่ม จะกู้เพิ่มเกินได้อีกแค่ 1.7 หมื่นล้านบาท
ดังนั้น จึงมีการพูดคุยกับกระทรวงการคลังว่า จะมีแนวทางอย่างไรบ้าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนภาษีสรรพสามิต ที่เราเก็บได้ต่ำกว่าเป้ามาโดยตลอด โดยกระทรวงการคลังมีการเสนอแนวทาง 2 อย่าง คือประเด็นแรก ที่จะใช้ทั้งปี 68 และ 69 คือจะมีการเก็บภาษีน้ำมันเพิ่มขึ้น 1 บาท เพียงอาจจะยังไม่กระทบกับราคาน้ำมันที่ประชาชนต้องควักเงินจ่าย แต่จะทำให้รัฐมีรายได้เพิ่มขึ้น 3 พันล้านบาทต่อเดือน
ประเด็นที่ 2 คือการเก็บภาษีตัวอื่นๆ เพิ่มเติม หรือมีการรื้อโครงสร้างของภาษีรถยนต์ในอนาคต เพราะการเก็บสรรพสามิตที่ลดลงมาก คือในส่วนภาษีรถยนต์ ตามที่เราขายได้น้อยลง รวมถึงการที่เราเก็บภาษีรถ EV ต่ำลงด้วย จึงถือว่าเป็นการปฏิรูปทั้งระบบ จะนำมาซึ่งรายได้ที่นำมาใช้จ่ายในปีงบประมาณ 69
แต่เรายังคงมีข้อกังวล เนื่องจากยังไม่มีการลงละเอียดชัดเจนว่า จะมาจากเงินในส่วนไหน และเม็ดเงินเท่าไหร่ ที่ผ่านมาเมื่อมีปัญหาเช่นนี้ กระทรวงการคลังจะใช้วิธีการเอาเงินปันผลจากรัฐวิสาหกิจต่างๆ อย่าง ปตท. กองสลาก กองทุนวายุภักดิ์ ซึ่งอาจไม่จีรังยั่งยืน เนื่องจากผลประกอบการรัฐวิสาหกิจอาจจะไม่ดี มีเพียงแค่ท่าอากาศยานไทยที่มีผลประกอบการดีขึ้น
สำหรับสัดส่วนดอกเบี้ยที่จะต้องจ่ายในแต่ละปี ที่ไม่มีการตั้งไว้ตามที่ได้วางแผนตอนต้น แต่สำนักงบประมาณได้ให้ความเห็นว่า จะต้องรอลุ้นว่าดอกเบี้ยนโยบายจะตกลงเรื่อยๆ แล้วทำให้ดอกเบี้ยพันธบัตรรัฐบาล มีค่าใช้จ่ายลดลงหรือไม่อย่างไร ซึ่งเป็นข้อกังวลในอนาคตว่า หากไม่เพียงพอ คงต้องใช้เงินคงคลัง หรืองบกลางมาชำระดอกเบี้ยอีก เหมือนปี 67
ขณะที่สัดส่วนหนี้สาธารณะต่อจีดีพี เราได้ฉายภาพให้ดูว่า ด้วยความที่จีดีพีโตตกต่ำ จะทำให้ไปถึง 70 เปอร์เซ็นเร็วขึ้น และปลายปีงบประมาณ 69 จะขึ้นไปถึง 69 เปอร์เซ็นต์ เร็วกว่าที่เคยวางแผนเอาไว้ ส่วนในปี 70 อย่างไรก็ต้องมีการขยายเพดานหนี้สาธารณะออกไปอย่างแน่นอน และกระทรวงการคลังก็ไม่ได้ปฏิเสธในเรื่องนี้ เท่ากับว่าประเทศไทยคงต้องมีมติของคณะกรรมการนโยบายการเงินการคลังของรัฐ เพื่อขยายเพดานหนี้สาธารณะในปี 70 และไม่แน่ใจว่า จะเป็นงบประมาณที่รัฐบาลไหนได้ใช้ หากมีการยุบสภาเร็วกว่านี้ ก็อาจไม่ใช่รัฐบาลนี้ ที่จะรับภาระหนี้สาธารณะเกิน 70 เปอร์เซ็นต่อจีดีพี
สำหรับกรณีเงินฝืด เรารับรู้กันว่า ตลาดต่างๆ เงียบเหงา กำลังซื้อประชาชนกำลังอ่อนตัวลง โดยธนาคารแห่งประเทศไทย ชี้แจงว่า ยังไม่เข้าสู่ช่วงเงินฝืด เพราะเวลาเงินเฟ้อติดลบ ติดลบเป็นหย่อมๆ ไม่ได้ติดลบ ทุกๆ รายการอย่างเท่าเทียม จึงยังไม่เข้าเกณฑ์ภาวะเงินฝืด แต่ต้องยอมรับว่า มีการจับตาดูเรื่องกำลังซื้อที่อ่อนแอลงเรื่อยๆ อย่างที่เราเห็นว่า คนจับจ่ายใช้สอยน้อยลง ตลาดเงียบเหงา หรือรายได้ของคนที่ลดลง ทั้งค่าจ้างแรงงาน และเกษตรกร
เมื่อถามถึงเรื่องไลฟ์สด ไม่มีการติดใจอะไรใช่หรือไม่ นางสาวศิริกัญญา กล่าวว่า เราเข้าใจมากกว่า เพราะหลายปีแล้ว ที่เราพยายามในเรื่องนี้ ก็ยังไม่สามารถเปลี่ยนใจกรรมาธิการเสียงข้างมากได้ แต่กรณีที่บอกว่า ไม่สามารถไลฟ์สด เนื่องจากตารางโปรแกรมของทีวี รัฐสภาถูกล็อคหมดแล้วนั้น ตนขอเสนอวิธีการแก้ไขง่าย ๆ คือการไลฟ์ผ่านช่องยูทูบ ที่ไลฟ์ได้มากกว่าหนึ่งรายการพร้อมๆ กัน ได้เลย
นางสาวศิริกัญญา ยังระบุถึงกำหนดการพิจารณาที่อาจล่าช้าว่า ถ้าจะล่าช้า จริงๆ น่าจะเป็นประมาณ 1 สัปดาห์ อย่างไรก็ตาม คิดว่ากรรมาธิการเอง สามารถยืดหยุ่นในการพิจารณาได้ หรือลดจำนวนวันลงได้ ทำงาน อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ใช้เวลาน้อยลงได้ ไม่ได้กังวล เพราะจำนวน 105 วันที่ได้รับมาตามรัฐธรรมนูญ ปกติก็ใช้ไม่หมดเป็นส่วนใหญ่อยู่แล้ว
เมื่อถามถึงการตั้งเป้าตัดงบ 5 หมื่นล้านบาทของฝ่ายค้านนั้น นางสาวศิริกัญญา ระบุว่า กรรมาธิการฝ่ายค้านเองยังคิดว่าเป็นปัญหา ตามที่ได้เล่าไปว่า เมื่อรายได้เก็บไม่เข้า รายจ่ายก็ควรจะต้องมีการปรับเปลี่ยนยุทธศาสตร์เหมือนกัน หากรอถึงวันนั้น วันที่รายได้ได้ไม่ครบจริงๆ ก็ไม่รู้ว่าโครงการไหนจะต้องเป็นโครงการที่โดนตัดลดไป ควรตัดสินใจตั้งแต่วันนี้ดีกว่า เรายังยืนยัน แม้ในท้ายที่สุด 3-4 เรื่องที่เราแถลงไปว่า เราอยากให้มีมติในเรื่องต่าง ๆ นั้น แต่ประธานกรรมาธิการ และกรรมาธิการเสียงข้างมากไม่ได้เอาด้วยกับเรา แต่เราคิดว่าจำเป็นจะต้องตระเตรียมเรื่องนี้เอาไว้ ในชั้นอนุกรรมาธิการ ซึ่งเราสามารถเข้าไปส่งเสียงในการขอตัดได้ แต่หากไม่ได้อย่างไร เราจะรวบรวมไปขอตัดต่อในวาระที่ 2 ในสภา และจะทำเป็นรายงานเสนอต่อประชาชน ว่าเราพยายามตัดให้ได้มากที่สุดแล้ว แต่เสียงข้างมากไม่เห็นด้วยกับเรา
เมื่อถามถึงกรณีที่นางสาวรักชนก ศรีนอก สส.กทม.พรรคประชาชน ได้เป็นรองประธานกรรมาธิการลำดับที่ 18 นางสาวศิริกัญญา เผยว่า เป็นกลยุทธ์ของเรา ซึ่งในรอบนี้เราส่งรองประธานกรรมาธิการ หลังจากที่ไม่ได้ส่งมาประมาณ 3-4 ปีแล้ว เพราะเราเห็นว่าในปีที่แล้ว มีกรรมาธิการฝ่ายค้าน ซึ่งคือพรรคประชาธิปัตย์ ที่เป็นรองประธานได้ขึ้นนั่งบัลลังก์มาแล้ว จากกรณีที่รองประธานทั้งหมดไม่มาทำงานในช่วงเวลานั้นๆ เราจึงคิดว่าถ้าเราติ่งไว้หนึ่งคน จะเป็นโอกาสที่เราสามารถเดินเกมอะไรบางอย่างได้ ในเวลาที่กรรมาธิการฝั่งรัฐบาลไม่มาทำงานตามปกติ
นางสาวศิริกัญญา มองว่า นางสาวรักชนกเป็นกรรมาธิการสมัยที่สอง และเป็นประธานคณะอนุกรรมาธิการศึกษาการจัดทำและติดตามการบริหารงบประมาณ สภาผู้แทนราษฎร ของทั้งปี 68 และปี 69 ประจำคณะกรรมาธิการวิสามัญงบประมาณ จึงต้องบอกว่า คุณสมบัติและความรู้ความสามารถครบถ้วน
เมื่อถามว่าได้มีการวางตัวเป็นประธานคณะอนุกรรมาธิการชุดไหนหรือไม่ นางสาวศิริกัญญา กล่าวว่า ยังอยู่ระหว่างการต่อรอง เพราะต้องยอมรับว่า ที่ผ่านมาประธานอนุกรรมาธิการจะเป็นตำแหน่งของ สส.ฝั่งของรัฐบาลทั้งหมด แต่รอบนี้ เราคงจะต่อรองกันต่อไป อย่างในปีที่แล้ว แม้แต่คณะอนุกรรมาธิการพิจารณาร่างข้อสังเกต ที่เป็นคนจดบันทึกการประชุม และสรุปข้อสังเกตต่างๆ ก็ยังไม่ได้ แต่รอบนี้คงต้องรอดูกันอีกที
ข่าว
12 มิ.ย. 2568 16:29 243 views
ข่าว
12 มิ.ย. 2568 16:19 67 views
ข่าว
12 มิ.ย. 2568 16:17 65 views
ข่าว
12 มิ.ย. 2568 16:16 186 views
ข่าว
12 มิ.ย. 2568 15:32 94 views
ข่าว
12 มิ.ย. 2568 15:10 113 views
ข่าว
12 มิ.ย. 2568 14:55 115 views
ข่าว
12 มิ.ย. 2568 14:48 93 views
ข่าว
12 มิ.ย. 2568 13:49 123 views
ข่าว
12 มิ.ย. 2568 13:44 84 views
ข่าว
12 มิ.ย. 2568 13:44 141 views
ข่าว
12 มิ.ย. 2568 12:51 197 views
ข่าว
12 มิ.ย. 2568 11:57 124 views
ข่าว
12 มิ.ย. 2568 11:44 127 views
ข่าว
12 มิ.ย. 2568 11:15 115 views
ข่าว
12 มิ.ย. 2568 10:48 133 views