ประธานวุฒิสภา ยื่นศาลรัฐธรรมนูญถอดถอน นายกฯ“แพทองธาร” ปมคลิปเสียงฮุน เซน เข้าข่ายผิดจริยธรรม-รัฐธรรมนูญ

20 มิถุนายน 2568 – นายมงคล สุระสัจจะ ประธานวุฒิสภา ได้ดำเนินการยื่นหนังสือต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อขอให้ไต่สวนและวินิจฉัยถอดถอน นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ออกจากตำแหน่ง โดยกล่าวหาว่ามีพฤติกรรมเข้าข่ายทุจริตต่อหน้าที่ จงใจปฏิบัติหน้าที่หรือใช้อำนาจขัดต่อรัฐธรรมนูญและกฎหมาย รวมถึงฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง

การเคลื่อนไหวครั้งสำคัญนี้ เกิดขึ้นภายหลังจากที่ พลเอก สวัสดิ์ ทัศนา สมาชิกวุฒิสภา (สว.) ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การทหารและความมั่นคงของรัฐ ได้รวบรวมรายชื่อ สว. เพื่อถอดถอนนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 19 มิถุนายน ที่ผ่านมา โดยก่อนหน้านี้ พลเอก สวัสดิ์ และ สว. ได้ออกแถลงการณ์เรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีลาออกจากตำแหน่งมาแล้ว  สาระสำคัญของข้อกล่าวหา คือการแสดงความไม่สบายใจต่อพฤติการณ์ของผู้นำรัฐบาล ที่แสดงออกถึงการด้อยความสามารถและขาดภาวะผู้นำ โดยเฉพาะกรณีที่ นางสาวแพทองธาร ได้ยอมรับเมื่อวันที่ 18 มิถุนายน ว่าคลิปเสียงสนทนาระหว่างตนเองกับสมเด็จฯ ฮุนเซน เป็นเรื่องจริง  

ผู้ยื่นคำร้องยังระบุว่า การสนทนาดังกล่าวเป็นการยินยอม อ่อนข้อ และอ่อนน้อม ให้อริราชศัตรูผู้รุกรานต่อแผ่นดินไทย แสดงท่าทีพร้อมตอบสนองความต้องการที่สมเด็จฯ ฮุนเซนเรียกร้อง การกระทำเช่นนี้ทำให้ประเทศเสียหายอย่างใหญ่หลวง ประชาชนหมดความเชื่อถือศรัทธา และพฤติการณ์ดังกล่าวส่อถึงความเป็นคนไม่รักชาติ หรือบ่งบอกความเป็นคนทรยศขายชาติ ซึ่งบัดนี้ความอดทนของคนในชาติสิ้นสุดลงแล้ว

กมธ.ทหารและ สว.เห็นว่าการกระทำของ นางสาวแพทองธาร อาจเข้าข่ายความผิดหลายประการ อาทิ ผิดรัฐธรรมนูญ: มาตรา 5 (หน้าที่ป้องกันประเทศ), มาตรา 52 (รัฐต้องพิทักษ์รักษาอธิปไตยและผลประโยชน์ของชาติ), มาตรา 164 (ครม.ต้องดำเนินการด้วยความซื่อสัตย์ สุจริต รอบคอบ เพื่อประโยชน์สูงสุดของประเทศ) , ผิดประมวลกฎหมายอาญา: หมวดความผิดต่อความมั่นคงของรัฐภายในและภายนอกราชอาณาจักร ในมาตราต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น ฐานกบฏ หรือคบคิดกับบุคคลซึ่งกระทำการเพื่อประโยชน์ของรัฐต่างประเทศที่เป็นปรปักษ์ต่อรัฐ หรือร่วมเป็นข้าศึกของประเทศ และมาตรา 257 ฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ , กระทบต่อการดำรงตำแหน่งทางการเมือง: การตำหนิแม่ทัพภาคที่ 2 ว่าเป็นคนละฝ่ายกับตนเองและสมเด็จฯ ฮุนเซน ถือเป็นการสร้างความแตกแยกในชาติ เข้าข่ายไม่ซื่อสัตย์สุจริต ละเมิดจริยธรรมอย่างร้ายแรงของผู้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 160 ทำให้ขาดคุณสมบัติผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง

กมธ.ทหารและ สว.เห็นว่าไม่อาจปล่อยให้นางสาวแพทองธาร ซึ่งเป็นบุคคลที่ถูกมองว่าเป็นฝั่งเดียวกับกัมพูชาและเป็นฝั่งตรงข้ามกับประเทศไทย บริหารประเทศต่อไปได้แม้แต่วินาทีเดียว จึงมีความจำเป็นต้องยื่นถอดถอน นางสาวแพทองธาร ออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เนื่องจากขาดคุณสมบัติและมีลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 160 รวมถึงไม่ซื่อสัตย์สุจริต และไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานจริยธรรมร้ายแรง โดยได้ยื่นถอดถอนต่อศาลรัฐธรรมนูญ และ ป.ป.ช. ในช่วงบ่ายของวันที่ 19 มิถุนายน ที่ผ่านมา

ท้ายที่สุด กมธ.ทหารและ สว. ขอให้ประชาชนรับฟังข่าวสารอย่างมีสติ อย่าหลงเชื่อข่าวสารที่เป็นข่าวปลอม ปลุกปั่นให้เกิดความเข้าใจผิดจากผู้ไม่หวังดี เพื่อไม่ให้สถานการณ์เกิดความวุ่นวาย พร้อมยืนยันจะทำหน้าที่เพื่อประเทศและประชาชนคนไทยให้ดีที่สุด พร้อมยืนเคียงคู่ประชาชน ข้าราชการทุกหมู่เหล่า และกองทัพ เพื่อรักษาอธิปไตยและประเทศสุดกำลัง โดยอ้างคำกล่าว "เมืองใดไร้ธรรมอำไพ เมืองนั้นบรรลัยแน่นอน"