อินโดนีเซียระงับค้นหา 30 ผู้สูญหาย หลังเรือเฟอร์รี่ล่มใกล้บาหลี ดับแล้ว 6 ราย

หน่วยกู้ภัยแห่งชาติของอินโดนีเซียประกาศเมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม ว่า จะระงับการค้นหาผู้สูญหายที่ยังหลงเหลืออีก 30 คนเป็นการชั่วคราว หลังจากเรือเฟอร์รี่ที่บรรทุกผู้โดยสาร 65 คนล่มใกล้เกาะบาหลี ซึ่งในขณะนี้มีรายงานผู้เสียชีวิตแล้ว 6 ราย

เรือ KMP Tunu Pratama Jaya ล่มหลังออกจากท่าเรือเมืองบันยูวางี จังหวัดชวาตะวันออก ราวครึ่งชั่วโมง ขณะมุ่งหน้าไปยังเกาะบาหลี เมื่อค่ำวันพุธที่ 2 กรกฎาคม ขณะที่หน่วยงานกู้ภัยระบุว่าพวกเขาต้องระงับการค้นหาในเย็นวันพฤหัสบดีเนื่องจากปัญหาทัศนวิสัย หลังจากการค้นหาตั้งแต่เช้าวันพฤหัสบดีเป็นไปอย่างยากลำบาก เนื่องจากกระแสน้ำและลมกระโชกแรง

นนัง สิคิต หัวหน้าหน่วยกู้ภัยชวาตะวันออก ระบุว่า พบผู้รอดชีวิตแล้ว 29 คน โดยปฏิบัติการจะกลับมาเริ่มใหม่ในเช้าวันศุกร์ที่ 4 กรกฎาคมนี้ โดยมีเจ้าหน้าที่กู้ภัยมากกว่า 160 นาย รวมถึงตำรวจและทหาร พร้อมเรือ 4 ลำและเฮลิคอปเตอร์หลายลำเข้าร่วมการค้นหา

ข้อมูลจากหน่วยงานกู้ภัยแห่งชาตีระบุว่า เรือลำดังกล่าวบรรทุกผู้โดยสาร 53 คน และลูกเรือ 12 คน รวมถึงยานพาหนะอีก 22 คัน ด้านกระทรวงคมนาคมอินโดนีเซียกล่าวว่า ผู้โดยสารทั้งหมดเป็นชาวอินโดนีเซีย

เอโก โทเนียนซาห์ วัย 25 ปี หนึ่งในผู้รอดชีวิตแต่สูญเสียพ่อของเขา บอกกับรอยเตอร์ว่า เรือเริ่มจมและเอียงอย่างกะทันหัน ทำให้เกิดความแตกตื่นในหมู่ผู้โดยสารที่พยายามยื้อแย่งชูชีพ

ด้านเบโจ ซานโตโซ วัย 52 ปี ผู้รอดชีวิตอีกคน กล่าวว่า คลื่นลมแรงทำให้เรือโคลงเคลงหลังออกจากท่าเพียง 30 นาที ทำให้ผู้โดยสารจำนวนมากเตรียมตัวกระโดดหนีเมื่อเรือเริ่มจม

เรือเฟอร์รี่เป็นพาหนะที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในอินโดนีเซีย ซึ่งเป็นประเทศหมู่เกาะที่มีมากกว่า 17,000 เกาะ และอุบัติเหตุจากเรือเฟอร์รี่มักเกิดขึ้นบ่อยครั้ง เนื่องจากมาตรฐานความปลอดภัยที่หละหลวม การที่เรือมักบรรทุกเกินกำหนดและขาดอุปกรณ์ช่วยชีวิตที่เพียงพอ