กระทรวงพาณิชย์เดินหน้าช่วยเกษตรกรและ SMEs! "จตุพร" สั่งเร่งระบายผลผลิตทางการเกษตรที่ตกค้างจากสถานการณ์ชายแดน ชี้ผลไม้กว่า 1 แสน กก. ถูกระบายแล้ว

กรุงเทพมหานคร, 8 กรกฎาคม 2568 – นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) และโฆษกกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า นายจตุพร บุรุษพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้ติดตามสถานการณ์ความตึงเครียดตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชาอย่างใกล้ชิด และได้สั่งการให้เร่งช่วยเหลือผู้ประกอบการและเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบ

ในช่วงที่ผ่านมา สำนักงานพาณิชย์จังหวัด (สพจ.) และกรมการค้าภายใน ได้ร่วมกันเร่งระบายสินค้าตกค้างที่ไม่สามารถส่งไปจำหน่ายยังกัมพูชา โดยเฉพาะผลผลิตทางการเกษตร โดยได้จัดสรรพื้นที่จำหน่ายและเชื่อมโยงผู้รับซื้อแล้ว 36 ครั้ง ใน 7 จังหวัดชายแดน ได้แก่ อุบลราชธานี ศรีสะเกษ บุรีรัมย์ สระแก้ว จันทบุรี ตราด และสุรินทร์ จากการดำเนินการดังกล่าว สามารถระบายผลไม้ได้ 110,000 กิโลกรัม คิดเป็นมูลค่า 5.44 ล้านบาท และยังช่วยระบายผลผลิตทางการเกษตรอื่นๆ เช่น ไก่พื้นเมือง เป็ด และนมสด ซึ่งช่วยบรรเทาผลกระทบแก่ผู้ประกอบการ ผู้ค้ารายย่อย พี่น้องเกษตรกร และชาวบ้านในพื้นที่ได้ส่วนหนึ่ง

เพื่อให้ความช่วยเหลือเพิ่มเติม กระทรวงพาณิชย์มีแผนจะจัดจุดจำหน่ายและงานแสดงสินค้าเพิ่มอีก 6 ครั้ง ในช่วง 2 เดือนข้างหน้านี้ โดยมีกำหนดจัดที่:

• จังหวัดอุบลราชธานี: วันที่ 8-13 กรกฎาคม 2568 ณ ห้างสุนีย์

• จังหวัดจันทบุรี: วันที่ 14-20 กรกฎาคม และวันที่ 21-27 กรกฎาคม 2568 ณ ห้างเซ็นทรัล

• จังหวัดศรีสะเกษ: วันที่ 18-20 กรกฎาคม และวันที่ 1-3 สิงหาคม 2568 ณ ห้างบิ๊กซี

นอกจากนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ยังได้สั่งการให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในกระทรวงฯ ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และบูรณาการร่วมกับหน่วยงานด้านความมั่นคงในการประเมินสถานการณ์และดำเนินมาตรการอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการบริหารจัดการผลไม้โดยกรมการค้าภายในที่มีอยู่หลายมาตรการ อาทิ การจัดกิจกรรมรณรงค์บริโภคผลไม้ (Thai Fruits Festival 2025), การร่วมมือกับไปรษณีย์ไทยในการจัดส่งกล่องผลไม้ฟรี และการเปิดให้หน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนสั่งซื้อผลไม้ ซึ่งดำเนินการอยู่ในขณะนี้และได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี สะท้อนถึงความร่วมมือในการช่วยเหลือกันตามนโยบาย "ไทยทำ ไทยใช้ ไทยช่วยไทย"

กระทรวงพาณิชย์ยังเตรียมความพร้อมให้กับผู้ประกอบการ โดยเฉพาะ SMEs และเกษตรกร ให้มีความเข้มแข็งและพร้อมปรับตัวเข้ากับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลง เพื่อสามารถแสวงหาโอกาสใหม่ๆ ทางการค้าและเติบโตอย่างยั่งยืน โดยจะพัฒนาทักษะและองค์ความรู้ให้ผู้ประกอบการและเกษตรกร โดยเฉพาะในเรื่องการตลาดทั้งออนไลน์และออฟไลน์ ตลอดจนการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยี นวัตกรรม และอัตลักษณ์ไทย เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มและเสริมโอกาสใหม่ให้มากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะใช้เวลามากน้อยเพียงใดในการคลี่คลายสถานการณ์ความตึงเครียดบริเวณชายแดนก็ตาม