วันจันทร์ที่ 14 กรกฎาคม 2568
14 ก.ค. 2568 12:52 | 85 view
@nipon supapoom
14 ก.ค. 2568 ที่โรงแรมอัศวิน แกรนด์ คอนเวนชั่น กรุงเทพมหานคร นายนครินทร์ เมฆไตรรัตน์ ประธานศาลรัฐธรรมนูญ ปฏิเสธที่จะให้ความเห็นในรายละเอียดการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ แต่เห็นว่าควรปรับปรุง โดยพร้อมที่จะพูดและให้ความเห็นหลังจากที่พ้นจากตำแหน่งประธานศาลรัฐธรรมนูญ และหยิบยกว่าตนเคยเป็นกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ 2 ฉบับ รัฐธรรมนูญปี 2550 และรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว ปี 2558 โดยย้ำว่าควรรู้ว่าจะทำรัฐธรรมนูญหรือปรับปรุงอย่างไรแต่ขอยังไม่พูดตอนนี้
เมื่อถามว่าพรรคประชาชนมีการเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญประเด็นที่มาและการยื่นถอดถอนตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ นายนครินทร์ระบุ ก็ดี ก็เป็นเรื่องของสมาชิกรัฐสภาดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ มองว่าเป็นเรื่องที่ดีก็ขอให้ทำไป
ส่วนกรณีที่มาของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญซึ่งเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กันจำเป็นที่จะต้องมีการปรับปรุงแก้ไขหรือไม่ นายนครินทร์กล่าวว่า ควรจะปรับปรุง แต่อย่างไรตนพูดไม่ได้ ต้องรอให้พ้นจากตำแหน่งประธานศาลรัฐธรรมนูญก่อน แต่ควรจะปรับปรุง มหาวิทยาลัยโดยรอให้พ้นจากตำแหน่งแล้วจะพูดอย่างเต็มที่
กรณีการทำงานในสถานการณ์ตอนนี้มีความกดดันหรือไม่ นายนครินทร์ระบุว่าแน่นอน ก่อนจะตอบว่าความจริงตนพ้นวาระแล้ว เมื่อเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว ให้หาคนมาแทนตนด้วย ทั้งนี้ไม่ขอวิจารณ์ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญของพรรคประชาชนที่กำหนดที่มาของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญจากการโหวตให้ความเห็นชอบของ 2 สภา คือ สว.- สส. จากเดิมเป็นสว. ให้ความเห็นชอบเพียงอย่างเดียว แต่ให้ความเห็นว่าคุณสมบัติที่มาจะต้องศึกษาเปรียบเทียบข้อดีข้อเสีย เพราะว่ารูปแบบขององค์กรศาลรัฐธรรมนูญในโลกนี้มีหลายรูปแบบ โดยอ้างอิงว่าประเทศในโลกนี้มีศาลที่รับคดีรัฐธรรมนูญ 138 ประเทศ ขณะที่บางประเทศไม่รับวินิจฉัยคดีรัฐธรรมนูญเลย
แต่ใน 138 ประเทศก็มีหลายรูปแบบ โดยในจำนวนนี้ครึ่งหนึ่งเป็นคดีรัฐธรรมนูญที่อยู่ในแผนกหนึ่งของศาลฎีกา เช่นประเทศมาเลเซีย ฟิลิปปินส์ อินเดีย บังกลาเทศ ปากีสถาน ที่ไม่มีศาลรัฐธรรมนูญ มีแต่ศาลฎีกา และคดีรัฐธรรมนูญอยู่ในแผนกหนึ่งของศาลฎีกา ขณะเดียวกันบางประเทศมีศาลรัฐธรรมนูญแยกออกมาเป็นการเฉพาะ ประมาณ 70 ประเทศ และมีการแยกเฉพาะใน 3-4 รูปแบบ ซึ่งเรื่องนี้มีความซับซ้อนอยู่ แต่เห็นว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นเรื่องที่มีอำนาจหน้าที่ผู้มีอำนาจหน้าที่ที่ควรทำดำเนินการ
ขณะเดียวกันประธานศาลรัฐธรรมนูญ เปิดเผยต่อสื่อมวลชนถึงผลการปฏิบัติงานของศาลรัฐธรรมนูญตลอดปีที่ผ่านมา โดยระบุว่า จะเรียกว่าเราเป็นศาลการเมืองก็ไม่ถูก เราเป็นศาลรัฐธรรมนูญที่จะรับคดีรัฐธรรมนูญเท่านั้น อยากให้ผู้สื่อข่าวและประชาชนทำความเข้าใจว่า คดีรัฐธรรมนูญคือเรื่องข้อพิพาท ทะเลาะเบาะแว้ง ที่ไม่เป็นไปตามรัฐธรรมนูญบัญญัติ
นายนครินทร์ อธิบายว่า คดีดังกล่าวมีที่มาจากหลายทาง กว่าครึ่งหนึ่งคดีที่มาจากศาลด้วยกันเองที่มองว่ามีข้อกฎหมายที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ เช่น ศาลปกครอง ศาลอาญา เป็นต้น ซึ่งมองว่า ผู้สื่อข่าวไม่ค่อยให้ความสนใจ และยังมีคดีอีกประเภทที่เพิ่มขึ้นมารัฐธรรมนูญ ปี 2560 คือคดีที่ประชาชนสามารถมาร้องทุกข์เองได้ ซึ่งนานทีจะมีมา สัปดาห์ละ 3-4 คดี
“อีกประเภทคือคดีที่มาจากองค์กรอิสระด้วยกัน เช่น คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.), คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ผู้ตรวจการแผ่นดิน และคดีที่มาจากสมาชิกรัฐสภา คือคดีที่ว่าด้วยคุณสมบัติของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ซึ่งเป็นเหตุที่ทำให้เราต้องรับคดีที่ประชาชนทั่วไปจะเรียกว่า คดีการเมือง แต่ส่วนตัวขอเรียกว่า คดีรัฐธรรมนูญที่เกี่ยวข้องกับคุณสมบัติของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง” นายนครินทร์กล่าว
สำหรับข้อเสนอว่าควรมีโฆษกศาลรัฐธรรมนูญนั้น นายนครินทร์ระบุว่า ก็พยายามปรับตัว หน้าที่โฆษกก็ได้มอบหมายให้เลขาธิการสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ แต่เผอิญว่าช่วงนี้ล้มป่วย และมีรองเลขาธิการฯ รักษาการอยู่ อย่างไรก็ตาม เลขาธิการหรือรองเลขาธิการฯ อยู่ แต่ความสามารถด้านการสื่อสารกับสื่อมวลชนอาจจะยังน้อยไปสักนิดหนึ่ง
อย่างไรก็ตาม นายนครินทร์ยืนยันว่า ตนเองในฐานะประธาน หรือแม้แต่ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญเอง ก็ไม่ควรเป็นโฆษกศาลด้วยตนเอง ที่มาแถลงข่าวนี้ก็เพราะเป็นภารกิจที่ปีละครั้งที่ได้พบสื่อมวลชน แต่ต้องขอความระมัดระวัง ว่าประธานหรือตุลาการไม่ควรแถลงข่าวด้วยตนเอง ควรจะมีโฆษกแยกไปต่างหาก
ส่วนข้อเสนอให้มีการปฏิรูปศาลรัฐธรรมนูญนั้น นายนครินทร์ชี้ว่า การปฏิรูปศาลที่สำคัญต้องทำจากบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ ศาลเราปฏิรูปตัวเองไม่ได้ และอีกส่วนอาจจะเป็นการปรับปรุงเล็กน้อยที่กระทำโดยองค์กรของศาลเอง ที่จะมอบหมายให้มีผู้ปฏิบัติหน้าที่ ยกตัวอย่างเรื่องเอกสารข่าว หรือ Press Release ของศาล ถ้าติดตามจะเห็นว่า ปัจจุบันละเอียดขึ้นมาก มีการระบุว่าตุลาการเสียงข้างน้อยหรือเสียงข้างมากเป็นใคร ทุกอย่างชัดเจนเปิดเผย
“เราจะพยายามทำให้ละเอียด แต่ต้องบอกก่อนว่า ในคณะตุลาการก็มีที่มาจากสายศาล เช่น ศาลฎีกา ศาลปกครอง หลายท่านก็บอกว่า การทำเอกสารข่าวขนาดยาวมากไม่ใช่ขนบธรรมเนียมของศาล ซึ่งก็เป็นข้อขัดข้อง ในขณะที่สายที่มาจากอาจารย์มหาวิทยาลัย ก็คิดว่าเพื่อประโยชน์ทางวิชาการ ก็จะให้ข้อมูลทางกฎหมายมากขึ้น” นายนครินทร์กล่าว
ประธานศาลรัฐธรรมนูญยอมรับว่า การเปิดเผยเสียงแต่ละฝ่ายของตุลาการนั้น เป็นดาบสองคม และทราบดีว่า การเปิดเผยชื่อไปก็เป็นดาบสองคม แต่ศาลของเราวางกติกามาแบบนี้ตั้งแต่รัฐธรรมนูญปี 2540 และฉบับปี 2560 ก็รับกติกานี้มา ที่ตุลาการทุกคนต้องเขียนคำวินิจฉัยส่วนตนและต้องเปิดเผย ซึ่งก็มีผู้วิพากษ์วิจารณ์ได้ ดังนั้น ตุลาการแต่ละคนก็ต้องระมัดระวังความปลอดภัยของแต่ละบุคคล
สำหรับกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญถูกมองว่า เป็นเครื่องมือของฝ่ายการเมือง นายนครินทร์กล่าวว่า เป็นเรื่องธรรมดา เพราะผู้ร้องเข้ามาก็มีฝักฝ่าย คดีรัฐธรรมนูญเป็นเรื่องที่ 2 ฝ่ายขัดแย้งกันอยู่เสมอ ถ้าเห็นตรงกันก็จะไม่มีเรื่องร้องเข้ามาที่ศาลรัฐธรรมนูญ
ส่วนคำว่านิติสงคราม ประธานศาลรัฐธรรมนูญมองว่า เป็นคำที่พูดกันในสื่อมวลชน แต่เราไม่ได้คิดว่าเป็นนิติสงคราม เพราะศาลรัฐธรรมนูญมีอำนาจและหน้าที่พิจารณาคดีรัฐธรรมนูญซึ่งมาจากหลายทาง และแต่ละคดีมีที่มาตามกฎหมายกำหนดไว้
“ศาลก็มีกระบวนการพิจารณา ต้องฟังความเห็นทุกฝ่าย มีขั้นตอนการชี้แจงต่างๆ อีกมากมาย เราก็ต้องทำงานตามขั้นตอน ไม่ใช่การตัดสินด้วยอารมณ์ เราก็ต้องว่ากันตามกฎกติกา” นายนครินทร์กล่าว
พร้อมให้สัมภาษณ์ถึงการประชุมของศาลรัฐธรรมนูญประจำสัปดาห์ ซึ่งจะเป็นการประชุมในวันพฤหัสบดีที่ 17 กรกฎาคม ต้องรอติดตามว่าจะมีการยื่นคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาของนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี หรือขอขยายระยะเวลาชี้แจงในคำร้องของสมาชิกวุฒิสภา ขอให้วินิจฉัยความเป็นรัฐมนตรีสิ้นสุดลงเฉพาะตัวจากกรณีคลิปเสียงสนทนากับสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา โดยยอมรับว่าหากนายกรัฐมนตรีขอขยายระยะเวลาการชี้แจง ก็สามารถขยายได้ ส่วนจะขอกี่ครั้งหรือระยะเวลาเท่าไหร่นั้น ขอให้ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญได้มีการประชุมก่อน แต่อย่างน้อยสามารถขอขยายระยะเวลา 1 ครั้งได้อยู่แล้ว
ประธานศาลรัฐธรรมนูญปฏิเสธที่จะให้ความเห็นเกี่ยวกับ เกี่ยวกับการพิจารณาจริยธรรมว่ามีขอบข่ายอย่างไรในกรณีคลิปเสียงสนทนา เนื่องจากคดียังอยู่ในชั้นการพิจารณา รวมถึงไม่กล่าวถึงกรอบระยะเวลาในการพิจารณาคดี จะถูกตั้งข้อกังขาไม่เช่นนั้นตุลาการ ถูกตั้งข้อกังขาว่าเร่งรัดหรือถ่วงคดี โดยย้ำว่าขอให้เป็นไปตามกระบวนการ
ข่าว
14 ก.ค. 2568 16:30 0 views
ข่าว
14 ก.ค. 2568 16:11 9 views
ข่าว
14 ก.ค. 2568 16:06 15 views
ข่าว
14 ก.ค. 2568 16:03 18 views
ข่าว
14 ก.ค. 2568 15:50 20 views
ข่าว
14 ก.ค. 2568 15:44 45 views
ข่าว
14 ก.ค. 2568 15:41 44 views
ข่าว
14 ก.ค. 2568 15:04 51 views
ข่าว
14 ก.ค. 2568 14:58 65 views
ข่าว
14 ก.ค. 2568 14:51 72 views
ข่าว
14 ก.ค. 2568 14:46 71 views
ข่าว
14 ก.ค. 2568 14:44 68 views
ข่าว
14 ก.ค. 2568 14:35 77 views
ข่าว
14 ก.ค. 2568 14:10 52 views
ข่าว
14 ก.ค. 2568 13:53 56 views
ข่าว
14 ก.ค. 2568 13:48 75 views