เขื่อนเจ้าพระยาปรับเพิ่มการระบายน้ำ 300 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที รับมือมวลน้ำจากเหนือ คาดช่วยลดผลกระทบพื้นที่ท้ายเขื่อน

วันนี้ 15 กรกฎาคม 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สถานการณ์น้ำในพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยามีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ขณะที่เขื่อนเจ้าพระยาปรับเพิ่มการระบายน้ำผ่านเขื่อนในอัตรา 300 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที เพื่อเพิ่มพื้นที่รับน้ำด้านเหนือเขื่อน และบริหารจัดการน้ำโดยวิธีการฝันน้ำเข้าสู่ระบบชลประทานทั้ง 2 ฝั่งของลุ่มน้ำอย่างเต็มศักยภาพ เพื่อลดผลกระทบของพื้นที่ทางด้านท้ายน้ำ

สำหรับปัจจุบัน สถานการณ์น้ำ ที่สถานีวัดน้ำ C.2 อ.เมือง จ.นครสวรรค์ มีปริมาณน้ำไหลผ่านจุดวัดอยู่ที่ 645 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ที่เขื่อนเจ้าพระยา อ.สรรพยา จ.ชัยนาท มีปริมาณน้ำทางด้านเหนือเขื่อนอยู่ที่ 15.51 เมตร/รทก. มีปริมาณน้ำทางด้านท้ายเขื่อนอยู่ที่ 7.44 เมตร/รทก. ซึ่งระดับน้ำห่างจากตลิ่งอยู่ที่ 8.9 เมตร และเขื่อนเจ้าพระยา มีอัตราการระบายน้ำผ่านเขื่อนอยู่ที่ 300 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ขณะที่ทางกรมชลประทาน มีการฝันน้ำเข้าสู่ระบบชลประทานทั้งฝั่งตะวันออกและตะวันตก ของลุ่มน้ำเจ้าพระยา ในอัตรารวมกันอยู่ที่ 386 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที

ขณะที่ทางด้านนายวิชัย  ผันประเสริฐ  ผู้อำนวยการส่วนบริหารจัดการน้ำสำนักงานชลประทานที่ 12 เปิดเผยว่า จะเห็นได้ว่าสถานการณ์น้ำลุ่มน้ำเจ้าพระยา เนื่องจากช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมามีปริมาณฝนตกทางด้านเหนือเขื่อนเจ้าพระยา ซึ่งส่วนใหญ่จะตกในพื้นที่ของเขื่อนสิริกิต์ และเขื่อนภูมิพล ซึ่งปริมาณน้ำดังกล่าวก็จะไหลลงทั้ง 2 เขื่อน คือ เขื่อนสิริกิต์ และเขื่อนภูมิพล ในบางส่วน ประมาณ 500 ล้าน ลูกบาศก์เมตร นอกจากนี้ยังมีปริมาณฝนตกทางด้านเหนือเขื่อนเจ้าพระยาตรงนี้ก็จะเป็นน้ำท่า และไหลลงมายังเขื่อนเจ้าพระยา ทั้งนี้แนวโน้ม ปริมาณน้ำจากแม่น้ำ ปิง วัง ยม และน่าน ที่ไหลมารวมกันที่สถานีวัดน้ำ C.2 อ.เมือง จ.นครสวรรค์ จะเห็นได้ว่าจะมีปริมาณน้ำเพิ่มขึ้น ทั้งนี้จากการที่ปริมาณน้ำเพิ่มขึ้น ทางสำนักงานชลประทานที่ 12 โดยกรมชลประทาน ก็ได้มีการติดตามสถานการณ์น้ำดังกล่าว และทางเขื่อนเจ้าพระยาก็ได้มีการปรับเพิ่มการระบายน้ำ ให้เป็น 300 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที เพื่อให้มีพื้นที่รับน้ำทางด้านเหนือเขื่อนหากปริมาณน้ำทางเหนือไหลลงมาสมทบ ทั้งนี้ทางกรมชลประทานก็ได้มีการคาดการณ์ว่า ปริมาณน้ำที่จะไหลลงมารวมกันที่ สถานีวัดน้ำ C.2 อ.เมือง จ.นครสวรรค์ จะมีปริมาณประมาณ 600 – 800 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ทางเขื่อนเจ้าพระยาก็จะทำการทดน้ำและยกระดับเพื่อหน่วงน้ำเพื่อทำการผันน้ำเข้าสู่ระบบชลประทาน ทั้งฝั่งตะวันออกและตะวันตก ของลุ่มน้ำเจ้าพระยาอย่างเต็มศักยภาพ และปริมาณน้ำที่เหลือเขื่อนเจ้าพระยาก็จะระบายน้ำเพิ่มขึ้นในรูปแบบขั้นบันได เพื่อไม่ให้มีผลกระทบต่อพื้นที่ท้ายเขื่อน และคาดว่าการระบายน้ำเขื่อนเจ้าพระยาจะสามารถควบคุมการระบายไม่ให้เกิน 500 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที หากไม่มีปริมาณฝนตกหนักลงมา

นอกจากนี้จากการคาดการณ์ของกรมอุตุนิยมวิทยาในช่วงเดือน สิงหาคม – กันยายน ก็จะมีปริมาณฝนตกมากขึ้น แต่จะเป็นช่วงระยะเวลาสั้นๆ แต่ก็ยังคงต้องเฝ้าติดตามของปริมาณฝนอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ทางกรมชลประทาน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ก็ได้เน้นย้ำของ 9 มาตรการ ในการรับมือกับสถานการณ์น้ำหลาก ทั้งนี้ก็อยากจะฝากถึงประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ลุ่มต่ำนอกคันกั้นน้ำของพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยา จะเห็นได้ว่าหากเขื่อนเจ้าพระยามีการปรับเพิ่มการระบายน้ำที่มากกว่า 700 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ก็จะได้รับผลกระทบ ก็ขอให้ประชาชนในพื้นที่ดังกล่าวเฝ้าติดตามสถานการณ์ฝนจากกรมอุตุนิยมวิทยา และการระบายน้ำจากกรมชลประทานอย่างใกล้ชิดเพื่อเป็นการเตรียมความพร้อม

วรชล  ฟักขาว  ภาพ/ข่าว  ททบ.5 จ.ชัยนาท