"พระควรสึกด้วยตัวเอง ดีกว่ารอหมายจับ!" รมต.ประจำสำนักนายกฯ สั่งกำชับ แม้ไม่มีสัมพันธ์ชู้สาว การโอนเงินวัดให้สีกาถือว่าผิดทั้งหมด เพราะเงินมาจากผู้ทำบุญ เพื่อทำนุบำรุงศาสนา

15 กรกฎาคม 2568 – นายสุชาติ ตันเจริญ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้ออกมาเปิดเผยถึงความคืบหน้ากรณีที่ศาลอาญาทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ได้อนุมัติออกหมายจับ "สีกากอล์ฟ" ในข้อหาหนักหลายกระทง พร้อมย้ำจุดยืนของรัฐบาลว่า เมื่อพบผู้กระทำผิดไม่ว่าจะเป็นใคร ต้องถูกจับกุมทันทีและได้รับโทษรุนแรง เพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างที่บ่อนทำลายพระพุทธศาสนา

การออกหมายจับสีกากอล์ฟดังกล่าว สืบเนื่องจากพบเส้นทางการเงินที่เชื่อมโยงกับ อดีตพระเทพพัชราภรณ์ อดีตเจ้าอาวาสวัดชูจิตธรรมาราม จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ที่มีการโอนเงินจากบัญชีวัดจำนวน 380,000 บาท ซึ่งเข้าข่ายความผิดฐานสนับสนุนเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่มิชอบ ตามมาตรา 147, ร่วมกันฟอกเงิน, สมคบกันฟอกเงิน และรับของโจร

นายสุชาติระบุว่า จากพฤติกรรมของสีกากอล์ฟ ที่มีการข่มขู่เพื่อรีดทรัพย์เป็นปกติธุระนั้น เจ้าหน้าที่มองเห็นช่องทางที่จะเอาผิดได้ตามประมวลกฎหมายอาญา รวมถึงกฎหมายฟอกเงิน ซึ่งเป็นข้อหาที่หนักหน่วง และเชื่อว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจมีหลักฐานจำนวนมากที่จะดำเนินคดี เพื่อให้เป็นกรณีตัวอย่างแรกที่บ่อนทำลายศาสนาและไม่ให้ใครกล้าทำตาม ส่วนสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติจะแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมหรือไม่นั้น ต้องมีการพูดคุยกับพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินการต่อไป

รมต.ประจำสำนักนายกฯ ย้ำว่า เมื่อพบผู้กระทำผิดต้องจับทันทีและมีโทษรุนแรง เพื่อเรียกศรัทธาของพุทธศาสนากลับคืน และมองว่า พระผู้ใหญ่ควรยอมลาสิกขาด้วยตัวเองดีกว่ารอหมายจับจากศาล โดยไม่มีข้อยกเว้น เพราะแม้จะไม่มีความสัมพันธ์เชิงชู้สาว การโอนเงินอย่างเดียวก็ถือว่าไม่ถูกต้อง เนื่องจากเงินที่โอนไปนั้นไม่ใช่เงินของพระ แต่เป็นทรัพย์สินของวัดที่ได้มาจากประชาชนผู้ทำบุญ เพื่อนำไปทำนุบำรุงศาสนาโดยเฉพาะ หากมีการอ้างว่าเป็นเงินส่วนตัว พระภิกษุก็ไม่ควรถือครองเงินจำนวนดังกล่าว