"หวยเกษียณ" หรือ สลาก กอช. ผ่านสภาฯ ฉลุย 427 เสียง รมช.คลัง เผย กมธ.ได้เพิ่มหลักเกณฑ์ใหม่ ออกกฎกระทรวงเปิดช่องให้ถอนเงินบางส่วนได้ก่อน 60 ปี เพื่อความยืดหยุ่น สร้างประโยชน์ต่อพัฒนาเศรษฐกิจชาติ

23 กรกฎาคม 2568 – ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาฯ คนที่หนึ่ง เป็นประธาน ได้มีการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติกองทุนการออมแห่งชาติ (ฉบับที่..) พ.ศ... หรือที่รู้จักกันในชื่อ "หวยเกษียณ" หรือ สลาก กอช. ซึ่งคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญ พิจารณาเสร็จแล้ว

ที่ประชุมเปิดโอกาสให้สมาชิกได้แสดงความเห็น โดย สส. ส่วนใหญ่อภิปรายสนับสนุนหวยเกษียณ เพื่อเป็นแนวทางออมเงินของคนไทยที่ชอบเสี่ยงโชค แต่ก็มีข้อเสนอให้เพิ่มหลักเกณฑ์สามารถถอนเงินจากการซื้อหวยเกษียณออกมาใช้ได้เป็นช่วงๆ ไม่ต้องรอถึงอายุ 60 ปี เพราะนานเกินไป รวมถึง สส. บางส่วนอยากให้แก้หลักเกณฑ์ผู้ซื้อสลาก กอช. จาก 15 ปี เป็น 18 ปี

นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ในฐานะประธาน กมธ.ฯ ได้ชี้แจงข้อกังวลต่างๆ โดยย้ำว่า "หวยเกษียณไม่ใช่การพนัน เพราะทุกบาท ทุกสตางค์ที่ซื้อคือเงินออม" จึงควรเปิดกว้างเรื่องฐานอายุให้มากที่สุด โดยเชื่อว่าคนอายุ 15 ปี มีวุฒิภาวะการตัดสินใจเข้าสู่การออมได้แล้ว และเห็นว่า 15 ปี เหมาะสมในการสนับสนุนการออมของประเทศ ยิ่งออมได้เร็วเท่าไร ยิ่งเป็นผลดี

สำหรับข้อเสนอให้ถอนเงินซื้อหวยเกษียณได้ก่อนเกษียณอายุนั้น นายเผ่าภูมิระบุว่า กมธ.ฯ ได้เพิ่มหลักเกณฑ์ใหม่ โดยออกเป็นกฎกระทรวงเปิดช่องให้ถอนเงินบางส่วนได้ก่อนอายุ 60 ปี เช่น เมื่อสะสมเงินครบถึงจำนวนหนึ่งที่เพียงพอต่อการยังชีพแล้ว เงินส่วนเกินสามารถถอนออกมาได้ เพื่อสร้างความสมดุลระหว่างการออมกับความจำเป็นในการใช้เงิน และมีความยืดหยุ่นมากขึ้น

ส่วนเหตุผลที่จำกัดการซื้อหวยเกษียณใบละ 50 บาท อยู่ที่ 3,000 บาทต่อคนต่อเดือนนั้น นายเผ่าภูมิกล่าวว่า เป็นเพราะหวยเกษียณเปิดสิทธิ์ให้กับทุกคนที่มีอายุ 15 ปีขึ้นไปและมีสัญชาติไทย ซึ่งมีทั้งคนรวยและคนที่ไม่รวย จึงไม่ต้องการให้คนรวยมากว้านซื้อจนไปแย่งสิทธิ์ของคนที่มีรายได้น้อย เพราะเจตนารมณ์หลักคือพัฒนาคนที่มีรายได้น้อยและเป็นฐานของประเทศให้มีการออมเกิดขึ้น

ภายหลังจาก สส. อภิปรายครบถ้วนทุกมาตราแล้ว ที่ประชุมได้มีการลงมติวาระ 3 โดยมีมติเห็นชอบร่าง พ.ร.บ.กองทุนการออมแห่งชาติ ด้วยคะแนนท่วมท้น 427 เสียง ไม่เห็นชอบ 1 เสียง งดออกเสียง 3 เสียง และไม่ลงมติ 4 เสียง ถือเป็นการผ่านกฎหมายสำคัญที่จะเป็นกลไกใหม่ในการส่งเสริมการออมและแก้ปัญหาสังคม