พลตรี กิตติศักดิ์ ถาวร เสนาธิการกองทัพภาคที่ 2 ในฐานะ โฆษกกองทัพภาคที่ 2 พร้อมด้วย พันเอก กัมปนาท วาพันสุ รองเสนาธิการกองทัพภาคที่ 2 และ พันเอก พงศ์กฤษฏ์ รุจิโยธิน หัวหน้าสำนักงานศูนย์อำนวยการจิตอาสาพนะราชทานภาค 2 แถลงถึงสถานการณ์การปะทะในพื้นที่ตามแนวชายแดน ภายหลังกองทัพบกมีมาตรการตอบโต้กัมพูชา ในการปิดจุดผ่านแดน และระงับการท่องเที่ยวกลุ่มปราสาท โดยยืนยันว่า ฝ่ายกัมพูชาได้เปิดฉากการยิงใส่ฝ่ายไทยก่อน และฝ่ายไทยได้เริ่มตอบโต้ตามแผนยุทธการของกองทัพภาคที่ 2 ทันที ทั้งนี้ พลตรี กิตติศักดิ์ฯ ได้เผยถึงการกระทำของฝ่ายกัมพูชา ทำให้ประชากรไทย บาดเจ็บ และเสียชีวิต โดยศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 2 ขอเรียกร้องให้หยุดการกระทำดังกล่าว ตามหลักสากล

*** ปล่อยเสียง ***

จบที่...อย่างเต็มกำลังสุดความสามารถ ขอขอบคุณครับ

 ด้านการช่วยเหลือประชาชน อพยพประชาชน จำนวน 8 พื้นที่ ได้แก่ ที่ อ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์, อ.พนมดงรัก,อ.กาบเชิง, อ.สังขะ, จ.สุรินทร์, อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ และ อ.น้ำขุ่น, อ.น้ำยืน อ.นาจะหลวย จ.อุบลราชธานี ไปยังพื้นที่รวบรวมพลเรือนตามแผน และจัดรถครัวสนามพระราชทานประกอบอาหาร สนับสนุนให้กับส่วนราชการจังหวัด
ในการอำนวยความสะดวกให้พี่น้องประชาชนในพื้นที่ มีพื้นที่ที่ได้รับความเสียหาย จำนวน 11 พื้นที่ ได้แก่ บ.หนองแรด ต.บักได อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ , บ้านมือ ต.หนองหญ้าลาด อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ กระสุน BM21 ตก (ปตท.บ้านมือ และ ตชด.224),ต.โดมประดิษฐ์ อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี , บ.ขี้เหล็ก ต.บ้านกรวด อ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์
กระสุนปืนใหญ่ , บ.สายโท 10 ไต้ ม.2 ต.สายตะกู อ.บ้านกรวด
, บ.กรวด ม.3 และ ม. 5 ต.บ้านกรวด อ.บ้านกรวด , บ.สายโท 12 ไต้ ม.16 ต.สายตะกู อ.บ้านกรวด และพื้นที่ บ.โคกกระชาย ตำบลสายตะกู อ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ มีประชาชนได้รับผลกระทบ จำนวน 33 คน แยกเป็นได้รับบาดเจ็บ 20 คน เสียชีวิต 13 คน จากเหตุการณ์ที่กัมพูชากระทำการโจมตีด้วยอาวุธใส่พื้นที่พลเรือนของไทย ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 2 ขอเรียกร้องให้หยุดการกระทำดังกล่าว ตามหลักสากลของกฎหมายมนุษยธรรม โดยจะโจมตีเฉพาะ เป้าหมายทางทหาร ประเทศไทยยึดมั่นในหลักนิติธรรมและคุณค่าสากลของมนุษยธธรรม แต่จะไม่ยอมให้การโจมตี ใดๆ ละเมิดอธิปไตยและบ่อนทำลายศักดิ์ศรีของชาติได้

*** จบตัด ***