กองทัพบกส่งหนังสือชี้แจงนานาชาติ 26 ประเทศทั่วโลก! ยันกัมพูชา "เปิดฉากยิงก่อน" และ "โจมตีเป้าหมายพลเรือน-ชุมชน-โรงพยาบาล" พร้อมละเมิดอธิปไตยด้วยการลักลอบวางทุ่นระเบิดสังหารบุคคล

กองทัพบก โดยกรมข่าวทหารบก ได้เดินหน้ายกระดับการชี้แจงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา สู่เวทีนานาชาติอย่างเป็นทางการ ด้วยการส่งหนังสือชี้แจงไปยัง 26 ประเทศทั่วโลก ผ่านกลไกผู้ช่วยทูตทหารบกไทยประจำต่างประเทศ เพื่อให้ประชาคมโลกรับทราบข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้องและชัดเจน  หนังสือชี้แจงดังกล่าวระบุอย่างชัดเจนว่า ฝ่ายกัมพูชาเป็นผู้เปิดฉากยิงก่อน และได้ดำเนินการ โจมตีเป้าหมายพลเรือน ทั้งชุมชนและโรงพยาบาล นอกจากนี้ ยังเน้นย้ำถึงการละเมิดอธิปไตยและรุกล้ำดินแดนไทย ด้วยการลักลอบวางทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ซึ่งเป็นการกระทำที่ผิดต่ออนุสัญญาออตตาวาอย่างร้ายแรง จนเป็นเหตุให้เจ้าหน้าที่ทหารของไทยต้อง ขาขาดถึง 2 นาย และบาดเจ็บอีกจำนวนหนึ่ง

ประเทศที่ได้รับการส่งหนังสือชี้แจงได้แก่ สหรัฐฯ จีน รัสเซีย ฝรั่งเศส อังกฤษ เยอรมนี ออสเตรเลีย ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ตุรกี ปากีสถาน แคนาดา นิวซีแลนด์ สวิตเซอร์แลนด์ เบลเยียม อิตาลี เบลารุส และประเทศในกลุ่มอาเซียน

การส่งหนังสือชี้แจงครั้งนี้มีขึ้นภายหลังกรมข่าวทหารบกได้จัดการประชุมคณะกรรมการผู้ช่วยทูตทหารต่างประเทศประจำประเทศไทย ณ ห้องรับรองกรมข่าวทหารบก ภายในกองบัญชาการกองทัพบก โดยมี พลตรี ประเสริฐ หมวดเชียงคะ ผู้อำนวยการสำนักวิเทศสัมพันธ์ เป็นประธานในการประชุม เพื่อชี้แจงเกี่ยวกับข้อเท็จจริงของสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ตั้งแต่เริ่มเกิดเหตุการณ์เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคมที่ผ่านมา

หัวหน้าคณะผู้ช่วยทูตทหารต่างประเทศประจำประเทศไทยได้กล่าวแสดงความเสียใจต่อสถานการณ์ความขัดแย้งที่เกิดขึ้น และขอให้สถานการณ์ดังกล่าวคลี่คลายโดยเร็วผ่านการเจรจาทางการทูต พร้อมทั้งระบุว่าคณะผู้ช่วยทูตทหารต่างประเทศประจำประเทศไทยพร้อมให้การสนับสนุนกองทัพบกไทยในทุกด้าน

กองทัพบกได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการเจรจาติดต่อสื่อสารในทุกระดับ ตั้งแต่ระดับหน่วยทหารในพื้นที่ ไปจนถึงระดับกระทรวงการต่างประเทศ และการเจรจาในระดับรัฐบาล โดยฝ่ายไทยยังคงแสดงจุดยืนในการแก้ไขปัญหาที่เกี่ยวข้องในมิติความสัมพันธ์ทวิภาคีและพันธกรณีระหว่างประเทศ และให้ความสำคัญกับการเจรจาในกรอบทวิภาคีกับกัมพูชาผ่านกลไก JBC (Joint Boundary Commission), RBC (Regional Border Committee) และ GBC (General Border Committee) เพื่อร่วมกันแก้ไขสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างสันติและเป็นรูปธรรมต่อไป