×
Live หน้าหลัก ทันเหตุการณ์ ทั่วไป คุณภาพชีวิต อาชญากรรม เศรษฐกิจ ต่างประเทศ กีฬา สิ่งแวดล้อม ทหาร การเมือง ภูมิภาค บทความ บันเทิง Life แฟชั่นและความงาม อาหารและสุขภาพ ไอที ท่องเที่ยวและวัฒนธรรม การเงินและการลงทุน โชคชะตาและความเชื่อ กิจกรรม ททบ. กิจกรรม ทบ. แนะนำรายการ หน่วยงานและเอกชน พอดแคสด์ FM94 ศูนย์ข่าววิทยุ ติดต่อเรา

วันพุธที่ 5 พฤศจิกายน 2568

?>

ทหารกัมพูชาเป็นเชลยศึก! พล.อ.กฤษณะชี้สถานะทางกฎหมาย

 31 ก.ค. 2568 16:54 | 1563 view

 @supakitt

Facebook X Share

สถานะทางกฎหมายและประเด็นที่สำคัญและน่าสนใจเกี่ยวกับการควบคุมตัวทหารกัมพูชา 21 นาย ตั้งแต่ 28 ก.ค.68   หลังการปะทะตามแนวชายแดน 

บทความ โดย พลเอก กฤษณะ บวรรัตนารักษ์ ที่ปรึกษาทรงคุณวุฒิคณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติ และการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร  / อดีตที่ปรึกษาพิเศษสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม และอดีตรองเจ้ากรมพระธรรมนูญ
 
31 ก.ค.68 - ตามที่ทหารไทยได้ควบคุมตัวทหารกัมพูชารวม 21  นาย จากการทยอยยอมจำนนตั้งแต่ 28 ก.ค.68 เป็นต้นมาจนถึงขณะนี้ หลังการปะทะตามแนวชายแดนไทยกัมพูชา สืบเนื่องจากฝ่ายทหารกัมพูชาเริ่มใช้อาวุธยิงมาในดินแดนไทยก่อน ซึ่งถือว่าเป็นการรุกรานตามธรรมนูญศาลอาญาระหว่างประเทศ แล้วฝ่ายทหารไทยจำเป็นต้องใช้กำลังอาวุธตอบโต้เพื ่อป้องกันตัวเองตามกฎบัตรสหประชาชาติ ข้อ 51 นั้น ถือว่าเป็นการขัดกันด้วยอาวุธระหว่างประเทศที่เป็นการรบ ยังไม่ถึงระดับการทำสงคราม แต่ก็อยู่ภายใต้บังคับของกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ (กฎหมายว่าด้วยการขัดกันด้วยอาวุธหรือกฎหมายสงคราม)  ซึ่งสามารถสรุปสถานะของทหารกัมพูชาที่ถูกควบคุมตัว และมีประเด็นที่เกี่ยวข้องที่สำคัญและน่าสนใจภายใต้หลักกฎหมายระหว่างประเทศ และกฎหมายภายในประเทศ ดังนี้ 
1. กฎหมายระหว่างประเทศ ทหารกัมพูชาที่ถูกควบคุมตัวมีสถานะเป็นเชลยศึกตามความหมายที่กำหนดไว้ในข้อ (4) แห่งอนุสัญญาเจนีวาเกี่ยวกับการปฏิบัติต่อเชลยศึก ลง 12 ส.ค.92 กล่าวคือ เป็นผู้สังกัดในกองทัพของภาคีคู่พิพาท ซึ่งได้รับการคุ้มครองปกป้องภายใต้อนุสัญญา และอนุสัญญานี้จะใช้แก่บุคคลเหล่านี้ตั้งแต่เวลาที่ตกอยู่ในอำนาจของอีกฝ่าย จนกระทั่งในที่สุดได้รับการปล่อยตัวตามที่กำหนดในข้อ (5) อนุสัญญานี้ทั้งประเทศไทยและประเทศกัมพูชาเป็นภาคี  ปัจจุบันอนุสัญญาฉบับนี้ได้รับการยอมรับว่าเป็นกฎหมายจารีตประเพณีที่มีผลใช้บังคับกับทุกประเทศแม้จะไม่ได้เป็นภาคีก็ตาม อนุสัญญานี้กำหนดชัดเจนว่ามีผลใช้บังคับทั้งที่มีการประกาศสงครามและในสภาวะการขัดกันด้วยอาวุธ (การรบ) และกำหนดมาตรฐานขั้นต่ำในการดูแลเชลยศึกระหว่างถูกควบคุมตัว เชลยศึกต้องได้รับการปฏิบัติอย่างมีมนุษยธรรมตลอดเวลา เช่น  1) การกระทำหรือการละเว้นใดๆ ที่ผิดกฎหมายโดยประเทศผู้กักขังซึ่งก่อให้เกิดการเสียชีวิตหรือเป็นอันตรายร้ายแรงต่อสุขภาพเป็นสิ่งต้องห้าม  2) จะต้องไม่ถูกทำร้ายร่างกายหรือถูกทดลองทางการแพทย์หรือทางวิทยาศาสตร์ใดๆ 3) ต้องได้รับการคุ้มครองตลอดเวลา โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากการกระทำรุนแรงหรือการข่มขู่ และจากการดูหมิ่นและความอยากรู้อยากเห็นของสาธารณะ  4) การซักถามเชลยศึกทุกคนจะต้องให้ข้อมูลเฉพาะนามสกุล ชื่อและยศ วันเกิด และหมายเลข  กองทัพ กรมทหาร หมายเลขประจำตัวหรือหมายเลขลำดับ หรือหากไม่มีข้อมูลดังกล่าว ก็ให้แจ้งข้อมูลที่เทียบเท่า ห้ามมิให้มีการทรมานทางร่างกายหรือจิตใจ หรือการบังคับขู่เข็ญในรูปแบบใดๆ เพื่อให้ได้มาซึ่งข้อมูลใดๆ ทั้งสิ้น เชลยศึกที่ปฏิเสธที่จะตอบคำถามจะต้องไม่ถูกข่มขู่ ดูหมิ่น หรือถูกปฏิบัติอย่างไม่พึงปรารถนาใดๆ ทั้งสิ้น  5) จะต้องเคลื่อนย้ายโดยเร็วที่สุดหลังจากถูกควบคุมตัวไปยังค่ายที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ที่ไกลจากเขตการสู้รบเพียงพอเพื่อให้ปลอดภัยจากอันตรายการรบ 6) จัดหาอาหาร น้ำดื่ม และเสื้อผ้าให้ที่เพียงพอ 7) การดูแลสุขอนามัยและทางการแพทย์ที่จำเป็นให้แก่เชลยศึก  8) จะไม่ถูกกักขังในเรือนจำ  9) มีสิทธิในการปฏิบัติกิจกรรมทางศาสนา และประการสำคัญยิ่ง 10) เชลยศึกจะได้รับการปล่อยตัวกลับภูมิลำเนาประเทศตัวเองเมื่อสภาวะการขัดกันด้วยอาวุธ (การรบ) สิ้นสุดลง และ 11) มีสิทธิติดต่อกับครอบครัวทางไปรษณีย์ระหว่างกัน เป็นต้น 


  
ข้อสังเกตทั่วไป 1) การซักถามเชลยศึกเกี่ยวข้อมูลทางการทหารนั้นซักถามได้ แต่ห้ามทรมานทางร่างกายหรือจิตใจ หรือการบังคับขู่เข็ญในรูปแบบใดๆ เพื่อให้ได้มาซึ่งข้อมูลใดๆ ทั้งสิ้น หากเจ้าตัวสมัครใจให้ข้อมูลเองไม่ถือว่าละเมิดอนุสัญญา 2) การเผยแพร่รูปภาพเชลยศึกเพื่่อให้เห็นว่าได้รับการดูแลที่ดีและปลอดภัยนั้น อาจเข้าข่ายละเมิดอนุสัญญาในเรื่่องการคุ้้มครองจากความอยากรู้อยากเห็นของสาธารณะ เหตุผลที่่อนุสัญญานี้ห้าม คือ เพื่่อป้องกันจากการทำให้ความอับอาย ทั้งเจ้าตัวอาจอับอายและครอบครัวในประเทศตนเองอาจอับอาย รวมทั้งอาจมีการข่มขู่คุกคามจากประเทศต้นสังกัด หรือเจ้าตัวอาจถูกปองร้ายเมื่่อกลับสู่่ประเทศตนเอง แม้แต่เบลอหน้าของเชลยศึกก็ไม่สมควร ประเทศที่่ควบคุมตัวไม่สมควรเผยแพร่ภาพทั้้งในเชิงบวก (ได้รับการดูแลอย่างดี) และเชิงลบ (การมัดมือ ถอดเสื้อ และปิดตา) ตามเหตุผลข้างต้น  3) เชลยศึกอาจได้รับการปล่อยตัวกลับประเทศตนเองก่อนสภาวะการขัดกันด้วยอาวุธ (การรบ) สิ้นสุดลงได้ ในกรณีมีการแลกเปลี่ยนเชลยศึก หรือประเทศที่ควบคุมตัวต้องการจะแสดงการลดการเป็นปรปักษ์ ลดความตึงเครียด และรื้อฟื้นความสัมพันธ์ให้ดีขึ้น  และ 4) การเรียกชื่่อทหารกัมพูชาที่่ถูกควบคุมตัวเป็นชื่่ออื่่นแทน“เชลยศึก” สมควรมีเหตุผลที่่ดีเพียงพอ เพราะปรากฏชัดเจนว่าเป็นเชลยศึกตามคำนิยามภายใต้ อนุสัญญาเจนีวา ซึ่่งประเทศไทยเป็นภาคี เพ่ื่่อไม่ให้เกิดความสับสน กรณีนี้จะต่างกับการที่รัฐบาลไทยไม่เรียกประชาชนต่างชาติที่่หนีภัยการสู้รบในประเทศตนเข้ามาพักพิงในดินแดนไทยว่า“ผู้อพยพ” โดยเรียก “ผู้หนีภัยจากการสู้รบ” หรือ “ผู้หลบหนีความไม่สงบจากการรบ” ซึ่งมีเหตุผลรองรับ กล่าวคือ ประเทศไทยไม่ได้เป็นภาคีอนุสัญญาผู้ลี้ภัย การไปเรียกว่าผู้ลี้ภัยอาจมีผลเสียหรือผลกระทบต่อประเทศไทย เพราะอาจส่งผลผูกพันโดยปริยายให้ประเทศไทยต้องปฏิบัติตามพันธกรณีภายใต้อนุสัญญาผู้ลี้ภัยทุกประการแม้ไม่เป็นภาคีก็ตาม เช่น การให้ที่อยู่อาศัย การให้การศึกษา การรักษาพยาบาล และการหางานให้ทำอย่างถาวรตลอดไป เป็นต้น ซึ่งประเทศไทยไม่ได้อยู่ในสถานะทางเศรษฐกิจที่จะปฏิบัติเช่นนั้นได้ครบถ้วนอย่างถาวร แต่สามารถช่วยเหลือทางมนุษยธรรมได้ชั่วคราว ซึ่งการเรียกว่า “เชลยศึก” ยังไม่เห็นว่ามีผลเสียหรือผลกระทบต่อประเทศไทยอย่างไร นอกจากนี้เป็นที่ยอมรับว่าประเทศไทยดูแลทหารกัมพูชาข้างต้นสูงกว่ามาตรฐานที่อนุสัญญากำหนด จึงไม่มีความจำเป็นต้องหลีกเลี่ยงการเรียกว่า “เชลยศึก” แต่อย่างใด  ข้อควรระวังที่ต้องใคร่ครวญอย่างยิ่ง การเรียกชื่ออื่นอาจส่งผลให้ไม่อาจควบคุมตัวไว้ได้ จะต้องปล่อยตัวกลับประเทศตนเอง หรือผลักดันออกนอกประเทศในข้อหาเข้าเมืองผิดกฎหมาย แล้วมีโอกาสสูง
 มากที่จะจับอาวุธกลับมาสู้รบเป็นภยันตรายร้ายแรงต่อประเทศไทยอีก ทหารกัมพูชาข้างต้นไม่ได้เดินพลัดหลงเข้ามาในดินแดนไทยหรือตกค้างโดยบังเอิญ แต่เป็นพลรบ (combatant) ตั้งใจเข้ามาทำการรบกับทหารไทย เห็นว่าไม่มีเหตุผลรองรับเพียงพอหากถูกควบคุมตัว (detain) ชั่วคราวแล้วปล่อยตัวหรือผลักดันกลับประเทศตนเองโดยสภาวะการขัดกันด้วยอาวุธ (การรบ) ยังไม่สิ้นสุดลง นอกจากนั้นการปล่อยตัวหรือผลักดันออกนอกประเทศข้างต้นไปทั้งหมดอาจส่งผลเสียต่อประเทศไทยบางประการที่สำคัญยิ่งต่อไป เช่น ประเทศไทยจะไม่มีตัวเชลยศึกกัมพูชาไปแลกเปลี่ยนเชลยศึกได้หากต่อไปมีทหารไทยพลาดพลั้งถูกควบคุมตัวจากฝ่ายกัมพูชาแล้วฝ่ายนั้นถือว่าเป็นเชลยศึก หรือฝ่ายกัมพูชาไม่ถือว่าทหารไทยที่ทำการรบแล้วถูกควบคุมตัวไว้มีความผิดข้อหาเข้าเมืองผิดกฎหมายหรือตกค้างแล้วปล่อยตัวหรือผลักดันกลับประเทศไทยแต่เป็นเชลยศึก เป็นต้น ประการสำคัญอาจทำให้ประเทศไทยถูกกล่าวหาว่าใช้คำอื่นเพื่อเลี่ยงพันธกรณีตามอนุสัญญาฯ แม้ประเทศไทยจะปฏิบัติตามอนุสัญญาฯ หรือดีกว่าก็ตาม

2. กฎหมายภายใน 
        2.1 พระราชบัญญัติบังคับการให้เป็นไปตามอนุสัญญาเจนีวาเกี่ยวกับการปฏิบัติต่อเชลยศึก ลงวันที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2492 พ.ศ. 2498 เป็นการตรากฎหมายภายในเพื่อรองรับอนุสัญญา เจนีวาฯ ที่ประเทศไทยเป็นภาคี ซึ่งจะกล่าวถึงคำนิยาม “เชลยศึก” การลงโทษและการลงทัณฑ์เชลยศึกที่กระทำผิด ตลอดจนการลงโทษทางอาญาแก่ผู้ที่กระทำความผิดต่อเชลยศึกได้แก่ 1) การทดลองทางการแพทย์ ชีววิทยา หรือทางวิทยาศาสตร์ 2) ขู่เข็ญ ดูหมิ่น หรือกระทำให้ได้รับความอัปยศ 3) ทรมานร่างกายหรือจิตใจ หรือบังคับเพื่อให้ได้ข้อความใดๆ หรือคุกคาม ดูหมิ่น หรือให้ได้รับผลปฏิบัติใดเป็นที่เดือดร้อนรำคาญ กรณีที่ไม่ยอมให้คำตอบจากการซักถาม
นอกจากนี้พระราชบัญญัติข้างต้นกล่าวถึงการให้ศาลทหารพิจารณาพิพากษาคดีอาญา เกี่ยวกับความผิดที่เชลยศึกกระทำ  
       2.2 ประมวลกฎหมายอาญาทหาร ซึ่งมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๑ เมษายน ร.ศ. ๑๓๑ (พ.ศ. 2455) เป็นต้นมาจนถึงปัจจุบัน มาตรา 13 บัญญัติสรุปได้ว่า เชลยศึกคนใดถูกปล่อยตัวไป โดยให้คําสัตย์ไว้ว่าจะไม่กระทําการรบพุ่งต่อประเทศไทยอีกจนตลอดเวลาสงครามคราวนั้น ถ้าเสียสัตย์นั้นแล้วถูกจับตัวมาได้ต้องโทษประหารชีวิต หรือจําคุกตลอดชีวิต หรือจำคุกตั้งแต่ห้าปีขึ้นไปจนถึงยี่สิบปี ข้อสังเกต ถ้าจะมีการปล่อยตัวเชลยศึกหรือเรียกชื่ออื่นไปก่อนสภาวะการขัดกันด้วยอาวุธ (การรบ) จะสิ้นสุดลง สมควรดำเนินการให้เชลยศึกให้คำสัตย์ตามที่บัญญัติในมาตรา 13 โดยทำเป็นหนังสือและบันทึกภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหวที่มีการให้คำสัตย์ด้วย หากผู้ใดปล่อยตัวไปโดยละเลยไม่ดำเนินการตามมาตรา 13 นี้ อาจเข้าข่ายต้องรับผิดอาญาตามมาตรา 157 แห่ง ประมวลกฎหมายอาญา ฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหาย    
    2.3 นอกจากนี้มีระเบียบและข้อบังคับที่เกี่ยวข้องประกอบด้วย 1.) ระเบียบทหารว่าด้วยชะเลยศึก ที่ ๖/๒๓๕๑๒-๒๔๘๓ ลง ๑๔ ธ.ค.๘๓  2.) ระเบียบทหารว่าด้วยจดหมาย ไปรษณียบัตรและ  ไปรษณีย์วัตถุที่เกี่ยวกับชะเลยศึก ที่   ๗/๒๖๐๕๙ - ๒๔๘๓ ลง ๓๑ ธ.ค.๘๓   3.) ข้อบังคับทหารว่าด้วยการใช้ตั๋วแทนเงินสำหรับชะเลยศึก ที่   ๑/๑๑๕๖- ๒๔๘๔  ลง ๑๑ ม.ค.๘๔ และ 4.) ระเบียบทหารว่าด้วยการปฏิบัติต่อชะเลยศึกป่วยเจ็บหรือตายในสนาม ที่   ๓/๑๑๘๕ -๒๔๘๔   ลง ๑๒ ม.ค.๘๔ ทั้งนี้ จากการตรวจสอบระเบียบทหารและข้อบังคับทหารตามข้อ 2.3 นี้ปรากฏว่ายังไม่ถูกยกเลิก ซึ่งพระราชบัญญัติบังคับการให้เป็นไปตามอนุสัญญาเจนีวาเกี่ยวกับการปฏิบัติต่อเชลยศึกฯ ตามข้อ 2.1 มาตรา 3 บัญญัติว่า บรรดาบทกฎหมาย กฎ และข้อบังคับอื่น ๆ ในส่วนที่มีบัญญัติไว้แล้วในพระราชบัญญัตินี้หรือ อนุสัญญา หรือแย้ง หรือขัดต่อบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัตินี้หรืออนุสัญญา มิให้นำมาใช้บังคับแก่เชลยศึก  นอกจากนั้นการควบคุมตัวเชลยศึกนั้นควรให้ฝ่ายทหารทำหน้าที่ควบคุมตัว เนื่องจากที่ผ่านมา ได้มีการอบรมให้ความรู้กับกำลังพลทหารเกี่ยวกับกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศรวมทั้ง อนุสัญญาเจนีวาฯ ประกอบกับได้มีการพระราชบัญญัติ ระเบียบ และข้อบังคับทหารเกี่ยวกับเชลยศึกใช้บังคับกับทหารเป็นหลัก ตลอดจนเชลยศึกอยู่ในอำนาจศาลทหาร หากมอบหมายให้ เจ้าหน้าที่หน่วยงานอื่นควบคุมตัวเชลยศึกแทน เช่น เจ้าหน้าที่ตำรวจ สมาชิกกองอาสารักษาดินแดนสังกัดกรมการปกครอง หรือเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ เป็นต้น อาจมีปัญหาในการดูแลให้เป็นไปตามอนุสัญญาเจนีวาฯ และกฎหมาย ระเบียบ กับข้อบังคับของฝ่ายทหาร เนื่องจากอาจไม่มีความรู้ ความเข้าใจดีพอมาก่อน  
  
สรุป : ทหารกัมพูชาทั้ง 21 นาย มีสถานะเป็นเชลยศึกที่ได้รับการคุ้มครองภายใต้กฎหมายระหว่างประเทศและกฎหมายภายในของประเทศไทย ซึ่งประเทศไทยได้ยึดถือเป็นหลักในการปฏิบัติต่อทหารกัมพูชาดังกล่าว การที่เชลยศึกได้รับการดูในสภาพที่ดีภายใต้กฎหมาย ระเบียบและข้อบังคับข้างต้น ไม่ได้ลำบากและถูกทารุณกรรมแต่อย่างใด ต่อไปจะปรากฏเป็นข่าวส่งผลให้ทหารกัมพูชาในการรบวางอาวุธยอมจำนนแทนที่จะจับอาวุธสู้ตาย เพราะไม่อยากเป็นเชลยศึกที่มีสภาพความเป็นอยู่ลำบากและถูกทารุณกรรม ส่งผลให้ลดการสูญเสียชีวิตทหารของทั้งสองฝ่าย หากจะใช้เรียกชื่ออื่นแทนเชลยศึกก็ควรพิจารณาอย่างระมัดระวังถึงผลเสียหรือผลกระทบ เป็นสิ่งสำคัญและจำเป็นที่ทหารไทยและเจ้าหน้าที่หน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องควรมีความรู้ความเข้าใจและ ปฏิบัติภายใต้กฎหมายระหว่างประเทศและกฎหมายภายในที่เกี่ยวข้องกับเชลยศึกอย่างเคร่งครัด ซึ่งจะมีส่วนสำคัญในการสร้างสภาวะเอื้ออำนวยต่อการเจรจาสันติภาพ นำไปสู่การแก้ไขปัญหาข้อพิพาทระหว่างสองประเทศให้ลุล่วงด้วยดี เกิดสันติภาพอันจะส่งผลดีต่อทั้งสองประเทศซึ่งอยู่ติดกันไม่อาจย้ายหนีกันได้   
  
หมายเหตุ ขอขอบคุณ พลตรี ปิยชาต เจริญผล นายทหารพ้นราชการ อดีตผู้อำนวยการ กองกฤษฎีกาทหารและการต่างประเทศ สำนักงานพระธรรมนูญทหาร กองบัญชาการกองทัพไทย  ที่ค้นหาและสนับสนุนข้อมูลกฎหมายในการเขียนบทความนี้  

 

 

เป็นเพื่อนกับบัญชีทางการ LINE ของเราเพื่อรับข่าวสารล่าสุดและอีกมากมาย!

เพิ่มเพื่อน

ทันเหตุการณ์

ข่าว

4 สมาคมตํารวจจี้ผบ.ตร.เอาผิด "สุรเชษฐ์–อัจฉริยะ" ปล่อยเฟคนิวส์ใส่ร้ายตํารวจ

5 พ.ย. 2568 15:28 119 views

ข่าว

'ปู่จิ้น พ่อนายกฯ' เข้าทําเนียบร่วมทานมื้อกลางวัน 'อนุทิน' พาเยี่ยมชมตึกไทย พร้อมนั่งเก้าอี้นายกฯ

5 พ.ย. 2568 13:52 242 views

ข่าว

อนุทิน เผย รักษาบาลานซ์ 2 ชาติมหาอํานาจ ต้องใช้ความจริงใจ วางตัวเป็นพาร์ทเนอร์ คู่ค้า ไม่ใช่ขี้ข้าใคร

5 พ.ย. 2568 12:43 154 views

ข่าว

อนุทิน ย้ํา คนละครึ่งพลัสเฟส 2 มาแน่ ก่อนยุบสภา เมินถูกวิจารณ์เลียนแบบ แค่ทําเพื่อปชช.

5 พ.ย. 2568 12:34 126 views

ข่าว

‘อนุทิน’ ลั่นรัฐบาลเซ็น ‘เช็คเปล่า’ ปราบสแกมเมอร์ โวเข้ามา 3 สัปดาห์ถอนสัญชาติขาใหญ่

5 พ.ย. 2568 12:28 146 views

ข่าว

นายกฯ นอนยัน ยุบสภาฯ 31 ม.ค. 69 ลั่นรักษาสัญญากับ ปชน.

5 พ.ย. 2568 12:09 154 views

ข่าว

’พรรคไทยก้าวใหม่‘ จ่อเปิดที่ทําการพรรคใหม่ 7พ.ย.นี้ พร้อมประกาศสู้ศึกเลือกตั้งทั่วประเทศ

5 พ.ย. 2568 11:56 130 views

ข่าว

'สมศักดิ์' กวักมือเรียก คนย้ายพรรคกลับ 'เพื่อไทย' มั่นใจ กก.บห.ชุดใหม่ สร้างการเมืองแจ่มใส มีอนาคต

5 พ.ย. 2568 11:47 285 views

ข่าว

กระทรวงการคลังเตรียมออกสลากกาชาดปี 68 ในวันพุธที่ 5 พฤศจิกายน

5 พ.ย. 2568 11:01 173 views

ข่าว

เครื่องบินขนส่ง UPS ตกในเคนทักกี ดับแล้ว 3 เจ็บ 11 เชื่อยอดตายพุ่ง

5 พ.ย. 2568 10:53 199 views

ข่าว

ไต้ฝุ่นคัลแมกีมุ่งหน้าเวียดนาม ขึ้นฝั่งศุกร์นี้ หลังคร่า 58 ชีวิตในฟิลิปปินส์

5 พ.ย. 2568 10:31 166 views

ข่าว

ดิ๊ก เชนีย์ อดีต รองประธานาธิบดี สหรัฐ ผู้ทรงอิทธิพล เสียชีวิตในวัย 84 ปี

5 พ.ย. 2568 10:07 147 views

ข่าว

รัฐบาลชวนคนไทยลอยกระทง เรียบง่าย ปลอดภัย อนุรักษ์วัฒนธรรมไทย

5 พ.ย. 2568 10:01 173 views

ข่าว

ห้ามปล่อยโคมลอยใกล้สนามบิน  

5 พ.ย. 2568 09:57 149 views

ข่าว

เจ้าฟ้าสิริวัณณวรีฯ ทอดพระเนตรการแสดงโขน "สัตยาพาลี"

5 พ.ย. 2568 09:56 168 views

ข่าว

น้ําเหนือเพิ่มต่อเนื่อง เขื่อนใหญ่เร่งหน่วงน้ํา

5 พ.ย. 2568 09:50 184 views