วันพฤหัสบดีที่ 14 สิงหาคม 2568
14 ส.ค. 2568 09:50 | 81 view
@pracha
เปิดคําชี้แจงศาล รธน. 'แพทองธาร' ยันคุยกับ 'ฮุนเซน' ไม่ผิดย้ําสุจริต เหมาะสมตําแหน่ง ขอพยาน 5 คน แต่ได้เพียงเลขาฯ สมช. ปัดตกคําขอหยุดปฏิบัติหน้าที่ ชี้จําเป็นต่อการบูรณาการฝ่ายทหาร สร้างแรงกดดันกัมพูชา
14 ส.ค.2568 - ภายหลังที่ศาลรัฐธรรมนูญนัดลงมติและอ่านคําวินิจฉัยในวันที่ 29 สิงหาคม 2568 เพื่อชี้ขาดสถานะนายกรัฐมนตรีของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร คดีนี้สืบเนื่องจากกรณีสมาชิกวุฒิสภายื่นคําร้องให้ตรวจสอบคุณสมบัตินายกฯ จากปมคลิปเสียงสนทนากับสมเด็จฮุน เซน แห่งกัมพูชา ข้อกล่าวหาหลักคือ นางสาวแพทองธารขาดความซื่อสัตย์สุจริต และฝ่าฝืนมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรงในการปฏิบัติหน้าที่ ทั้งนี้ ก่อนวันตัดสิน ศาลได้นัดไต่สวนพยานบุคคล 2 ปาก คือ น.ส.แพทองธาร และนายฉัตรชัย บางชวด เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ในวันที่ 21 ส.ค.2568
รายงานข่าวแจ้งว่า น.ส.แพทองธารได้ชี้แจงศาลบางส่วนตอนหนึ่งว่า “การกระทําของข้าพเจ้าตามข้อกล่าวหาของผู้ร้องจึงไม่เป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามประมวลจริยธรรมของข้าราชการการเมือง พ.ศ. 2564 แต่อย่างใด อีกทั้งการกระทําของข้าพเจ้าก็ไม่ได้ก่อให้เกิดความเสื่อมเสียต่อเกียรติภูมิของตําแหน่งนายกรัฐมนตรี หรือบั่นทอนความเชื่อมั่นของประชาชนในความสุจริตและเหมาะสมในการดํารงตําแหน่งของข้าพเจ้าแต่ประการใด” แต่มีข้อสังเกตพบว่า นายกฯ ได้ขออนุญาตให้ไต่สวนพยานบุคคลผู้ทรงคุณวุฒิเพื่อให้ศาลรัฐธรรมนูญได้รับทราบข้อเท็จจริงอย่างรอบด้าน 5 คน ได้แก่
1.นายฉัตรชัย บางชวด ตําแหน่งเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ ในฐานะผู้ทํางานร่วมกับผู้บัญชาการเหล่าทัพทุกเหล่าทัพ และยังเป็นบุคคลที่ทราบถึงเจตนาอันแท้จริงของข้าพเจ้าในการสนทนากับสมเด็จฮุน เซน
2.นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ในฐานะผู้สั่งการฝ่ายปกครองด้านชายแดน
3.พล.อ.ภุชงค์ รัตนวรรณ ข้าราชการบํานาญ ในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านกัมพูชา ทํางานด้านปฏิบัติในกัมพูชามาตั้งแต่ยศร้อยโท และทํางานอยู่กับ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ มาตั้งแต่ท่านดํารงตําแหน่งแม่ทัพที่ 2 และผู้บัญชาการรบพิเศษอย่างต่อเนื่อง
4.พล.ท.พุฒิพงษ์ ชีพสมุทร ตําแหน่งรองเจ้ากรมพระธรรมนูญทหาร ในฐานะผู้ชํานาญด้านกฎหมายเกี่ยวกับความมั่นคงของทหารและเรื่องอํานาจอธิปไตยของประเทศ
5.นายธนาธิป อุปัติศฤงค์ อดีตทูตไทยประจําประเทศญี่ปุ่น อดีตทูตไทยประจําประเทศฟิลิปปินส์ และอดีตทูตไทยประจําประเทศรัสเซีย ในฐานะผู้ชํานาญด้านการต่างประเทศ และสามารถให้ข้อมูลเพิ่มเติมถึงวิธีปฏิบัติทางการทูตในการเจรจาแบบไม่เป็นทางการ
พยานทั้งห้าท่านมีความรู้ความเชี่ยวชาญในด้านความมั่นคงของประเทศและตามแนวชายแดนปัจจุบัน และบางท่านมีประสบการณ์ในอดีตทั้งความมั่นคงและการต่างประเทศ
นอกจากนี้ยังเป็นบุคคลที่ทราบถึงเจตนาอันแท้จริงของข้าพเจ้าในการสนทนากับสมเด็จฮุน เซน อีกทั้งเพื่อให้ศาลได้รับทราบถึงความคิดเห็นว่า การดําเนินการของข้าพเจ้าในช่วงเหตุการณ์ไม่ได้กระทําโดยมีเจตนาตามที่ผู้ร้องกล่าวหา หรือเป็นการละเมิดบทบัญญัติรัฐธรรมนูญหรือมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง ทั้งยังเป็นการดําเนินการตามข้อมูลและคําแนะนําของฝ่ายความมั่นคงที่ประเมินสถานการณ์อย่างรอบด้าน และเพื่อแสดงว่าเจตนาของข้าพเจ้ามุ่งเพื่อรักษาเอกราชอธิปไตย และความมั่นคงของชาติ ไม่ใช่เจตนาดังที่ผู้ร้องกล่าวหา จึงขอศาลโปรดพิจารณาอนุญาตให้มีการไต่สวนพยานบุคคลดังกล่าว เพื่อให้การพิจารณาคดีมีความครบถ้วน รอบด้านและเป็นธรรม โดยปราศจากข้อสงสัยอันอาจกระทบต่อความชอบธรรมและสถานะของข้าพเจ้าในฐานะนายกรัฐมนตรีของประเทศ
ดังนั้น เมื่อคํานึงถึงความเป็นสัดส่วนในความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นจากการหยุดปฏิบัติหน้าที่ของข้าพเจ้าตามที่กล่าวมา หากข้าพเจ้ายังคงปฏิบัติหน้าที่นายกฯ ต่อไป ย่อมเป็นไปเพื่อประโยชน์ของประเทศชาติและอธิปไตยของชาติ อีกทั้งสามารถปฏิบัติหน้าที่ในลักษณะบูรณาการเจ้าหน้าที่รัฐทุกฝ่ายให้สนับสนุนการทําหน้าที่ของฝ่ายทหาร และแสดงถึงความเข้มแข็งภายในชาติ ซึ่งส่งผลเชิงจิตวิทยาแก่กัมพูชาในการรุกรานประเทศไทย ผู้ถูกร้องจึงขอศาลมีคําสั่งยกเลิกมาตรการหรือวิธีการชั่วคราวก่อนการวินิจฉัย ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2561 มาตรา 71 ตามที่ผู้ร้องมีคําขอให้ศาลรัฐธรรมนูญมีคําสั่งให้ผู้ถูกร้องหยุดปฏิบัติหน้าที่จนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคําวินิจฉัย
ทั้งนี้ การยกเลิกคําสั่งให้ผู้ถูกร้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าว เพื่อให้ผู้ถูกร้องสามารถปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรีไปพลางจนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคําวินิจฉัย จึงขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาดังนี้
ข้อ 1 ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญได้โปรดนําข้อเท็จจริงและพยานหลักฐาน รวมถึงพยานบุคคลทั้งห้าซึ่งเป็นพยานบุคคลผู้ทรงคุณวุฒิอันเป็นพยานผู้เชี่ยวชาญ ตามคําร้องของผู้ถูกร้อง เข้าสู่กระบวนพิจารณาเพื่อประกอบการพิจารณาคดีและการไต่สวนของศาลในการพิจารณาและมีคําวินิจฉัยตามข้อกําหนดศาลรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2562 ข้อ 4 และพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2561 มาตรา 27 ที่กําหนดให้การพิจารณาคดีให้ใช้ระบบไต่สวน โดยให้ศาลมีอํานาจค้นหาความจริงไม่ว่าจะเป็นคุณหรือเป็นโทษแก่ฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดได้ และในการวินิจฉัยปัญหาข้อเท็จจริงให้ศาลรับฟังพยานหลักฐานได้ทุกประเภท
ข้อ 2 ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญได้โปรดพิจารณามีคําสั่งยกเลิกมาตรการหรือวิธีการชั่วคราวก่อนการวินิจฉัย ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2561 มาตรา 71 ตามที่ผู้ร้องมีคําขอให้ศาลรัฐธรรมนูญมีคําสั่งให้ผู้ถูกร้องหยุดปฏิบัติหน้าที่จนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคําวินิจฉัย ทั้งนี้ การยกเลิกคําสั่งให้ผู้ถูกร้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าว เพื่อให้ผู้ถูกร้องสามารถปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรีไปพลางจนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคําวินิจฉัย
อย่างไรก็ตาม สุดท้ายศาลรัฐธรรมนูญอนุญาตให้ใช้พยานบุคคล 1 ปาก คือ เลขาธิการ สมช.และ น.ส.แพทองธาร รวมถึงปัดตกคําขอให้ยกเลิกคําสั่งให้ผู้ถูกร้องหยุดปฏิบัติหน้าที่จนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคําวินิจฉัย
ข่าว
14 ส.ค. 2568 11:18 42 views
ข่าว
14 ส.ค. 2568 11:15 45 views
ข่าว
14 ส.ค. 2568 10:59 47 views
ข่าว
14 ส.ค. 2568 10:50 39 views
ข่าว
14 ส.ค. 2568 10:49 52 views
ข่าว
14 ส.ค. 2568 09:54 43 views
ข่าว
14 ส.ค. 2568 09:50 82 views
ข่าว
14 ส.ค. 2568 09:48 70 views
ข่าว
14 ส.ค. 2568 09:39 112 views
ข่าว
14 ส.ค. 2568 09:30 115 views
ข่าว
14 ส.ค. 2568 09:22 97 views
ข่าว
14 ส.ค. 2568 09:20 56 views
ข่าว
14 ส.ค. 2568 09:18 118 views
ข่าว
13 ส.ค. 2568 16:45 94 views
ข่าว
13 ส.ค. 2568 16:06 190 views
ข่าว
13 ส.ค. 2568 15:53 139 views