วันพุธที่ 27 สิงหาคม 2568
25 ส.ค. 2568 09:42 | 229 view
@varin
การลดหวานเป็นสิ่งสําคัญมากต่อสุขภาพโดยรวม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคปัจจุบันที่อาหารและเครื่องดื่มมีน้ําตาลเป็นส่วนประกอบสูงมาก การลดหวานไม่เพียงแต่ช่วยลดความเสี่ยงของโรคเบาหวานเท่านั้น แต่ยังช่วยควบคุมน้ําหนัก ลดความเสี่ยงโรคหัวใจและหลอดเลือด รวมถึงโรคอ้วนและฟันผุ
.
นี่คือเทคนิคลดหวานที่สามารถนําไปปรับใช้ในชีวิตประจําวันได้ง่ายๆ
1. ลดน้ําตาลในชา/กาแฟ/เครื่องดื่มชง: ค่อยๆ ลดปริมาณน้ําตาลที่เติมลงไป จากเคยเติม 2 ช้อนชา ให้ลดเหลือ 1.5, 1, 0.5 จนกระทั่งไม่เติมเลย
เลือกเครื่องดื่มแบบไม่มีน้ําตาล (Zero Sugar/No Sugar Added): หากติดน้ําอัดลม ลองเปลี่ยนเป็นสูตรไม่มีน้ําตาล หรือดื่มน้ําเปล่าให้มากขึ้น
2. ดื่มน้ําเปล่าเป็นหลัก: น้ําเปล่าคือเครื่องดื่มที่ดีที่สุด และช่วยลดความอยากเครื่องดื่มหวานๆ ได้ดี
เพิ่มรสชาติด้วยธรรมชาติ: ลองฝานมะนาว แตงกวา หรือใส่ใบสะระแหน่ในน้ําเปล่า เพื่อเพิ่มความสดชื่น
หลีกเลี่ยงน้ําผลไม้กล่อง/น้ําอัดลม: แม้จะเป็นน้ําผลไม้ 100% ก็ยังมีน้ําตาลธรรมชาติสูง และขาดใยอาหาร
อ่านฉลากโภชนาการ: ตรวจสอบปริมาณน้ําตาล (Sugar) บนฉลาก เลือกผลิตภัณฑ์ที่มีน้ําตาลน้อย หรือไม่มีน้ําตาลเลย
3. ลดขนมหวาน/เบเกอรี่/ไอศกรีม: ขนมเหล่านี้มักมีน้ําตาลสูงมาก หากยังตัดใจไม่ได้ ให้ลดความถี่หรือปริมาณที่กินลง
ระวังน้ําตาลแฝง: น้ําตาลไม่ได้มีแค่ในขนมหวาน แต่ยังแฝงอยู่ในอาหารคาวบางชนิด เช่น น้ําจิ้ม น้ําสลัด ซอสมะเขือเทศ ซอสพริก รวมถึงอาหารแปรรูปต่างๆ
4. เลือกผลไม้สดแทนขนมหวาน: ผลไม้สดมีใยอาหาร วิตามิน และแร่ธาตุ ช่วยให้อิ่มนานและได้รับน้ําตาลจากธรรมชาติในปริมาณที่เหมาะสม
ปรุงอาหารเอง: การทําอาหารเองที่บ้านช่วยให้เราควบคุมปริมาณน้ําตาลที่ใส่ลงไปได้ง่ายขึ้น
ใช้สารให้ความหวานแทนน้ําตาล (ในปริมาณที่เหมาะสม): สําหรับผู้ที่ยังติดรสหวาน อาจพิจารณาใช้สารให้ความหวานแทนน้ําตาล เช่น สตีเวีย, อิริทริทอล, หล่อฮังก๊วย แต่ควรใช้ในปริมาณที่พอเหมาะและไม่ใช้เป็นประจํา เพื่อให้ลิ้นคุ้นชินกับการลดหวาน
5. เพิ่มโปรตีนและใยอาหาร: การกินอาหารที่มีโปรตีนและใยอาหารสูงจะช่วยให้อิ่มนานขึ้น ลดความอยากอาหารและขนมหวาน
6. กินอย่างช้าๆ และมีสติ: การกินช้าๆ จะช่วยให้ร่างกายรับรู้ถึงความอิ่มและลดการกินเกินความจําเป็น
7. นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ: การอดนอนอาจทําให้ฮอร์โมนความหิวเพิ่มขึ้น และอยากอาหารหวานๆ มากขึ้น
8. จัดการความเครียด: ความเครียดอาจกระตุ้นให้บางคนอยากกินของหวานเพื่อปลอบประโลมจิตใจ
9. ออกกําลังกายสม่ําเสมอ: การออกกําลังกายช่วยลดความอยากอาหาร และทําให้ร่างกายใช้พลังงานได้ดีขึ้น
10. คําแนะนําเพิ่มเติม
ค่อยๆ ลด: การหักดิบอาจทําได้ยากและทําให้ท้อแท้ ค่อยๆ ลดปริมาณน้ําตาลลงทีละน้อย จะช่วยให้ร่างกายและลิ้นปรับตัวได้ดีขึ้น
ให้เวลาตัวเอง: การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมต้องใช้เวลาและวินัย อย่าท้อแท้หากบางวันเผลอกินหวานไปบ้าง
หาเพื่อนร่วมอุดมการณ์: การมีคนรอบข้างที่สนับสนุนหรือร่วมลดหวานไปด้วยกัน จะช่วยให้กําลังใจและทําได้สําเร็จง่ายขึ้น
การลดหวานเป็นก้าวสําคัญสู่การมีสุขภาพที่ดีขึ้นอย่างยั่งยืน ขอให้สนุกกับการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อสุขภาพที่ดี!
.
ข่าว
27 ส.ค. 2568 16:21 145 views
ข่าว
27 ส.ค. 2568 16:12 137 views
ข่าว
27 ส.ค. 2568 16:09 133 views
ข่าว
27 ส.ค. 2568 15:29 142 views
ข่าว
27 ส.ค. 2568 14:18 157 views
ข่าว
27 ส.ค. 2568 14:07 121 views
ข่าว
27 ส.ค. 2568 13:58 127 views
ข่าว
27 ส.ค. 2568 13:43 123 views
ข่าว
27 ส.ค. 2568 13:37 125 views
ข่าว
27 ส.ค. 2568 13:22 105 views
ข่าว
27 ส.ค. 2568 12:34 169 views
ข่าว
27 ส.ค. 2568 12:03 147 views
ข่าว
27 ส.ค. 2568 11:01 147 views
ข่าว
27 ส.ค. 2568 10:44 150 views
ข่าว
27 ส.ค. 2568 10:42 128 views
ข่าว
27 ส.ค. 2568 10:16 164 views