ศูนย์ปราบคอลเซ็นเตอร์และค้ามนุษย์นานาชาติ (IAC) แถลงผลปฏิบัติ สามารถอายัดทรัพย์ได้มากขึ้น รวดเร็วขึ้น คืนความยุติธรรมให้ผู้เสียหายแล้วกว่า 234 ล้านบาท

วันที่ 29 สิงหาคม 2568 - พลตํารวจโทไตรรงค์ ผิวพรรณ ผู้บัญชาการตํารวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี แถลงผลการปฏิบัติการปราบปรามอาชญากรรมออนไลน์ ภายใต้ปฏิบัติการ “MONEY CASH BACK – ปิดบัญชี ตามล่าม้า คว้าเงินคืน” โดยนับตั้งแต่เปิดศูนย์บริหารเหตุการณ์แก๊งคอลเซ็นเตอร์และค้ามนุษย์นานาชาติ หรือ Warroom IAC อย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 4 สิงหาคม 2568 การทํางานแบบบูรณาการร่วมกับหลายภาคส่วนตลอด 24 ชั่วโมง ทําให้เห็นผลอย่างเป็นรูปธรรมมากขึ้น ตัวเลขสะท้อนชัดเจนเพราะมีคดีที่เข้าสู่การดําเนินการแล้ว 426 เคส มูลค่าความเสียหายกว่า 225 ล้านบาท จากนั้นสามารถอายัดทรัพย์ได้สําเร็จ 201 เคส มูลค่ากว่า 75 ล้านบาท ขณะเดียวกันก็พบว่ามีการถอนเงินสดไปแล้ว 170 เคส รวมเป็นเงินกว่า 92 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม ด้วยการทํางานเชิงรุกและประสานงานใกล้ชิดกับสถาบันการเงินทุกแห่ง ทําให้จนถึงปัจจุบัน Warroom IAC สามารถนําเงินกลับคืนให้ผู้เสียหายภายใต้โครงการ MONEY CASH BACK ได้มากกว่า 234 ล้านบาทแล้ว

สําหรับ 5 คดีล่าสุดที่ได้เงินคืนรวมกว่า 2 ล้านบาท ล้วนสะท้อนกลโกงที่หลากหลายและซับซ้อน เริ่มจากการหลอกลงทุนผ่านเพจปลอมที่อ้างชื่อเซียนหุ้นชื่อดัง ทําให้ผู้เสียหายสูญเงินกว่า 4 ล้านบาท แต่ตํารวจสามารถอายัดคืนได้ทันจํานวน 500,000 บาท

ต่อมาคือคดีที่คนร้ายแอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ ข่มขู่ผู้เสียหายให้โอนเงินตรวจสอบรวมกว่า 700,000 บาท แต่สามารถอายัดคืนได้เกือบ 500,000 บาท อีกกรณีหนึ่งผู้เกษียณถูกหลอกเข้ากลุ่มไลน์ปลอมโดยอ้างชื่อกรมบัญชีกลาง สูญเงินไปกว่า 7 แสนบาท แต่ได้เงินคืน 410,000 บาท

ส่วนคดีสั่งซื้อสินค้าออนไลน์แล้วไม่ส่ง กลับถูกหลอกซ้ําโดยมิจฉาชีพที่อ้างเป็นเจ้าหน้าที่กระทรวงยุติธรรม ทําให้โอนเงินไปกว่า 3,600,000 บาท แต่ตํารวจอายัดคืนมาได้ 370,000 บาท และคดีสุดท้าย ผู้เสียหายถูกล่อลวงให้ลงทุนในแพลตฟอร์มออนไลน์ที่ไม่สามารถถอนเงินออกมาได้ สูญเงินไป 4 ล้านกว่าบาท แต่เจ้าหน้าที่จับผู้ต้องหาที่เป็นคนเปิดบัญชีได้ และสามารถอายัดคืนเงินมาได้ 280,000 บาท

แม้จํานวนเงินที่นําคืนได้จะยังไม่ครอบคลุมความเสียหายทั้งหมด แต่ก็ถือเป็นก้าวสําคัญที่สะท้อนให้เห็นว่าการทํางานเชิงรุกของ Warroom IAC มีประสิทธิภาพมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยตํารวจย้ําว่าเป้าหมายหลักคือการ “ตัดเส้นเลือดการเงิน” ของเครือข่ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์และอาชญากรรมข้ามชาติ พร้อมยืนยันว่าการคืนความยุติธรรมให้แก่ผู้เสียหาย จะยังคงดําเนินไปอย่างเข้มข้นและรวดเร็วที่สุด