รัฐบาลไทยเร่งเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุปะทะชายแดนไทย–กัมพูชาแล้วกว่า 200 ล้านบาท ศบ.ทก.เผยสถานการณ์ยังคงสงบและพร้อมหารือในเวทีโลก

วันที่ 3 กันยายน 2568 - ศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย–กัมพูชา (ศบ.ทก.) แถลงสรุปภาพรวมสถานการณ์ชายแดน โดยพลเรือตรี สุรสันต์ คงสิริ โฆษกด้านความมั่นคง ยืนยันว่าบรรยากาศโดยทั่วไปยังคงสงบ กองกําลังทั้งสองฝ่ายยังตรึงกําลังและเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิดโดยไม่มีเหตุรุนแรงเพิ่มเติม พร้อมเปิดเผยถึงความคืบหน้าที่สําคัญหลายด้าน ทั้งการตรวจเยี่ยมพื้นที่ชายแดนโดยคณะผู้สังเกตการณ์ชั่วคราว (IOT) เมื่อวันที่ 2 กันยายนที่ผ่านมา ซึ่งได้ลงพื้นที่ตรวจจุดผ่านแดนถาวรบ้านหาดเล็ก และหลักเขตแดนที่ 73 รวมถึงติดตามการปฏิบัติการเก็บกู้ทุ่นระเบิดของกองร้อยทหารพรานที่ 537 ที่ยังคงเผชิญอุปสรรคจากภูมิประเทศและการพบปะกองกําลังติดอาวุธกัมพูชา โดยคณะสังเกตการณ์ยืนยันว่ากระบวนการทั้งหมดเป็นไปอย่างโปร่งใสและยุติธรรม

ในส่วนของการหารือระดับทวิภาคี ศบ.ทก.ระบุว่า การประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) สมัยวิสามัญ ครั้งที่ 2/2568 จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 7–10 กันยายนนี้ ที่จังหวัดเกาะกง ประเทศกัมพูชา โดยวันที่ 10 กันยายนจะเป็นการประชุมใหญ่และมีการแถลงผลร่วมที่จังหวัดตราด ขณะเดียวกัน ศบ.ทก.ได้เห็นชอบหลักการก่อสร้างรั้วความมั่นคงตามแนวชายแดนจังหวัดสระแก้ว ระยะทาง 16 กิโลเมตร ระหว่างหลักเขตแดนที่ 50–51 โดยจะมีการสํารวจสิทธิครอบครองที่ดินและดําเนินคดีกับผู้บุกรุกป่าไม้ควบคู่ไปด้วย ก่อนเสนอให้สภาความมั่นคงแห่งชาติพิจารณาต่อ

ทางด้านนางมาระตี นะลิตา อันดาโม โฆษก ศบ.ทก.ด้านการต่างประเทศ กล่าวเสริมว่า ไทยยังคงเดินหน้าชี้แจงในเวทีสากล โดยเมื่อปลายเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา นายมานิตย์ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้เข้าพบเจ้าหน้าที่สหประชาชาติและกาชาดสากลที่นครเจนีวา เพื่อยืนยันความมุ่งมั่นของไทยในการปฏิบัติตามอนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิด และแสดงความพร้อมที่จะร่วมมือกับกัมพูชาในการเก็บกู้ทุ่นระเบิด นอกจากนี้ ไทยยังได้ออกมาตอบโต้ข่าวบิดเบือนจากสื่อกัมพูชาที่กล่าวหาอาวุธตกค้างของฝ่ายไทยทําให้ชาวบ้านเดือดร้อน โดยยืนยันว่าข้อมูลดาวเทียมแสดงให้เห็นชัดว่ากัมพูชาเป็นฝ่ายสร้างฐานปฏิบัติการก่อน จึงเรียกร้องให้ยุติการโฆษณาชวนเชื่อและร่วมแก้ปัญหาด้วยสันติ

ด้านการดูแลประชาชน นางสาวศศิกานต์ วัฒนะจันทร์ รองโฆษกประจําสํานักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตั้งแต่วันที่ 24 กรกฎาคมถึง 2 กันยายน มีเหตุปะทะตามแนวชายแดนแล้ว 45 ครั้ง ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 22 ราย บาดเจ็บ 40 ราย บ้านเรือนประชาชนเสียหาย 885 หลัง โดยซ่อมแซมแล้ว 683 หลัง ขณะที่พื้นที่เกษตรเสียหายกว่า 556 ไร่ ปศุสัตว์สูญหายกว่า 782 ตัว โรงเรียน 29 แห่ง และสถานพยาบาล 1 แห่งได้รับผลกระทบ รัฐบาลได้จ่ายเงินเยียวยาแล้วกว่า 34 ล้านบาท รวมวงเงินช่วยเหลือกว่า 201 ล้านบาท ครอบคลุม 6 จังหวัดชายแดน ได้แก่ บุรีรัมย์ ศรีสะเกษ สุรินทร์ อุบลราชธานี สระแก้ว และตราด พร้อมยกเว้นภาษีเงินได้สําหรับเงินเยียวยาเป็นวงเงินกว่า 165 ล้านบาท เพื่อให้ประชาชนได้รับการช่วยเหลืออย่างครบถ้วนและทันท่วงที

ศบ.ทก.ย้ําชัดว่า การแก้ปัญหาความตึงเครียดบริเวณชายแดนไทย–กัมพูชาจะดําเนินการภายใต้แนวทางสันติวิธี ใช้การเจรจาเป็นกลไกหลัก พร้อมควบคู่ไปกับการดูแลชีวิตความเป็นอยู่และบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนอย่างเต็มที่