วันพุธที่ 10 กันยายน 2568
10 ก.ย. 2568 15:42 | 157 view
@pracha
ศาลอาญาคดีทุจริต ภาค 1 รับฟ้อง 4 อดีตป.ป.ช. ตกเป็นจําเลยคดีปฏิบัติหน้าที่มิชอบ ขัดคําพิพากษาศาลปกครองสูงสุด ไม่ยอมเปิดเผยข้อมูลคดีนาฬิกาบิ๊กป้อม
เมื่อวันที่ 10 กันยายน 2568 ที่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ ภาค 1 ศาลอ่านคําสั่งในคดีหมายเลขดําที่ อท95/2567 ระหว่าง นายวีระ สมความคิด ประธานเครือข่ายประชาชนต้านคอร์รัปชัน โจทก์ นายนิวัติไชย เกษมมงคล อดีตคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) จําเลยที่ 1 และพวกรวม 12 คน กรณีโจทก์ขอให้เปิดเผยข้อมูลในสํานวนการไต่สวนข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการจงใจแสดงรายการทรัพย์สินอันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ กรณีกล่าวหา พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ อดีตรองนายกฯ เมื่อครั้งดํารงตําแหน่ง ไม่แสดงว่า มีนาฬิกาข้อมือมือราคาแพง จํานวนมาก และแหวนประดับดับมีค่าหลายรายการ
โดยโจทก์ฟ้องว่า จําเลยที่ 1 เป็นเลขาธิการป.ป.ช. ตั้งแต่ปี 2564 ถึงปัจจุบัน จําเลยที่ 2 เป็นเลขาธิการป.ป.ช. ตั้งแต่วันที่ 24 ธันวาคม 2560 ถึงปี 2564 ขณะเกิดเหตุเดือนตุลาคม 2562 จําเลยที่ 2 เป็นเลขาธิการ และหลังจากศาลปกครองสูงสุดมีคําพิพากษาถึงที่สุด ในปี 2566 จําเลยที่ 1 เป็นเลขาธิการถึงปัจจุบัน จําเลยที่ 3 ถึงที่ 12 ประกอบด้วย พล.ต.อ.ดร.วัชรพล ประสารราชกิจ จําเลยที 3 นายปรีชา เลิศกมลมาศ จําเลยที่ 4 พล.ต.อ.สถาพร หลาวทอง จําเลย ที่ 5 นายณรงค์ รัฐอมฤต จําเลยที่ 6 นางสาวสุภา ปิยะจิตติ จําเลยที่ 7 นายวิทยา อาคมพิทักษ์ จําเลยที่ 8 นางสุวณา สุวรรณจูฑะ จําเลยที่ 9 พล.อ.บุณยวัจน์ เครือหงส์ จําเลยที่ 10 นายณัฐจักร ปัทมสิงห์ ณ อยุธยา จําเลยที่ 11 และ นายสุชาติ ตระกูลเกษมสุข จําเลยที่ 12 เป็น คณะกรรมการ ป.ป.ช.
ขณะเกิดเหตุเดือนตลาคม ปี 2562 มีจําเลยที่ 3 ถึงที่ 10 เป็นคณะกรรมการ ป.ป.ช.และหลังจากศาลปกครองสูงสุดมีคําพิพากษาถึงที่สุดในปี 2566 มีจําเลยที่ 3 , ที่ 7 , ที่ 8 , ที่ 9 , ที่ 11 และที่ 12 เป็นคณะกรรมการ ป.ป.ช. โจทก์มีหนังสือถึงจําเลยที่ 3 ถึงที่ 10 ขอให้ไต่สวน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ กรณีจงใจยื่นบัญชี แสดงรายการทรัพย์สินอันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราย โดยไม่แสดงว่า มีนาฬิกาข้อมือมือราคาแพง จํานวนมาก และแหวนประดับดับมีค่าหลายรายการ แต่จําเลยที่ 3 ถึงที่ 10 มีมติไม่รับเรื่องดังกล่าวไว้ไต่สวนข้อเท็จจริง โดยโจทก์ขอข้อมูลข่าวสารของราชการเกี่ยวกับสํานวนการไต่สวนข้อเท็จจริงกรณีดังกล่าว 3 รายการคือ
1 . รายงานการแสวงหาข้อเท็จจริงและรวบรวมพยานหลักฐานเอกสารทั้งหมด
2. ความเห็นของพนักงานเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช. ทุกคนที่รับผิดขอบในเรื่องกล่าวหาดังกล่าว
3. รายงานการประชุมของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ที่เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว
จําเลยที่ 3 ถึงที่ 10 ในฐานะคณะกรรมการ ป.ป.ช. ขณะนั้น พิจารณาแล้วมีมติไม่ให้เปิดเผยรายงานการประชุมบันทึกเสนอรายงานผลการตรวจสอบ และเอกสารประกอบที่เกี่ยวข้อง เนื่องจากเห็นว่า เป็นความเห็น หรือคําแนะนํา ภายในหน่วยงานของรัฐในการดําเนินการเรื่องใดเรื่องหนึ่งอันเป็นข้อมูลข่าวสารตามพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสาวสารของราชการ พ.ศ. 2540 มาตรา 15 วรรค 1 (3) ทั้งยังอยู่ระหว่างการดําเนินการตรวจสอบเรื่องกล่าวหาพล.อ.ประวิตร ว่าเป็นเจ้าพนักงานของรัฐรับทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดอันอาจคํานวณเป็นเงินได้ เรื่องกล่าวหาว่า มีพฤติการณ์ร่ํารวยผิดปกติ ซึ่งซึ่งต้องห้ามไม่ให้เปิดเผยตามมาตรา 36 แห่งพระระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วย การป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 จึงเป็นข้อมูลข่าวสารที่เจ้าหน้าที่ของรัฐอาจมีคําสั่งมีให้เปิดเผยได้ตามพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. 2550 มาตรา 15 (6)
โจทก์อุทธรณ์คําสั่งที่ไม่ให้ให้เปิดเผยข้อมูลข่าวสารต่อคณะกรรมการวินิจฉัยการเปิดเผยข้อมูลข่าวสาวสาร ต่อมาคณะกรรมการวินิจฉัยการเปิดเผยข้อมูลข่าวสาร สาขาสังคม การบริหารราชการแผ่นดินและการบังคับใช้กฎหมายมีคําวินิจฉัยที่ สค.333 /2562 ลงวันที่ 22 สิงหาคม 2562 ให้สํานักงานป.ป.ช.เปิดเผยข้อมูลข่าวสารทั้ง 3 รายการดังกล่าว โจทก์ไปขอรับข้อมูลข่าวสาร แต่จําเลยที่ 3 ถึงที่ 10 มีมติให้ข้อมูลบางรายการ แต่ต้องปกปิด บางส่วน และข้อมูลบางรายการต้องขออนุญาตจากพยานเสียก่อน โจทก์ฟ้องสํานักงาน ป.ป.ช. และคณะกรรมการ ป.ป.ช. ต่อศาลปกครองชั้นต้น ศาลปกครองกลางพิพากษาให้ผู้ถูกฟ้องทั้ง 2 เปิดเผยข้อมูลข่าวสารรายการที่ 1 รายการที่ 2 เฉพาะความเห็นของเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. ที่เสนอประกอบการพิจารณาของจําเลยที่ 3 ถึงที่ 10 และรายการที่ 3 แก่โจทก์ตามคําวินิจฉัยของคณะกรรมการวินิจฉัยการเปิดเผยข้อมูลข่าวสาวสารสาขาสังคม การบริหารราชการแผ่นดินและการบังคับใช้กฎหมาย
ผู้ฟ้องคดีและผู้ถูกฟ้องทั้ง 2 ไม่เห็นด้วยกับคําพิพากษาของศาลปกครองชั้นต้น จึงอุทธรณ์ต่อศาลปกครองสูงสุด ศาลปกครองสูงสุดมีคําพิพากษาให้ผู้ถูกฟ้องทั้งสองเปิดเผย ข้อมูลข่าวสารทั้ง 3 รายการตามคําวินิจฉัยของคณะกรรมการวินิจฉัยการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารสาขาสังคมการบริหารราชการแผ่นดินและการบังคับใช้กฎหมาย แต่จําเลยที่ 1, ที่ 3, ที่ 7, ที่ 8, ที่ 9, ที่ 11 และที่ 12 ไม่ปฏิบัติตามคําพิพากษาของศาลปกครองสูงสุด ระหว่างพิจารณาโจทก์ถอนฟ้องจําเลยที่ 4 ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 1 อนุญาต และจําหน่ายคดีเฉพาะจําเลยที่ 4 ออกจากจากสารบบความ ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 1 ไต่สวนแล้วมีคําสั่งว่า พฤติการณ์ที่จําเลยที่ 3 ถึงที่ 10 พิจารณาหนังสือของโจทก์ที่ขอข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับสํานวนการไต่สวนข้อเท็จจริง กรณีการกล่าวหาพล.อ. ประวิตร จงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินอันอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ 3 รายการ ดังกล่าวแล้วมีมติไม่ให้เปิดเผยเอกสารตามที่โจทก์ขอ
เนื่องจากเห็นว่า เป็นความเห็นหรือคําแนะนําภายในหน่วยงานของรัฐ ในการดําเนินการเรื่องหนึ่งเรื่องใด ตามพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ.2540 มาตรา 15 (3) และยังอยู่ระหว่างการดําเนินการตรวจสอบเรื่องกล่าวหาพล.อ. ประวิตร ว่าเป็นเจ้าพนักงานของรัฐรับทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดอันอาจคํานวณเป็นเงินได้ และเรื่องกล่าวหาว่า มีพฤติการณ์ร่ํารวยผิดปกติ ซึ่งต้องห้ามมิให้เปิดเผย ตามพระบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 36 จึงเป็นข้อมูลข่าวสารที่เจ้าหน้าที่ของรัฐอาจมีคําสั่งมิให้เปิดเผยได้ ตามพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. 2540 มาตรา 15 (6) เป็นกรณีที่จําเลยที่ 3 ถึงที่ 10 ประชุมพิจารณามีความเห็นแล้วลงมติตามที่ พระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ.ศ. 2540 มาตรา 15 วรรคหนึ่ง ( 3) (6) และพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 326 ให้อํานาจจําเลยที่ 3 ถึงที่ 10 ใช้ดุลพินิจพิจารณาและลงมติได้
เมื่อโจทก์ไม่เห็นด้วยกับมติดังกล่าว พระราชบัญญัติชี้มูลข่าวสารของราชการ พ.ศ.2540 มาตรา 18 ให้สิทธิโจทก์ยื่นคําอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการวินิจฉัยการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารได้ ซึ่งโจทก์ยืนอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการดังกล่าว และคณะกรรมการวินิจฉัยการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารสาชาสังคม การ บริหารราชการแผ่นดินและการบังคับใช้กฎหมายมีคําวิมีคาวินิจฉัยที่ สค. 333/2562ลงวันที่ 22 สิงหาคม 2562 ให้สํานักงานคณะกรรมการ ป.ป.ช.เปิดเผยข้อมูลข่าวสารตามที่โจทก์ขอ แต่จําเลยที่ 3 ถึงที่ 10 ในฐานะ คณะกรรมการ ป.ป.ช.มีมติให้ข้อมูลบางรายการ แต่ต้องปิดบางส่วน หรือข้อข้อมูลบางรายการต้องขออนุญาตจาก พยานเสียก่อนแต่มิได้กําหนดวันที่จะให้ข้อมูลข่าวสารแก่โจทก์เมื่อโจทก์ขอให้คณะกรรมการข้อมูลข่าวสารของ ราชการบังคับสํานักงานคณะกรรมการ ป.ป.ช.โดยจําเลยที่ 2 ปฏิบัติตามคําวินิจฉัยของคณะกรรมการข้อมูล ข่าวสารของราชการ ซึ่งผู้อํานวยการสํานักงานคณะกรรมการข้อมูลข่าวสารของราชการมีหนังสือแจ้งโจทก์ว่า สํานักงานคณะกรรมการข้อมูลข่าวสารของราชการมีหนังสือแจ้งให้สํานักงานคณะกรรมการ ป.ป.ช.ปฏิบัติตามคํา วินิจฉัย และหากโจทก์ยังไม่ได้รับข้อมูลข่าวสารครบถ้วนโจทก์สามารถโข้สิทธิฟ้องต่อศาลปกครอง
ต่อมาโจทก์ฟ้อง สํานักงาน ป.ป.ช.และคณะกรรมการ ป.ป.ช. ต่อศาลปกครองแล้ว กระบวนการพิจารณาของจําเลยที่ 3 ถึงที่ 10 ในการประชุม พิจารณา มีความเห็นและลงมตีเกี่ยวกับการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารที่โจทก์ขอ หรือการประชุมพิจารณา มีความเห็นและลงมติเกี่ยวกับการปฏิบัติตามคําพิพากษาหรือคําสั่งของศาลปกครองชั้นต้น ก่อนศาลปกครองสูงสูงสุดมีคําพิพากษาเมื่อวันที่ 21 เมษายน 2566 เป็นวิธีการที่จําเลยที่ 3 ถึงที่ 10 ใช้ดุลพินิจพิจารณามีความเห็นและลงมติเกี่ยวกับวิธีปฏิบัติตามคําวินิจฉัยของคณะกรรมการวินิจฉัยการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารสาชาสังคม การบริหารราชการแผ่นดินและการบังคับใช้กฎหมาย ตามพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ.2540 หรือต้องดําเนินการตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 ซึ่งจําเลยที่ 3 ถึงที่ 10 เห็นว่าเป็นกฎหมายเฉพาะและยังไม่มีข้อยุติในขณะนั้น ทําให้จําเลยที่ 3 และที่ 5 ถึงที่ 10 ใช้ ดุลพินิจพิจารณาไปตามที่พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 บัญญัติไว้ก่อนศาลปกครองสูงสูงสุดจะมีคําวินิจฉัยในประเด็นที่โจทก์และจําเลยที่ 3 ถึงที่ 10 โต้แย้งและมีความเห็นไม่ตรงกันดังกล่าว
ดังนั้น การที่จําเลยที่3 และที่ 5 ถึงที่10 ใช้ดุลพินิจพิจารณาและมีมติเกี่ยวกับคําขอให้เปิดเผยข้อมูลข่าวสารของโจทก์ โดยเห็นว่าต้องปฏิบัติตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 บัญญัติไว้ยังฟังไม่ได้ว่าเป็นการปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริตที่โจทก์ฟ้องจําเลย ที่ 3 และที่ 5 ถึงที่ 10 ว่ากระทําความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ประกอบมาตรา 83 ในช่วง เวลาก่อนศาลปกครองสูงสุดมีคําพิพากษาจึงไม่มีมูล สําหรับจําเลยที่ 2 ในฐานะเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 มาตรา148, 151 กําหนดให้เลขาธิการรับผิดชอบปฏิบัติงานโดยขึ้นตรงต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. และต้องปฏิบัติงานตามมติ คณะกรรมการ ป.ป.ช การดําเนินการใด ๆ เกี่ยวกับเรื่องข้อมูลข่าวสารที่โจทก์ขอ จําเลยที่ 2 ต้องปฏิบัติตามมติของ คณะกรรมการ ป.ป.ช. ข้อเท็จจริงจากการไต่สวนฟังไม่ได้ว่าจําเลยที่ 2 กระทําไปโดยลําพัง แต่ฟังได้ว่าจําเลยที่ 2 ปฏิบัติตามมติของคณะกรรมการ ป.ป.ช.เกี่ยวกับการเปิดเผยหรือไม่เปิดเผยเอกสารที่โจทก์ขอ การกระทําของจําเลยที่ 2 ที่ปฏิบัติตามมติของคณะกรรมการ ป.ป.ช. จึงมีใช่เป็นการปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้ เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใดหรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157
ดังนั้น ที่โจทก์ฟ้องจําเลยที่ 2 ที่ 3 และที่ 5 ถึงที่ 10 ว่ากระทําความผิดในช่วงเวลาก่อนศาลปกครอง สูงสุดมีคําพิพากษาจึงไม่มีมูล แต่หลังจากศาลปกครองสูงสุดมีคําพิพากษาเมื่อวันที่ 21 เมษายน 2566 คําพิพากษา ของศาลปกครองสูงสุดย่อมผูกพันสํานักงานคณะกรรมการ ป.ป.ช และคณะกรรมการ ป.ป.ช. ข้อเท็จจริงจากการ ไต่สวนได้ความว่า จําเลยที่ 1, ที่ 3, ที่ 7, ที่ 8, ที่ 9, ที่ 11 และที่ 12 ยังมิได้ปฏิบัติตามคําพิพากษาของศาล ปกครองสูงสุดที่พิพากษาให้เปิดเผยข้อมูลข่าวสารทั้งสามรายการ ตามคําวินิจฉัยของคณะกรรมการวินิจฉัยการ เปิดเผยข้อมูลข่าวสารสาขาสังคม การบริหารราชการแผ่นดินและการบังคับใช้กฎหมายที่ สค.333/2562 แก่โจทก์ ภายใน 15 วันนับแต่วันที่ศาลปกครองสูงสุดมีพิพากษา โดยจําเลยที่ 1, ที่ 3, ที่ 7, ที่ 8, ที่ 9, ที่ 11 และที่ 12ต้องปฏิบัติหน้าที่ให้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญและกฎหมาย ตามที่รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2560 มาตรา 125 บัญญัติไว้ ได้ความจากมติการประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช.ครั้งที่45/2566 ลงวันที่ 25 เมษายน 2566 ว่าที่ประชุมรับทราบคําพิพากษาศาลปกครองสูงสุด คดีหมายเลขดําที่ อ.798/2564 คดีหมายเลขแดงที่อ.224/2566 แต่จําเลยที่3, ที่ 7, ที่ 8, ที่ 9, ที่ 11 ซึ่งเป็นคณะกรรมการ ป.ป.ช.ฝ่ายเสียงช้างมากมีมตีให้มี หนังสือชี้แจงหรือขอพิจารณาคดีใหม่ต่อศาลปกครองสูงสุด พร้อมกับขอทเลาการบังคับคดีตามคําพิพากษา และมีหนังสือขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2561 ส่วนจําเลยที่ 12 ฝ่ายเสียงข้างน้อยเห็นควรดําเนินการตามคําพิพากษาศาลปกครองสูงสุด
และในการประชุมครั้งที่ 127 /2566ลงวันที่ 4 ธ.ค.2566 จําเลยที่ 3,7,8 ฝ่ายเสียงข้างมากมีมติให้เปิดเผยข้อมูลข่าวสาร แต่ให้ปกปิดข้อมูลส่วนบุคคลหรือข้อมูลที่เป็นรายละเอียดของผู้กล่าวหา ผู้แจ้งเบาะแส และพยาน โดยจําเลยที่ 9 เเละ12 ฝ่ายเสียงข้างน้อยเห็นควรให้เปิดเผยข้อมูลข่าวสารตามคําพิพากษาศาลปกครองสูงสุด
พฤติการณ์การกระทําของจําเลยที่ 3,7,8,11 ที่ลงมติไม่ปฏิบัติตามคําพิพากษา ของศาลปกครองสูงสุดดังกล่าว จึงมีมูลว่าเป็นการปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบด้วยกฎหมายเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใดหรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157ประกอบมาตรา 83 ส่วนจําเลยที่ 9,12 มีความเห็นและลงมติให้ปฏิบัติตามคําพิพากพากษาศาลปกครองสูงสุด การกระทําของจําเลยที่ 9,12จึงไม่มีมูลเป็นความผิดตามฟ้อง
ส่วนจําเลยที่ 1 เป็นเลขาธิการสํานักงาน ปปช.ซึ่ง พรป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตฯมาตรา 148, 151กําหนดให้เลขาธิการรับผิดชอบปฏิบัติงานโดยขึ้นตรงต่อและต้องปฏิบัติงานตามมติคณะกรรมการ ปปช.ซึ่งข้อเท็จจจริงจากการไต่สวนฟังไม่ได้ว่าจําเลยที่ 1 กระทําไปโดยลําพัง แต่ฟังได้ว่า ปฏิบัติตตามมติของคณะกรรมการ ปปช.
การกระทําของจําเลยที่ 1 จึงมิใช่เป็นการปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา157 จึงให้ประทับฟ้องจําเลยที่ 3,7,8,11 ไว้พิจารณา ยกฟ้องจําเลยที่ 1,2,5,6,9,10,12
ศาลนัดพร้อมเพื่อสอบคําให้การและกําหนดวันนัดพิจารณา ในวันที่ 28 ตุลาคม 2568
ข่าว
10 ก.ย. 2568 16:26 3.75K views
ข่าว
10 ก.ย. 2568 15:56 96 views
ข่าว
10 ก.ย. 2568 15:42 158 views
ข่าว
10 ก.ย. 2568 15:36 3.12K views
ข่าว
10 ก.ย. 2568 15:25 135 views
ข่าว
10 ก.ย. 2568 15:25 116 views
ข่าว
10 ก.ย. 2568 15:20 157 views
ข่าว
10 ก.ย. 2568 15:16 753 views
ข่าว
10 ก.ย. 2568 15:14 102 views
ข่าว
10 ก.ย. 2568 15:08 107 views
ข่าว
10 ก.ย. 2568 14:51 84 views
ข่าว
10 ก.ย. 2568 14:45 106 views
ข่าว
10 ก.ย. 2568 14:13 119 views
ข่าว
10 ก.ย. 2568 14:12 93 views
ข่าว
10 ก.ย. 2568 14:05 988 views
ข่าว
10 ก.ย. 2568 12:56 153 views