×
Live หน้าหลัก ทันเหตุการณ์ ทั่วไป คุณภาพชีวิต อาชญากรรม เศรษฐกิจ ต่างประเทศ กีฬา สิ่งแวดล้อม ทหาร การเมือง ภูมิภาค บทความ บันเทิง Life แฟชั่นและความงาม อาหารและสุขภาพ ไอที ท่องเที่ยวและวัฒนธรรม การเงินและการลงทุน โชคชะตาและความเชื่อ กิจกรรม ททบ. กิจกรรม ทบ. แนะนำรายการ หน่วยงานและเอกชน พอดแคสด์ FM94 ศูนย์ข่าววิทยุ ติดต่อเรา

วันเสาร์ที่ 18 ตุลาคม 2568

?>

มูลนิธิแม่ฟ้าหลวงฯ เปิดเวที MFLF Sustainability Forum 2025 เสวนา “วิกฤตโลก ทางออกไทย”

 23 ก.ย. 2568 09:16 | 1205 view

 @pracha

Facebook X Share

มูลนิธิแม่ฟ้าหลวงฯ เปิดเวที MFLF Sustainability Forum 2025 เวทีเสวนาแห่งปีกับธีม “วิกฤตโลก ทางออกไทย”ระดมความคิดนําเสนอทางออกยั่งยืนให้ประเทศไทยท่ามกลางวิกฤตโลก

มูลนิธิแม่ฟ้าหลวงฯ ในพระบรมราชูปถัมภ์ จัดงาน MFLF Sustainability Forum 2025 ภายใต้แนวคิด“วิกฤตโลก ทางออกไทย” (Global Challenges, Local Solutions at Scale) โดยมี ท่านผู้หญิงบุตรีวีระไวทยะ ประธานกรรมการมูลนิธิแม่ฟ้าหลวงฯ เป็นประธานในพิธีเปิด พร้อมด้วยคณะกรรมการมูลนิธิฯหม่อมหลวง ดิศปนัดดา ดิศกุล เลขาธิการและประธานเจ้าหน้าที่บริหารมูลนิธิฯ ตลอดจนผู้แทนจากภาครัฐ ภาคเอกชน และชุมชนเข้าร่วมงานอย่างคับคั่ง ณ ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ กรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 22 กันยายน 2568  เวทีครั้งนี้จัดขึ้นเพื่อเป็นพื้นที่ระดมความคิดและแลกเปลี่ยนองค์ความรู้เชิงปฏิบัติด้านความยั่งยืน โดยชี้ให้เห็น ทั้งความท้าทายและโอกาสของประเทศไทยในการก้าวข้ามวิกฤตสิ่งแวดล้อมและเศรษฐกิจโลก ผ่านการผสานความร่วมมือระหว่างรัฐ เอกชน และชุมชน

งานนี้ได้รับเกียรติจาก ดร.พิรุณ สัยยะสิทธิ์พานิช อธิบดีกรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่าโลกและไทยเผชิญความท้าทายรอบด้าน ทั้งความขัดแย้งทางการเมือง การค้า และกฎระเบียบสากลที่เข้มขึ้น ขณะเดียวกันวิกฤตสิ่งแวดล้อม เช่น การสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพและไฟป่ากว่า 42 ล้านไร่ทั่วโลก กดดันเศรษฐกิจฐานรากของไทย แม้ป่าไม้ในประเทศลดลงช้ากว่าหลายภูมิภาค แต่หากไม่มีมาตรการเชิงรุกจะปรับตัวไม่ทัน รายงาน IPCC ชี้ว่าการดําเนินงานด้านการเงินและการเชื่อมโยงชุมชนยังไม่พอ เน้นย้ําว่าการแก้ปัญหาต้องอาศัยความร่วมมือทุกภาคส่วน ดร. พิรุณ ยกมูลนิธิแม่ฟ้าหลวงให้เห็นเป็นกรณีศึกษาว่า การอนุรักษ์ต้องควบคู่การใช้ประโยชน์และแบ่งปันผลลัพธ์อย่างเป็นธรรม ด้านการค้า มาตรการ CBAM และ EUDR ของสหภาพยุโรปจะกระทบสินค้าส่งออกและรายได้ของประเทศ ส่วนตลาดคาร์บอนในไทยยังอ่อน จําเป็นต้องเชื่อมโยง T-VER กับภาคบังคับ และผลักดันร่าง พ.ร.บ.การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเป้าหมายสําคัญคือสร้างระบบนิเวศที่ยั่งยืน ออกกฎหมายและกองทุนภูมิอากาศเชื่อมตลาดคาร์บอนกับภาคบังคับ และกระจายประโยชน์สู่ประชาชน เพื่อให้ไทยก้าวสู่ net zero ปี 2050 ได้อย่างมั่นคง

หม่อมหลวงดิศปนัดดา ดิศกุล เลขาธิการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร มูลนิธิแม่ฟ้าหลวงฯ กล่าวถึง บทบาทสําคัญของชุมชนและทุกภาคส่วนในการขับเคลื่อนความยั่งยืน โดยชี้ให้เห็นว่าการส่งมอบคาร์บอนเครดิตจากป่าชุมชนในวันนี้เกินกว่าเป้าหมายที่คาดไว้ถึง 4 เท่า สะท้อนผลลัพธ์จากการทํางานหนักและความร่วมมือของชุมชน พร้อมเน้นว่าการอนุรักษ์และการป้องกันจะเกิดผลอย่างแท้จริงก็ต่อเมื่อทุกคนได้รับประโยชน์ร่วมกัน

โดยเน้นย้ําประเด็นสําคัญที่ควรคํานึงถึงในการขับเคลื่อนต่อไปว่า BAU (Business As Usual) ไม่เพียงพอ การทํางานต่อไปต้องลงลึกกว่าการทํางานแบบเดิม และไม่มองเพียงมิติสิ่งแวดล้อม แต่ต้องครอบคลุมถึงความผาสุกโดยรวม รวมถึงเรื่อง well-being ซึ่งมีธรรมชาติอยู่ในนั้นด้วย นอกจากนี้ควรคว้าโอกาสจากปัญหา เราพร้อมหรือยังที่จะลงทุนด้าน nature credits เพื่อตอบโจทย์การพัฒนาที่ยั่งยืน ขณะเดียวกันต้องพิสูจน์ด้วยผลลัพธ์จริง อย่างโครงการคาร์บอนเครดิตจากป่าชุมชนแสดงให้เห็นแล้วว่าความสําเร็จเกิดขึ้นได้จริงเมื่อทุกฝ่ายให้ความสําคัญและร่วมมือกัน รวมถึงต้องมองระยะยาวแบบข้ามรุ่น เพราะความยั่งยืนไม่ใช่เพียง 10–15 ปี แต่ต้องมองไปถึงรุ่นถัดไปที่อาจได้รับผลกระทบ เศรษฐกิจและความยั่งยืนจึงเป็นเรื่องเดียวกัน และต้องหากฎเกณฑ์ใหม่ที่สร้างความเปลี่ยนแปลงได้จริง และป้องกันไม่ให้ธุรกิจเข้าไปครอบงําการพัฒนาที่ควรเป็นของชุมชน โดยภาคการเกษตรคือหัวใจ หากเพิ่มประสิทธิภาพและความสามารถในการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ภาคการเกษตรจะสามารถสร้างและกระจายรายได้ในวงกว้าง เนื่องจาก supply chain ทั้งหมดเกิดขึ้นภายในประเทศเรา และที่สําคัญทุกภาคส่วนต้องคํานึงถึง cost of action และ cost of inaction ว่าการลงมือหรือการเพิกเฉยจะส่งผลต่ออนาคตอย่างไร ต่อจากนั้นเป็นการเสวนาหลัก 3 ช่วง ได้แก่

ช่วงที่ 1 “วิกฤตโลก ทางออกไทย” มีผู้ร่วมแลกเปลี่ยนคือ คุณปิยะชาติ อิศรภักดี ประธานร่วม BRANDi Institute of Systematic Transformation (BiOST) ดร. กรินทร์ บุญเลิศวณิชย์ รองผู้จัดการใหญ่

ธนาคารกสิกรไทย และ ดร. สุภัชญา เตชะชูเชิด ผู้เชี่ยวชาญด้าน Nature based Solutions มูลนิธิแม่ฟ้าหลวงฯ โดยสะท้อนภาพรวมของโลกที่เต็มไปด้วยความไม่แน่นอนด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม จนหลายคนมองว่าการขับเคลื่อนความยั่งยืนขัดกับการเติบโตทางเศรษฐกิจ แต่เนื้อหาในการพูดคุยชี้ให้เห็นว่าความยั่งยืนและการพัฒนาเศรษฐกิจสามารถเดินไปด้วยกันได้ หากเกิดการ “รีบาลานซ์” ระหว่างผลกําไรกับผลกระทบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม ทุกภาคส่วนต้องปรับตัวและมองโอกาสจากการลงทุนสีเขียวเพื่อสร้าง S curve ใหม่ ลดต้นทุนของการไม่ทํา และใช้กลไก Public Private Partnership (PPP) กับระบบนิเวศที่เอื้อให้ภาคธุรกิจและชุมชนมีส่วนร่วม นอกจากนี้ยังเน้นว่าการบริหารจัดการทรัพยากรควรเริ่มจากการกระจายอํานาจสู่ชุมชน คิดเชิงป้องกันมากกว่ารอแก้ไข และเตรียมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในมิติกว้าง ทั้งหมดนี้คือแนวทางที่จะช่วยให้ประเทศไทยก้าวข้ามวิกฤตโลกไปสู่อนาคตที่ยั่งยืนโดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง

ช่วงที่ 2 “กุญแจสู่การอยู่รอดของคนและธรรมชาติ” มีผู้ร่วมเสวนาได้แก่ คุณณกรณ์ ตรรกวิรพัท ผู้อํานวยการองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (อบก.) คุณทวิโรจน์ ทรงกําพล ประธานเจ้าหน้าที่สายกลยุทธ์องค์กร บริษัทการบินไทย จํากัด (มหาชน) คุณนิรันดร์ นิรันดร์นุต Country Project Manager, UNDP BIOFIN และคุณสมิทธิ หาเรือนพืชน์ หัวหน้าสายงาน Nature based Solutions มูลนิธิแม่ฟ้าหลวงฯ ผู้เสวนาย้ําถึงบทบาทสําคัญของภาคป่าไม้ต่อเป้าหมาย Net Zero ของประเทศ รวมถึงความจําเป็นของคาร์บอนเครดิตคุณภาพสูงและเครื่องมือทางการเงินเพื่อความยั่งยืนในฐานะตัวเชื่อมมนุษย์ คาร์บอน และสิ่งแวดล้อม จึงต้องเร่งรักษาและขยายพื้นที่สีเขียวที่ไม่ใช่เพียงเป็นป่าไม้ แต่เป็นพื้นที่เขียวที่มีระบบนิเวศน์สมบูรณ์ โดยเฉพาะป่าชุมชนที่สอดคล้องกับ SDGs และเป้าหมาย Net Zero ในขณะเดียวกัน การลงทุนนวัตกรรมทางการเงิน เช่น blended finance และการกําหนดตัวชี้วัดที่ชัดเจน จะเปิดโอกาสสร้างผลลัพธ์หลายด้าน ทั้งลดก๊าซเรือนกระจก รักษาความหลากหลายทางชีวภาพ และยกระดับชีวิตชุมชน พร้อมส่งเสริมให้ธุรกิจผนวกประเด็นสังคมและสิ่งแวดล้อมเข้ากับกลยุทธ์สร้างมูลค่า โครงการป่าชุมชนจึงถูกยกเป็นตัวอย่างความสําเร็จของคาร์บอนเครดิตที่มีมาตรฐานสูงและการมีส่วนร่วมของชุมชน และยังเป็นสะพานไปสู่นวัตกรรมการเงินใหม่ๆเช่น biodiversity credit และ nature credit ที่กระจายโอกาสการพัฒนาไปยังพื้นที่ชนบท ทําให้การลงทุนด้านความยั่งยืนกลายเป็นทั้งโอกาสทางธุรกิจ และกุญแจสู่การอยู่รอดของทั้งคนและธรรมชาติก็คือการรักษา และเพิ่มปริมาณความหลากหลายทางชีวภาพที่โลกกําลังสูญเสียไปอย่างมากให้กลับคืนมาเพื่อความอยู่รอดของคนรุ่นต่อๆไป เพราะถ้าคนไม่รอด ป่าไม่รอด ธุรกิจก็ไม่รอด

ช่วงที่ 3 “เสวนาพิเศษ” โดยมี คุณวิชัย เป็งเรือน ผู้ใหญ่บ้านต้นผึ้งและประธานเครือข่ายป่าชุมชน จังหวัดเชียงใหม่ คุณทอน ใจดี ประธานเครือข่ายป่าชุมชนจังหวัดพะเยา และตัวแทนภาคธุรกิจ ไพบูล ตันกูล ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ หุ้นส่วนและกรรมการบริษัท PwC Thailand ถ่ายทอดประสบการณ์ตรงของชุมชนที่ร่วมโครงการป่าชุมชน โดยย้ําว่าการดูแลป่าอย่างเป็นระบบช่วยให้คนกับธรรมชาติเกื้อกูลกันในทุกมิติ ชุมชนทั้งที่แม่โป่งและบ้านปี้มีคณะกรรมการและชาวบ้านทุกช่วงวัยร่วมกันวางกฎระเบียบ ใช้ประโยชน์และดูแลป่าอย่างยั่งยืน จัดการแหล่งน้ําและเชื้อเพลิง ลดไฟป่า และต่อยอดเป็นอาชีพเสริม เช่น ทําจานใบไม้ ไม้กวาด น้ําผึ้ง และการท่องเที่ยวชุมชนจนเกิดกองทุนและเครือข่ายปลอดการเผา พร้อมทั้งเปิดพื้นที่เป็นแหล่งศึกษาและถ่ายทอดความรู้ให้ชุมชนอื่นด้านภาคเอกชนมองว่าโครงการนี้ตอบโจทย์ทั้งเป้าหมายลดก๊าซเรือนกระจกของประเทศและการลงทุนด้านความยั่งยืน จึงเข้ามาสนับสนุนและให้คําปรึกษาด้านการตรวจติดตามการเงิน เพื่อเสริมสร้างคาร์บอนเครดิตคุณภาพสูงที่สะท้อนประโยชน์ทางเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมอย่างแท้จริง

อีกวาระสําคัญภายในงาน คือพิธีส่งมอบคาร์บอนเครดิตจํานวน 43,123 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า (tCO2e) ซึ่งถือเป็นปริมาณคาร์บอนเครดิตจากโครงการอนุรักษ์และฟื้นฟูป่าที่มากที่สุดที่เคยมีการส่งมอบในประเทศไทย จากโครงการ “คุณดูแลป่า เราดูแลคุณ: การจัดการคาร์บอนเครดิตในป่าเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน” ที่ดําเนินมาตั้งแต่ปี 2564 ครอบคลุม 12 โครงการใน 4 จังหวัดภาคเหนือ ได้แก่ เชียงราย เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน และพะเยา โดยส่งมอบให้แก่ 7 องค์กรเอกชน ความสําเร็จนี้อาศัยความร่วมมือจาก 14 หน่วยงานและเครือข่ายป่าชุมชน และตั้งอยู่บนรากฐาน “ปลูกป่า ปลูกคน” ที่มูลนิธิฯ สานต่อร่วมกับกรมป่าไม้ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และภาคเอกชนกว่า 30 ราย ฟื้นฟูป่าชุมชนแล้วกว่า 250,000 ไร่ตลอด 5 ปีที่ผ่านมา เพื่อให้เกิดการพัฒนาที่ยั่งยืนทางเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรมพร้อมส่งเสริมศักยภาพชุมชนในการรักษาป่าและเพิ่มการกักเก็บคาร์บอนในพื้นที่ควบคู่กับการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชน การฟื้นฟูและอนุรักษ์ป่า ตลอดจนการรักษาความหลากหลายทางชีวภาพ

การจัด

งาน MFLF Sustainability Forum 2025 ครั้งนี้จึงไม่เพียงเป็นเวทีแห่งปีในการระดมความคิดและ ความร่วมมือ และร่วมหาทางออกด้านความยั่งยืน แต่ยังสะท้อนพันธกิจระยะยาวของมูลนิธิแม่ฟ้าหลวงฯ ที่จะยืนหยัดเป็นผู้นําในการขับเคลื่อนการเปลี่ยนผ่านของประเทศไทยสู่เศรษฐกิจที่แข่งขันได้บนฐานความยั่งยืน โดยมีทั้งเวทีนี้และกิจกรรมอื่นๆ เป็นกลไกสําคัญที่จะผลักดันให้ “ความยั่งยืน” กลายเป็นพลังขับเคลื่อนจริงในระดับบุคคล องค์กร และประเทศ

…………..

ข้อมูลเพิ่มเติม

รายชื่อ 7 องค์กรที่รับมอบคาร์บอนเครดิต

1.บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จํากัด (มหาชน)

2. สํานักงานคณะกรรมการกํากับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์

3. ธนาคารไทยพาณิชย์ จํากัด (มหาชน)

4. บริษัท คิวทีซี เอนเนอร์ยี่ จํากัด (มหาชน)

5. บริษัท ทีเอ็มที สตีล จํากัด (มหาชน)

6. บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จํากัด (มหาชน)

7. PwC ประเทศไทย

รายชื่อ 14 หน่วยงานส่งมอบ

1. มูลนิธิแม่ฟ้าหลวงฯ

2. กรมป่าไม้

3. คณะกรรมการจัดการป่าชุมชนบ้านปี้ ตําบลเวียง อําเภอเชียงคํา จังหวัดพะเยา

4. คณะกรรมการจัดการป่าชุมชนบ้านภูเขาแก้ว ตําบลเชียงเคี่ยน อําเภอเทิง จังหวัดเชียงราย

5. คณะกรรมการจัดการป่าชุมชนบ้านร่องบอน ตําบลม่วงคํา อําเภอพาน จังหวัดเชียงราย

6. คณะกรรมการจัดการป่าชุมชนบ้านป่าซางดอยแก้ว ตําบลป่าซาง อําเภอเวียงเชียงรุ้ง จังหวัดเชียงราย

7. คณะกรรมการจัดการป่าชุมชนบ้านตลาดขี้เหล็ก ตําบลแม่โป่ง อําเภอดอยสะเก็ด จังหวัดเชียงใหม่

8. คณะกรรมการจัดการป่าชุมชนบ้านต้นผึ้ง ตําบลแม่โป่ง อําเภอดอยสะเก็ด จังหวัดเชียงใหม่

9. คณะกรรมการจัดการป่าชุมชนบ้านแม่ฮ่องไคร้ ตําบลแม่โป่ง อําเภอดอยสะเก็ด จังหวัดเชียงใหม่

10. คณะกรรมการจัดการป่าชุมชนบ้านป่าไผ่ ตําบลแม่โป่ง อําเภอดอยสะเก็ด จังหวัดเชียงใหม่

11. คณะกรรมการจัดการป่าชุมชนบ้านห้วยอ่าง ตําบลแม่โป่ง อําเภอดอยสะเก็ด จังหวัดเชียงใหม่

12. คณะกรรมการจัดการป่าชุมชนบ้านป่าไม้แดง ป่าไม้แดง ตําบลแม่โป่ง อําเภอดอยสะเก็ด จังหวัดเชียงใหม่

13. คณะกรรมการจัดการป่าชุมชนบ้านห้วยบ่อทอง ตําบลแม่โป่ง อําเภอดอยสะเก็ด จังหวัดเชียงใหม่

14. คณะกรรมการจัดการป่าชุมชนบ้านต่อแพ ตําบลแม่เงา อําเภอขุนยวม จังหวัดแม่ฮ่องสอน

เป็นเพื่อนกับบัญชีทางการ LINE ของเราเพื่อรับข่าวสารล่าสุดและอีกมากมาย!

เพิ่มเพื่อน

ทันเหตุการณ์

ข่าว

เตือนนักลงทุน! ราคาทองผันผวนหนัก–ร่วง 1,200 บาท

18 ต.ค. 2568 19:08 107 views

ข่าว

ผบ.ตร.สั่งเร่งสืบคดีคุกคามออนไลน์ “ส.ว.อังคณา”

18 ต.ค. 2568 18:48 67 views

ข่าว

ชายแดนสระแก้วปกติ เดินหน้าประสานกัมพูชาตามข้อตกลง 3 ข้อ

18 ต.ค. 2568 18:36 75 views

ข่าว

ไทยย้ําจุดยืนผ่าน GBC 4 ข้อ ทบ.ชี้หากเพิกเฉย กัมพูชาเสียเปรียบเอง

18 ต.ค. 2568 16:38 89 views

ข่าว

คืบหน้าสามเสนทรุด! ถมทราย-ลงหินคลุกเพิ่ม คาด 2 วันแล้วเสร็จ

18 ต.ค. 2568 16:34 76 views

ข่าว

ทบ.ชี้ชัด! พื้นที่ชายแดนสระแก้วอยู่ในเขตไทย ไม่ต้องใช้กลไก JBC

18 ต.ค. 2568 16:24 81 views

ข่าว

ใจผมไม่เคยไปไหน! 'อภิสิทธิ์' เปิดใจ หลังผงาดนั่ง 'หน.ปชป.'

18 ต.ค. 2568 13:36 83 views

ข่าว

'อภิสิทธิ์' นั่งหัวหน้าพรรค ปชป.คนใหม่ ไร้คู่แข่ง-คะแนนท่วมท้น

18 ต.ค. 2568 12:06 133 views

ข่าว

’ชัยชนะ‘ เฟิร์มหนุน ’อภิสิทธิ์‘ คัมแบ็คนั่งหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ไร้ปัญหาร่วมงานผู้บริหารพรรคชุดใหม่

18 ต.ค. 2568 12:01 160 views

ข่าว

นักสิทธิฯ ถูกขู่เอาชีวิต! “อังคณา–สุณัย” เข้าร้องขอความคุ้มครอง

18 ต.ค. 2568 11:55 138 views

ข่าว

รมช.กห. นําทีม รมว.พาณิชย์ ตรวจเยี่ยมชายแดนไทย-กัมพูชา

18 ต.ค. 2568 11:51 156 views

ข่าว

อาหารไทยยืนหนึ่ง! คว้าแชมป์ ประเทศที่มีอาหารดีที่สุดในโลก 2025

18 ต.ค. 2568 11:48 162 views

ข่าว

บุกผับดังราชปรารภ รวบแก๊งไนจีเรียค้ายา–ปาร์ตี้โคเคน

18 ต.ค. 2568 11:45 140 views

ข่าว

สู้รบฝั่งเมียนมา กองทัพคุมเข้มพื้นที่แม่สอด–พบพระ

18 ต.ค. 2568 11:41 119 views

ข่าว

พายุ “เฟิงเฉิน” จ่อเข้าใกล้จีน–ไทยยังมีฝนต่อเนื่อง

18 ต.ค. 2568 11:39 200 views

ข่าว

“ชวน หลีกภัย” มั่นใจ “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” กลับมาช่วยฟื้นศรัทธาพรรคประชาธิปัตย์

18 ต.ค. 2568 11:29 123 views