วันอังคารที่ 30 กันยายน 2568
29 ก.ย. 2568 13:38 | 135 view
@pracha
‘ณัฐพงษ์’ ย้ําใช้เสียง ‘พรรคประชาชน’ หนุน ‘อนุทิน’ เป็นนายกฯ เพื่อมุ่งหวังเปิดประตูแก้รัฐธรรมนูญ ไร้การรัฐประหาร นับหนึ่งหน้าที่ฝ่ายค้าน ไม่อนุญาตให้รัฐบาลใช้อํานาจมิชอบ-แทรกแซงกระบวนการยุติธรรม
29 ก.ย. 2568 – ที่รัฐสภา ในการประชุมร่วมกันของรัฐสภา ครั้งที่ 1 (สมัยสามัญประจําปีครั้งที่ 1 ) เป็นพิเศษ มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประะานรัฐสภา ทําหน้าที่เป็นประธานการประชุม เพื่อให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) แถลงนโยบายต่อรัฐสภา ตามาตรา 162 ของรัฐธรรมนูญ
ภายหลังนายกรัฐมนตรีแถลงนโยบายเสร็จสิ้น จากนั้นเวลา 10.02 น. นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะผู้นําฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร อภิปรายว่า วันนี้นอกจากจะเป็นหมุดหมายแรก ที่รัฐบาลได้เข้าทําหน้าที่ภายใต้กรอบระยะเวลา 4 เดือนอย่างเป็นทางการแล้ว ยังถือว่าเป็นหมุดหมายแรกของตนและพรรคประชาชนในการทําหน้าที่ฝ่ายค้าน เพื่อนับถอยหลังสู่การยุบสภาและมุ่งหน้าสู่การทําประชามติ การจัดทํารัฐธรรมนูญฉบับใหม่ โดยความสําคัญของการจัดทํารัฐธรรมนูญฉบับใหม่
ขอให้ทุกคนระลึกถึงวันที่ท่านมีสิทธิ์เข้าคูหาในการเลือกตั้งครั้งแรกในชีวิต ซึ่งสิ่งที่ตนจําความได้คือ 19 ปี นับตั้งแต่ปฏิวัติปี 49 ที่ทําให้ชีวิตของตนต้องผ่านการปฏิวัติรัฐประหารเพิ่มขึ้นอีก 2 ครั้ง นายกฯ ที่มาจากการเลือกตั้งต้องถูกปลดออกจากตําแหน่งไปถึง 5 คน พรรคการเมืองที่สําคัญถูกยุบไปอีก 7 พรรค และการเลือกตั้งก็ต้องถูกล้มไป 2 ครั้ง และในช่วงระยะเวลา 2 ปี ที่ผ่านมา พวกเราต้องเปลี่ยนนายกฯ 3 คน และคนไทยทั่วประเทศผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งในยุคนี้ ไม่เคยคนรุ่นไหนที่เดินเข้าคูหาเลือกตั้งแล้วประเทศไทยไม่เคยมีการปฏิวัติรัฐประหาร และไม่เคยมีคนไทยสักรุ่นที่เกิดและเติบโตในประเทศไทยที่อยู่ในการเมืองประชาธิปไตยเต็มใบที่มีเสถียรภาพ และประเทศไทยที่ผ่านมาไม่เคยมีที่ดอกผลของการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมที่เราเติบโตแบบก้าวกระโดดเกิดจากแรงถีบและแรงส่งของรัฐบาลและการเมืองภายในประเทศที่มีประชาธิปไตย และลมที่กําลังเปลี่ยนทิศในการเมืองโลกวันนี้ ไม่ได้กําลังเข้าข้างประเทศไทยอีกต่อไป
นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า การเมืองแบบที่เป็นอยู่ ที่เราต้องมาแถลงนโยบาย 3 ครั้ง ในรอบ 2 ปี เนื่องจากกลไกของศาลรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระถูกนํามาใช้ทําลายล้างกันทางการเมือง มากกว่าการจับคนโกงลงโทษคนผิด ปัญหาความทุจริตในประเทศไม่เคยเบาบางลง มีแต่หนักขึ้นทุกวัน ตราบใดที่เรายังอยู่ในระบบการเมืองแบบนี้ มีใครในประเทศนี้ที่จะต้องเจ็บปวดบ้าง ทั้งพี่น้องชาวเกษตรกรหรือคนไทยทุกคน รวมถึงปัญหาน้ําท่วม ไฟป่า ก็ยังไม่เคยมีรัฐบาลยุคใด ที่เข้ามาบริหารจัดการได้อย่างมีประสิทธิภาพและเป็นระบบ และประชาชนต่างจังหวัด ที่เคยอยู่กับคําขวัญที่ว่า น้ําไหล ไฟสว่าง ทางดี มีงานทํา เป็นคําขวัญที่อยู่ในแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 1 ปี 2504 ลองหันไปดูหลายพื้นที่ตอนนี้ น้ําไม่ไหล ไฟไม่สว่าง ทางไม่สะดวก จะไปโรงพยาบาลก็ต้องตื่นตี 5 ไปต่อคิว และระบบการศึกษาไทยในปัจจุบันไม่ได้สร้างทักษะที่จําเป็นเพื่อเตรียมตัวให้เขาแข่งขันกับระดับโลกได้ หลายคนต้องหลุดจากระบบการศึกษาไปทั้งที่พวกเขาคืออนาคตของประเทศนี้
โดยผู้ประกอบการที่ต้องต่อสู้กับเศรษฐกิจที่ฝืดเคือง โดยเศรษฐกิจไทยเดินช้ากว่าเศรษฐกิจโลกและประเทศเพื่อนบ้าน อย่างประเทศเวียดนาม ซึ่งตั้งแต่ปี 49 โลกเติบโตเติบเฉลี่ย 3 เปอร์เซ็นต์ต่อปี แม้จะเจอกับวิกฤต โลกก็ยังฟื้นตัวกลับมาได้เร็วแต่ประเทศไทยไม่เคยฟื้นตัวกลับมายืนบนเส้นเดียวกับโลกได้เลย ตัวเลขกําลังสะท้อนว่าโครงสร้างในเศรษฐกิจไทยกําลังอ่อนแอ อุตสาหกรรมของประเทศไทยกําลังล้าหลัง ไม่สามารถฟื้นตัวได้เร็วเหมือนประเทศอื่น และไม่ใช่เหตุบังเอิญ แต่เป็นวงจรที่เกิดซ้ําแล้วซ้ําเล่า แสดงให้เห็นว่าหากปราศจากปัจจัยเชิงบวกที่ไทยได้รับอานิสงส์จากการเมืองโลกภายนอก เราแทบไม่เติบโตอย่างก้าวกระโดดด้วยลําแข้งของเราเอง และในวันที่โลกมีแต่ปัจจัยเชิงลบซัดเข้าหาประเทศไทย เราก็ดูดซับแรงกระแทกเหล่านั้นเข้ามาเต็มๆ ทั้งโควิด สงครามการค้า หรือปัญหาทุนเทา รวมถึงดัชนีการคอรัปชั่นของไทยยังคงตกอย่างต่อเนื่อง ทั้งที่พวกเรามีองค์กรอิสระคอยตรวจสอบมากมาย แต่ดัชนีของเรายังคงตกลงอย่างต่อเนื่อง นั่นเพราะกลไกการตรวจสอบที่มีกําลังถูกใช้เป็นเครื่องมือทางการเมืองมากกว่าการปกป้องเงินภาษีของประชาชน รัฐธรรมนูญและระบบการเมืองแบบนี้หรือที่จะพาประเทศไทยพุ่งทะยานไปข้างหน้าได้ ในขณะที่เศรษฐกิจโลกกําลังวิ่งไปข้างหน้าด้วยความเร็ว แต่เศรษฐกิจไทยกลับวิ่งช้าตามไม่ทันเหมือนติดหล่มอยู่กับที่ เพราะระบบการเมืองภายในประเทศกําลังฉุดรั้งเอาไว้อยู่
ผู้นําฝ่ายค้านฯ อภิปรายว่า ถึงเวลาที่ต้องยกเครื่องให้เดินหน้าอย่างเต็มกําลัง ถ้าพวกเรามีการจัดทํารัฐธรรมนูญฉบับใหม่ และต้องให้ความสําคัญต่อการยึดโยงกับประชาชนมากที่สุด เพราะเราต้องการรัฐบาลที่มีความโปร่งใส มีประสิทธิภาพและมีความชอบธรรมยึดโยงกับพ่อแม่พี่น้องประชาชน บรรดาคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถูกแต่งตั้งมาจากผู้ที่มีความรู้ความสามารถ ไม่ได้มาจากเพียงแค่การจัดสรรโควตา หรือการต่อรองแบ่งผลประโยชน์กันทางการเมือง เราต้องการรัฐบาลที่มีความชอบธรรมสะท้อนเจตจํานงของประชาชน กล้าที่จะปฏิรูปเชิงโครงสร้างเพื่อกําหนด อนาคตของประเทศ วางยุทธศาสตร์ชาติที่ปรับเปลี่ยนได้ตามโลกที่เปลี่ยนแปลงไป ไม่ได้ติดล็อกกับยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นคนเขียนมา
เราต้องการรัฐบาลที่มีประสิทธิภาพเลือกลงทุนในอุตสาหกรรมแห่งอนาคตที่ถูกจุดมากกว่าการสร้างตึก ตัดถนน และขุดคลอง เราต้องการรัฐบาลที่เข้ามายกระดับรายได้ของประชาชน เราต้องการระบบการถ่วงดุลตรวจสอบที่เป็นอิสระยึดโยงกับประชาชน เป็นระบบที่ไม่ได้ผลัดกันเกาหลัง และไม่ถูกนํามาใช้เป็นอาวุธทางการเมือง ประเทศไทยจําเป็นที่จะต้องจัดทํารัฐธรรมนูญฉบับใหม่เพื่อทําให้สามารถพุ่งทะยานไปข้างหน้าได้อย่างเต็มกําลัง นี่เป็นเหตุผลที่พรรคประชาชน เรามุ่งมั่นเป็นอย่างยิ่งที่จะเปิดประตูสู่การจัดทํารัฐธรรมนูญฉบับใหม่ และยอมโหวตให้นายอนุทิน เป็นนายกฯ ด้วยข้อตกลงที่ปรากฏใน MOA และการทําหน้าที่ของพวกเรา 4 เดือนต่อจากนี้ ทั้งตน นายกฯ และเพื่อนสมาชิกในวันนี้จะเป็นสิ่งที่ประชาชนใช้ตัดสินพวกเราในวันหน้า
สําหรับสิ่งที่พรรคประชาชนจะทําหน้าที่ในช่วง 4 เดือน ต่อจากนี้ในสภาวะรัฐบาลเสียงข้างน้อย หรือฝ่ายค้านเสียงข้างมากคือ 1.การเปิดประตูสู่การจัดทํารัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ภายใน 4 เดือนนี้เราต้องผลักดันการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญหมวด 15/1 ให้แล้วเสร็จก่อนการยุบสภา โดยที่ของผู้ยกร่างรัฐธรรมนูญจะต้องจะต้องมีความยึดโยงกับประชาชนมากที่สุดเท่าที่จะทําได้ภายใต้กรอบคําวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ 2.เราสามารถผลักดันกฎหมายที่เป็นประโยชน์กับประชาชนได้มากที่สุดภายในช่วงเวลาไม่ถึง 1 เดือน สภาฯ สามารถผ่านกฎหมายในวาระ 1 และ 3 ได้ถึง 11 ชุด ครอบคลุมทั้งด้านการเมือง สังคม ไม่ว่าจะเป็นกฎหมายกระจายอํานาจ หรือการแข่งขันทางการค้า เป็นต้น 3.แก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า รวมถึงปัญหาที่ตกค้างจากรัฐบาลก่อน และ 4.พรรคประชาชน และพรรคร่วมฝ่ายค้าน จะทําหน้าที่ตรวจสอบรัฐบาลอย่างเต็มที่ เพราะพรรคประชาชนไม่ได้โหวตให้อนุทินเพื่อให้รัฐบาลใหม่ใช้อํานาจโดยมิชอบ หรือแต่งตั้งบุคคลที่ไม่เหมาะสมเป็นรัฐมนตรี หรือเพื่ออนุญาตให้รัฐบาลเข้าไปแทรกแซงการดําเนินคดี ทั้งการฮั้ว สว. หรือเขากระโดง และการตรวจสอบคดีทุจริตของรัฐบาลที่ผ่านมา
นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า ตนเองและพรรคประชาชนใช้เสียงของพวกเรา เพื่อให้ 4 เดือนนี้เป็นโอกาสสําคัญในการเปิดประตูสู่อนาคตใหม่ของประเทศ เพื่อให้ลูกหลานของเราเป็นลูกหลานไทยรุ่นแรกที่เข้าคูหาเลือกตั้ง โดยตลอดชีวิตของพวกเขาตั้งแต่เกิดจนมีสิทธิเลือกตั้ง เป็นการเมืองที่เป็นประชาธิปไตย ปราศจากการปฏิวัติรัฐประหาร ประเทศไทยจะได้พุ่งทะยานไปอย่างต่อเนื่อง
“สิ่งที่พวกเราอยากเห็นจากนายกรัฐมนตรี ไม่ใช่แค่ท่านเคารพต่อข้อตกลงกับพรรคประชาชน แต่อยากเห็นท่านเคารพต่อกระบวนการยุติธรรม และเคารพต่อพ่อแม่พี่น้องประชาชน ที่เป็นเจ้าของประเทศ และเป็นผู้ทรงอํานาจสูงสุดของประเทศนี้” ผู้นําฝ่ายค้านฯ ระบุ.
ข่าว
29 ก.ย. 2568 15:51 392 views
ข่าว
29 ก.ย. 2568 15:18 114 views
ข่าว
29 ก.ย. 2568 15:17 102 views
ข่าว
29 ก.ย. 2568 14:19 265 views
ข่าว
29 ก.ย. 2568 14:10 168 views
ข่าว
29 ก.ย. 2568 14:03 132 views
ข่าว
29 ก.ย. 2568 13:46 137 views
ข่าว
29 ก.ย. 2568 13:38 136 views
ข่าว
29 ก.ย. 2568 13:13 102 views
ข่าว
29 ก.ย. 2568 12:28 159 views
ข่าว
29 ก.ย. 2568 10:16 200 views
ข่าว
29 ก.ย. 2568 10:09 158 views
ข่าว
29 ก.ย. 2568 09:53 234 views
ข่าว
29 ก.ย. 2568 09:42 128 views
ข่าว
29 ก.ย. 2568 09:40 229 views
ข่าว
29 ก.ย. 2568 09:25 141 views