วันศุกร์ที่ 31 ตุลาคม 2568
30 ก.ย. 2568 15:41 | 745 view
@pracha
ขุนคลัง โชว์ 5 เสาหลักกลางสภา ดัน ‘Quick Win’ กู้ศก.ติดหล่ม ดึงจีดีพีQ4 โตเกิน 0.3% ลุยตั้ง AMC กดหนี้ครัวเรือนต่ํากว่า 87%
30 กันยายน 2568 นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ชี้แจงว่า คณะรัฐมนตรี (ครม.) เศรษฐกิจ ภายใต้การนําของนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ได้มีการประชุมวางแผนนโยบายเพื่อแก้ไขสถานการณ์ทางเศรษฐกิจที่อยู่ในภาวะวิกฤต โดยมีการเปรียบเทียบเศรษฐกิจไทยเหมือนกับรถยนต์ ที่กําลังวิ่งลงเหว หรือกําลังใกล้จะติดหล่ม หากไม่มีการดําเนินการใดๆ สถานการณ์อาจรุนแรงถึงขั้นดิ่งเหว ทั้งนี้ จากการคาดการณ์ของ 3 หน่วยงานเศรษฐกิจภาครัฐ ตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) สําหรับไตรมาสที่ 3 คาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 1.7% และจะลดลงเหลือเพียง 0.3% ในไตรมาสที่ 4 ซึ่งบ่งชี้ว่าใกล้จะติดลบมาก ดังนั้นรัฐบาลชุดนี้มีเป้าหมายที่ชัดเจน คือการทําให้จีดีพีไตรมาส 4 ดีกว่าที่คาดการณ์ 0.3% ลดหนี้ครัวเรือนลงจาก 87.4% ให้อยู่ต่ํากว่า 87% และเพิ่มสภาพคล่อง รวมถึงเม็ดเงินลงทุนจริงจากสํานักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) ซึ่งการดําเนินงานทั้งหมดนี้ จะช่วยให้รถยนต์เศรษฐกิจไทยฟื้นจากหล่มได้ในระยะสั้น และเพิ่มขีดความสามารถในระยะยาว
นายเอกนิติ กล่าวต่อว่า รัฐบาลได้สรุปแนวทางแก้ไขปัญหาโดยใช้หลักคิดกระตุ้นสั้น ได้ยาว กระจายตัว โดยมีกรอบเวลา 4 เดือน เพื่อเพิ่มศักยภาพทางเศรษฐกิจในระยะยาวและกระจายประโยชน์ไปยังทุกพื้นที่ รวมถึงดูแลผู้ประกอบการรายย่อย และปากท้องประชาชน นโยบายนี้เรียกว่า Quick Win ซึ่งต้องทํา สั้น (Quick) ใหญ่ (Big) พอที่จะดันเศรษฐกิจ และให้ประชาชนได้รับประโยชน์ (Win) โดยการแก้ไขปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจแบ่งออกเป็น 5 เสาหลัก ได้แก่
เสาหลักที่ 1 การกระตุ้นเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว คนละครึ่งพลัส นโยบายนี้ใช้หลักการกระตุ้นสั้น ได้ยาว และกระจายตัว เพื่อช่วยลดภาระค่าครองชีพ ซึ่งในสัปดาห์หน้าหน้าจะเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) ให้ประชาชนสามารถใช้จ่ายได้ 200 บาทต่อวัน ซึ่งจะใช้ทันตุลาคมนี้แน่นอน และโครงการนี้จะเน้นให้ความช่วยเหลือแก่พ่อค้าแม่ค้ารายเล็ก รายย่อย หาบเร่ แผงลอย และแท็กซี่ เพื่อให้เกิดการกระจายตัว นอกจากนี้ ในคําว่าพลัส เพื่อผลยาว โดยผู้เสียภาษีที่อยู่ในระบบจะได้รับเงิน 2,400 บาท เพื่อจูงใจให้ประชาชนเข้าระบบภาษี หวังว่าระยะต่อไป ประชาชนจะเข้าระบบมากขึ้น ขณะเดียวกัน จะมีการเพิ่มทักษะ (Skill) ให้แก่พ่อค้าแม่ค้าในการขายของออนไลน์ (E-commerce) รวมถึงการทําบัญชีดิจิทัล ซึ่งจะเชื่อมโยงกับการพิจารณาปล่อยสินเชื่อจากธนาคาร ทั้งนี้ ในการเดินหน้าโครงการดังกล่าว รัฐบาลให้ความสําคัญกับวินัยการคลัง ซึ่งไม่ได้มีการใช้เม็ดเงินใหม่ แต่ใช้กรอบงบประมาณเดิมที่ได้รับอนุมัติจากรัฐบาลชุดที่แล้ว งบกระตุ้น 25,000 ล้านบาท และงบกลาง 19,000 ล้านบาท รวม 44,000 ล้านบาท โดยไม่ได้มีการกู้เพิ่ม ขณะที่ในภาคการท่องเที่ยวจะกระตุ้นการท่องเที่ยวเมืองรอง โดยให้สิทธิหักลดหย่อนภาษีได้ 2 เท่า สําหรับการพัฒนาปรับปรุงโรงแรมในเมืองรอง ซึ่งนโยบายนี้สูญเสียรายได้ภาษีเพียง 300 ล้านบาท
นายเอกนิติ กล่าวด้วยว่า เสาหลักที่ 2 การแก้ไขหนี้ภาคประชาชน การบริหารหนี้เสีย (NPL) จะนําเงินในกองทุนฟื้นฟู ซึ่งมาจากธนาคารพาณิชย์ส่งเงินสมทบเข้ากองทุน โดยมีวงเงินเหลือออยู่ประมาณ 26,000 ล้านบาท มาตั้งบริษัทบริหารสินทรัพย์ (AMC) ร่วมกับธนาคารพาณิชย์ เพื่อซื้อหนี้ NPL ของประชาชนออกมาปรับโครงสร้าง ซึ่งการปรับโครงสร้างหนี้จะเป็นการยืดหนี้ ลดดอกเบี้ย และลดภาระการผ่อนต่อเดือนลง เช่น เหลือ 500 บาทเพื่อให้ประชาชนมีสภาพคล่องที่ดีขึ้น และจะมีสินเชื่อเพื่อคนตัวเล็กตัวน้อย ผ่านอารีย์สกอร์ ให้เข้าถึงสินเชื่อในระบบ ไม่ต้องพึ่งพานอกระบบ

ส่วนเสาหลักที่ 3 การดูแลผู้ประกอบการเอสเอ็มอี และสภาพคล่อง จะใช้บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) เข้ามาค้ําประกันสินเชื่อ โดยเตรียมวงเงินไว้ขั้นต่ํา 50,000 ล้านบาท และมีห่วงโซ่อุปทาน Supply Chain Financing ส่งเสริมโครงการพี่ช่วยน้อง โดยให้รายใหญ่ช่วยรายย่อยในห่วงโซ่อุปทาน และสามารถนําค่าใช้จ่ายมาหักลดหย่อนภาษีได้ นอกจากนี้ ธนาคารจะให้การสนับสนุนทางการเงินแก่เอสเอ็มอี ที่มีกําหนดได้รับเงินจากโครงการภาครัฐ ซึ่งลดความเสี่ยงในการปล่อยสินเชื่อ ในด้านภาคการคลังนั้น จะภาษีเร่งรัดการคืนภาษีของกรมสรรพากรทันที ซึ่งมีเม็ดเงินอยู่ในมือถึง 160,000 ล้านบาท เพื่ออัดฉีดเงินเข้าสู่ระบบและเอสเอ็มอี อย่างรวดเร็ว
นายเอกนิติ กล่าวอีกว่า เสาหลักที่ 4 การเพิ่มการออมภาคประชาชน หรือสลากออมทรัพย์ ต้องขอเรียนว่าคนละอันกับหวยเกษียณ นโยบายนี้เป็นส่งเสริมการออมโดยเชื่อมโยงกับการซื้อสลากกิน ทุกงวดที่ออกมาจะมีบัญชีทางออนไลน์ โดยแบ่งสัดส่วนเงินส่วนหนึ่งเป็นเงินออมที่ต้องถือไว้ 5 ปี หรือจนถึงอายุ 55 ปี ซึ่งจะใช้เงินจากค่าการตลาดของสํานักงานสลากฯ ขณะเดียวกัน จะสนับสนุนให้ประชาชนรายย่อยเข้าถึงพันธบัตรออมทรัพย์รัฐบาลได้ทุกเดือน เพื่อให้ประชาชนได้รับดอกเบี้ยที่สูงกว่าการฝากเงินทั่วไป ปัจจุบันพันธบัตร 10 ปี มีอัตราดอกเบี้ยประมาณ 1.4 เปอร์เซ็นต์ และเสาหลักที่ 5 การเพิ่มขีดความสามารถทางเศรษฐกิจและเทคโนโลยี
เนื่องจากเครื่องยนต์ประเทศยังเป็นเครื่องจักรเก่า จึงต้องเพิ่มทักษะ (Skill) และสร้างอุตสาหกรรมใหม่ ทั้งเกษตรชีวภาพ Smart Farming ดิจิทัล AI Data Center รถยนต์ EV และได้จับมือกับสถาบันการศึกษา เช่น สถาบันเทคนิคไทย-เยอรมัน เพื่อฝึกอบรมแรงงานให้ตรงกับความต้องการของตลาด โดย BOI มีเงินสําหรับเพิ่มขีดความสามารถอยู่ 10,000 ล้านบาท ขณะเดียวกันจะปลดล็อก BOI ด้วย Fast Pass เร่งรัดการอนุมัติโครงการลงทุนที่ได้รับอนุมัติจาก BOI ไปแล้ว แต่ยังไม่ได้เริ่มโครงการ ซึ่งมีมูลค่าสูงถึง 470,000 ล้านบาท จะมีการใช้ระบบ Fast Pass เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องอนุมัติภายในเวลาที่กําหนด เพื่อดึงเม็ดเงินเหล่านี้เข้าสู่ระบบเศรษฐกิจภายใน 4 เดือน โดยไม่ต้องใช้เงินใหม่
นายเอกนิติ กล่าวต่อว่า ส่วนด้านการค้าและพลังงาน รัฐมนตรีพาณิชย์จะดําเนินการเรื่องการขยายตลาดส่งออกใหม่และการป้องกันการทุ่มตลาด ขณะที่รัฐมนตรีพลังงานจะเดินหน้าเรื่องพลังงานสะอาด โดยทั้ง 5 เสาหลักนี้จะอยู่ไม่ได้ หากไม่มีฐานรากที่เข้มแข็ง คือ การรักษาเสถียรภาพการคลัง ซึ่งเราจะเน้นหลักการสําคัญ คือ วินัย ซึ่งจะจัดทํากรอบวินัยทางการคลังระยะปานกลางในเดือนพฤศจิกายน โปร่งใส โดยจะเปิดเผยข้อมูลมากขึ้น และธรรมาภิบาล เพื่อสร้างความมั่นใจต่อสถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือ
ข่าว
30 ต.ค. 2568 16:26 183 views
ข่าว
30 ต.ค. 2568 15:58 162 views
ข่าว
30 ต.ค. 2568 15:45 105 views
ข่าว
30 ต.ค. 2568 15:32 164 views
ข่าว
30 ต.ค. 2568 15:30 102 views
ข่าว
30 ต.ค. 2568 15:25 114 views
ข่าว
30 ต.ค. 2568 15:22 159 views
ข่าว
30 ต.ค. 2568 15:02 112 views
ข่าว
30 ต.ค. 2568 14:31 121 views
ข่าว
30 ต.ค. 2568 14:22 159 views
ข่าว
30 ต.ค. 2568 14:02 310 views
ข่าว
30 ต.ค. 2568 13:20 124 views
ข่าว
30 ต.ค. 2568 12:12 160 views
ข่าว
30 ต.ค. 2568 12:03 141 views
ข่าว
30 ต.ค. 2568 11:48 175 views
ข่าว
30 ต.ค. 2568 11:31 163 views