น้ําท้ายเขื่อนเจ้าพระยา-ฝนจากพายุ “เมตโม” กดดันแนวคันดิน สรรพยา ชัยนาท พัง 2 จุด น้ําทะลักท่วมถนน-ชุมชน  เตือนประชาชนลุ่มแม่น้ําเจ้าพระยาเฝ้าระวังใกล้ชิด

วันที่ 5 ตุลาคม 2568 - ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เกิดเหตุแนวคันดินกันน้ําริมแม่น้ําเจ้าพระยา ของเทศบาลตําบลโพนางดําออก อําเภอสรรพยา จังหวัดชัยนาท ทรุดตัวและพังทลายพร้อมกัน 2 จุด บริเวณหน้าวัดสมอ หมู่ 3 ส่งผลให้น้ําจากแม่น้ําทะลักผ่านช่องโหว่เข้าท่วมถนนและหมู่บ้านด้านในอย่างรุนแรง กระแสน้ําไหลเชี่ยว ทําให้ชาวบ้านหลายหลังคาเรือนไม่ทันอพยพ

สาเหตุหลักมาจากระดับน้ําท้ายเขื่อนเจ้าพระยาที่เพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง หลังกรมชลประทานปรับเพิ่มอัตราการระบายน้ําหลายครั้งในช่วง 2–3 วันที่ผ่านมา ขณะที่ยังมีฝนตกหนักจากอิทธิพลของพายุโซนร้อน “เมตโม” ซึ่งเร่งให้ระดับน้ําหนุนขึ้นอย่างรวดเร็ว กดดันแนวคันดินที่มีความสูงกว่า 2 เมตร จนเกิดช่องโหว่พังทลาย

อาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญูชัยนาทได้รับแจ้งเหตุว่ามีประชาชนติดอยู่ภายในบ้านรวม 6 คน (ผู้หญิง 3 คน และเด็กเล็ก 3 คน) จึงระดมกําลังพร้อมเรือท้องแบนออกช่วยเหลือทันที ท่ามกลางกระแสน้ําไหลแรงและฝนตก ใช้เวลาประมาณ 20 นาทีจึงนําผู้ประสบภัยทั้งหมดออกมาได้อย่างปลอดภัย

หนึ่งในผู้ประสบภัย นางลภัส สุวรรณวร  เล่าให้ผู้สื่อข่าวฟังด้วยความตกใจและน้ําตาว่า “น้ํามาเร็วมาก ไม่ถึง 5 นาที มันเข้ามาตูมเลย…เครื่องใช้ไฟฟ้าพังหมด เด็กมี 3 คน ออกมาได้แล้ว 2 คน แต่ยังเหลือเด็กทารก 3 เดือน ทําใจแทบขาด” เธอกล่าวถึงความยากลําบากขณะหนีน้ําและภารกิจของคนในบ้านที่ต้องช่วยเสริมคันดินมาตลอดช่วงที่ผ่านมา

ข้อมูลเชิงชลประทาน ณ วันนี้ ระบุว่า ที่สถานีวัดน้ํา C.2 อ.เมือง จ.นครสวรรค์ มีปริมาณน้ําไหลผ่าน 2,776 ลบ.ม./วินาที ส่วนที่สถานี C.13 เขื่อนเจ้าพระยา อ.สรรพยา จ.ชัยนาท ระบุระดับน้ําทางด้านเหนือเขื่อน 16.23 เมตร/รทก. ทางด้านท้ายเขื่อน 15.94 เมตร/รทก. ขณะที่อัตราการระบายน้ําผ่านเขื่อนเจ้าพระยาอยู่ที่ประมาณ 2,500 ลบ.ม./วินาที และกรมชลประทานยังได้ปล่อยน้ําเข้าสู่ระบบชลประทานทั้ง 2 ฝั่งรวมกันประมาณ 434 ลบ.ม./วินาที

กรมชลประทานและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจึงขอเตือนประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ลุ่มของแม่น้ําเจ้าพระยา แม่น้ําน้อย และแม่น้ําท่าจีนให้เฝ้าระวังติดตามสถานการณ์น้ําฝนและการระบายน้ําจากทางราชการอย่างใกล้ชิด เตรียมความพร้อมรับมือการอพยพฉุกเฉิน หากระดับน้ําเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว

ขณะเดียวกัน หน่วยงานท้องถิ่น กองทัพ และมูลนิธิหลายแห่งได้ระดมกําลังตั้งแต่การเสริมคันกั้นด้วยกระสอบทราย การติดตั้งแนวกันน้ําชั่วคราว ไปจนถึงการจัดศูนย์พักพิงชั่วคราวและสรรหาความช่วยเหลือเบื้องต้นให้ผู้ได้รับผลกระทบทันที

ข้อมูลข่าว : วรชล  ฟักขาว  จ.ชัยนาท