“สีหศักดิ์”  เผย กระทรวงการต่างประเทศต้องให้ข้อมูล MOU ปี 2543 และ 2544 กับประชาชนให้มากที่สุด ควรรอกมธ.ในสภาฯ พิจารณาก่อน พร้อมชี้ทุกอย่างต้องทําด้วยความรอบคอบ ยึดผลประโยชน์ประเทศเป็นสําคัญ

นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยถึงประเด็นการทําความเข้าใจเกี่ยวกับบันทึกความเข้าใจ (MOU) ปี 2543 และ 2544 ระหว่างไทยและกัมพูชา ว่า กระทรวงการต่างประเทศอยู่ระหว่างดําเนินการให้ข้อมูลต่อประชาชนอย่างรอบด้าน เพื่อสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับข้อเท็จจริง เนื้อหา และกระบวนการดําเนินงานของเอ็มโอยูทั้งสองฉบับ

นายสีหศักดิ์กล่าวว่า ขณะนี้ กระทรวงฯ อยู่ระหว่างพูดคุยกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อจัดทําแนวทางการเผยแพร่ข้อมูลอย่างชัดเจน โดยย้ําว่า “เราต้องให้ข้อมูลกับประชาชนให้มากที่สุด เพื่อให้ประชาชนรู้ว่า วิธีการเป็นอย่างไร รูปแบบจะเป็นแบบใด” ส่วนการทําประชามติในอนาคตจะเป็นรูปแบบใด ต้องมีการพูดคุยกันอย่างละเอียด เพราะเรื่องนี้ไม่ใช่เพียงนโยบายของกระทรวงการต่างประเทศ แต่เป็น นโยบายระดับรัฐบาล

ในส่วนที่มีการพูดถึงการ “ยกเลิกเอ็มโอยู” นั้น นายสีหศักดิ์ชี้แจงว่า ยังไม่มีการพูดถึงประเด็นนี้อย่างเป็นทางการ โดยคณะกรรมาธิการในสภากําลังอยู่ระหว่างการพิจารณารายละเอียด ซึ่งผลการพิจารณาดังกล่าวจะถูกนํามาประกอบในการตัดสินใจต่อไป พร้อมย้ําว่า “ทุกอย่างต้องทําด้วยความรอบคอบ เพราะเกี่ยวพันกับผลประโยชน์ของประเทศชาติ”

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศกล่าวเพิ่มเติมว่า หากจะให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการตัดสินใจในอนาคต จําเป็นต้องทําให้ประชาชนได้รับข้อมูลครบถ้วนที่สุด ทั้งข้อดีและข้อเสียของเอ็มโอยู เพื่อให้การตัดสินใจอยู่บนพื้นฐานของความเข้าใจ ไม่ใช่อารมณ์หรือข้อมูลไม่ครบถ้วน

“เรื่องนี้ไม่ใช่สิ่งที่ต้องรีบตัดสินใจ ต้องใช้เวลาในการพูดคุย ศึกษา และพิจารณาอย่างรอบคอบ เพราะทุกอย่างเกี่ยวพันกับผลประโยชน์ของประเทศ เราต้องการให้ประชาชนได้ข้อมูลมากที่สุด เพื่อให้เกิดการตัดสินใจที่มีเหตุผลและโปร่งใส” นายสีหศักดิ์กล่าว

เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงการหารือกับกองทัพในเรื่องเอ็มโอยูทั้งสองฉบับ นายสีหศักดิ์ตอบว่า ไม่ได้หารือเฉพาะกับกองทัพเท่านั้น แต่จะต้องพูดคุยกับหลายฝ่าย ทั้งฝ่ายความมั่นคง ฝ่ายกฎหมาย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้การพิจารณาครอบคลุมทุกมิติ

สําหรับกรณีที่ประเทศนอร์เวย์ให้การสนับสนุนงบประมาณในการเก็บกู้ทุ่นระเบิดแก่กัมพูชา แต่ปรากฏว่ายังไม่มีการดําเนินการ นายสีหศักดิ์ระบุว่า ยังไม่ทราบรายละเอียดในเชิงลึก แต่เห็นว่า “การเก็บกู้ทุ่นระเบิดเป็นสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อทุกฝ่าย” และไทยเองก็พร้อมจะร่วมมือในเรื่องดังกล่าว เพราะเป็นเรื่องของ มนุษยธรรมและความปลอดภัยของประชาชนในพื้นที่ชายแดน