ผู้บัญชาการทหารอากาศคนใหม่ "พล.อ.อ.เสกสรร" ย้ําเดินหน้าพัฒนา ทอ. 5 ด้าน พร้อมเปิดรับสตรีเข้าปฏิบัติหน้าที่นักบินขับไล่ ชูความสามารถเป็นหลัก พร้อมยืนยัน ทอ. เตรียมรับมือทุกสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ปกป้องอธิปไตยด้วยศักดิ์ศรี

พลอากาศเอก เสกสรร คันธา ผู้บัญชาการทหารอากาศ (ผบ.ทอ.) ได้ให้สัมภาษณ์ถึงนโยบายหลักในการขับเคลื่อนกองทัพอากาศว่า จะเป็นการ "ต่อยอดจากสิ่งที่อดีตผู้บัญชาการทหารอากาศได้วางรากฐานไว้" โดยมุ่งเน้นใน 5 ด้านหลัก ได้แก่ การสร้างความภาคภูมิใจในความเป็นชาติ, การพัฒนายุทโธปกรณ์ทันสมัย, การเสริมบุคลากรมืออาชีพ, การบริหารด้วยความโปร่งใส, และการสร้างคนรุ่นใหม่ให้พร้อมดูแล "อากาศและห้วงอวกาศ"

ผบ.ทอ. ยังได้เน้นย้ําถึงการเปิดโอกาสให้ สุภาพสตรี ที่มีความรู้ความสามารถเข้ามาปฏิบัติหน้าที่สําคัญในกองทัพอากาศ โดยย้ําว่า "มาตรฐานเดียวกันคือความสามารถ ไม่ใช่เรื่องเพศ" เพื่อให้กองทัพอากาศได้คนเก่งในทุกตําแหน่งหน้าที่ ให้เข้ามาอยู่ในตําแหน่งสําคัญ รวมไปถึงหน้าที่ในแนวหน้า หรือ Front Line เช่น การสร้างนักบินขับไล่หญิง โดยขั้นตอนการผลิตนักบินขับไล่หญิง อยู่ระหว่าง ฝ่ายยุทธการกําลังวางแผน แต่ในความเป็นจริงกองทัพอากาศมีนักบินหญิงแล้ว โดยทําการบินกับเครื่องบินลําเลียง

โดยเครื่องบินขับไล่ถือเป็นเครื่องบินที่มีความท้าทายและโดยส่วนตัวก็มีเพื่อนเป็นนักบินขับไล่หญิงต่างประเทศหลายคน เช่น กรณีของนักบินขับไล่ F-35 ของสหรัฐฯ ที่มาทําการบินในประเทศไทยก็เป็นนักบินหญิง ดังนั้นจึงไม่ควรปิดโอกาสคนที่มีความสามารถ เพราะกองทัพอากาศมีคนเก่งอีกมาก แต่ในขณะนี้ยังไม่สามารถในเรื่องการผลิตนักบินขับไล่หญิงได้ ซึ่งต้องดําเนินการไปตามขั้นตอน

นอกจากนี้ กองทัพอากาศยังเดินหน้าพัฒนาระบบสําคัญเพื่อรับมือภัยคุกคามสมัยใหม่ เช่น ระบบอากาศยานไร้คนขับ (UAV) และ ศูนย์ต่อต้านโดรน เพื่อรับมือโดรนขนาดเล็กและฝูงโดรน ซึ่งเป็นความท้าทายด้านความมั่นคงที่เพิ่มขึ้น

ในด้านการปกป้องอธิปไตย ผบ.ทอ. ยืนยันว่า กองทัพอากาศจะปฏิบัติภารกิจเชิงรุกภายใต้กรอบกฎหมายสากล และจะไม่เป็นฝ่ายรุกรานก่อน แต่พร้อมตอบโต้หากมีการละเมิดอธิปไตย ด้วยหลัก "ตอบโต้โดยสัดส่วน ไม่ทําร้ายพลเรือน และรักษาเกียรติยศของชาติ" พร้อมย้ําว่า หากเกิดสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาอีกครั้ง กองทัพอากาศ พร้อมรับมือทุกสถานการณ์ เพื่อปกป้องอธิปไตยและศักดิ์ศรีของประเทศไทย