วันศุกร์ที่ 17 ตุลาคม 2568
11 ต.ค. 2568 16:11 | 431 view
@juthamas
"อนุทิน" ประชุมร่วมหน่วยงานด้านความมั่นคงพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ย้ํา "รัฐบาลให้ความสําคัญสูงสุดเรื่องความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน และอธิปไตยของชาติ" พร้อมกําชับฝ่ายความมั่นคงและฝ่ายปกครอง บูรณาการทํางานเพื่อเสริมสร้างสันติสุขให้เกิดขึ้นอย่างยั่งยืน
วันนี้ (11 ต.ค. 68) เวลา 11.55 น. นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และผู้อํานวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร เป็นประธานการประชุมติดตามการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนใต้ และแผนปฏิบัติการปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 ณ ห้องประชุม 1 กองอํานวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ค่ายสิรินธร อ.ยะรัง จ.ปัตตานี โดยมี พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ นายทรงศักดิ์ ทองศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ร่วมประชุม
การประชุมในวันนี้ นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย นายฉัตรชัย บางชวด เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ นายฐนัตถ์ สุวรรณานนท์ ผู้อํานวยการสํานักข่าวกรองแห่งชาติ พล.อ.สมศักดิ์ รุ่งสิตา หัวหน้าคณะพูดคุยสันติสุขชายแดนใต้ นายนฤชา โฆษาศิวิไลซ์ หัวหน้าผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย นายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร อธิบดีกรมการปกครอง นายชยันต์ เมืองสง รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายบริหาร พล.ท.สุเมธ พรหมตรุษ ผู้บัญชาการศูนย์รักษาความปลอดภัย และนายปิยะศิริ วัฒนวรางกูร รองเลขาธิการศูนย์อํานวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ พลโท นรธิป โพยนอก แม่ทัพภาคที่ 4 พล.ต.ท.ปิยะวัฒน์ เฉลิมศรี ผู้บัญชาการตํารวจภูธรภาค 4 นางพาตีเมาะ สะดียามู ผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี นายทรงกลด สว่างวงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง นายศักระ กปิลกาญจน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล นายโชตินรินทร์ เกิดสม ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา นายวีรพัฒน์ บุณฑริก รองผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส รักษาราชการแทนผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส นายอํานาจ ชูทอง รองผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา รักษาราชการแทนผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา นายธราวุธ ช่วยเกิด รองผู้ว่าราชการจังหวัดพัทลุง รักษาราชการแทนผู้ว่าราชการจังหวัดพัทลุง ร่วมด้วย
นายอนุทิน กล่าวว่า วันนี้ ตนและคณะ มาตรวจเยี่ยมหน่วยงานในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ด้วยความห่วงใยต่อพี่น้องประชาชนและเจ้าหน้าที่ทุกคน เพราะสถานการณ์ยังมีความอ่อนไหวและมีความท้าทาย จึงขอให้แม่ทัพภาค 4 นําความผาสุกมาสู่สังคมและประชาชนอย่างเต็มกําลังความสามารถ ซึ่งจากสถานการณ์ความไม่สงบที่เกิดขึ้นบ่อยในระยะที่ผ่านมา ต้องขอแสดงความเสียใจต่อผู้ที่ได้รับผลกระทบ และขอให้กําลังใจเจ้าหน้าที่ทุกคนที่ปฏิบัติงานอย่างเข้มแข็ง
"รัฐบาลให้ความสําคัญสูงสุดกับอธิปไตยของชาติ ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนรวมถึงเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานในพื้นที่ทุกคน ซึ่งตนมีความผูกพันกับทุกคนในพื้นที่ตั้งแต่เป็น รมว.สาธารณสุข และ รมว.มหาดไทย ในรัฐบาลก่อน ทั้งความสัมพันธ์จากหน้าที่ ความจริงใจ มิตรภาพที่ดี เป็นพี่น้องที่ทํางานอย่างไว้เนื้อเชื่อใจ และอบอุ่น กองทัพ ตํารวจ ปกครอง และฝ่ายสนับสนุน จะมีความสัมพันธ์แนบแน่นในรัฐบาลของตน และในการฝึกกําลัง อส. ก็ได้รับการสนับสนุนจากกองทัพ ทําให้พวกเขามีศักยภาพในการดูแลประชาชนเพื่อแบ่งเบาภาระหน้าที่ของพี่น้องทหารทั้งหลาย ซึ่งตนได้มอบนโยบายให้ อส. เป็นกําลังหลักในการสนับสนุนบทบาทของทหารหาญในการพิทักษ์พื้นที่ส่วนหลัง ดูแลชีวิตพี่น้องประชาชน เพื่อไม่ให้พี่น้องทหารต้องกังวลและห่วงในความปลอดภัยญาติพี่น้องและประชาชน ดังนั้น นับจากนี้ ยังคงขับเคลื่อนนโยบายนี้ต่อไปอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ พร้อมสนับสนุนหน้าที่ในการปฏิบัติเพื่อบรรลุวัตถุผระสงค์ เป้าหมาย และรักษาอธิปไตยของชาติไว้เหนือสิ่งอื่นใด เราจะแก้ไขปัญหาชายแดนภาคใต้และพื้นที่อื่น ๆ ให้เกิดผลอย่างเป็นเอกภาพและประสานสอดคล้องกันอย่างเป็นรูปธรรม และมีประสิทธิภาพ"
จากนั้น นายอนุทิน และคณะ ได้รับฟังรายงานสรุปแผนขับเคลื่อนเสริมสร้างสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้ ประจําปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 โดยน้อมนําหลักการตามพระราชดําริ "เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา และหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง" เป็นยุทธศาสตร์หลักในการแก้ไขปัญหา รวม 8 ด้าน ครอบคลุมทั้งด้านความมั่นคงและสังคม ใช้การเมืองนําการทหาร รวมทั้งการเสริมกําลังทหารด้วยกําลังพลสมาชิกกองอาสารักษาดินแดนกระทรวงมหาดไทย (อส.) ด้วยกองร้อย อส. และ อส.ชคต. ที่เน้นปฏิบัติการเชิงรุก เสริมสร้างความเข้าใจ การพบปะประชาสัมพันธ์สร้างสันติสุข กาาคุ้มครองดูแลครู และนักเรียน พร้อมกําหนดตัวชี้วัดนายอําเภอในพื้นที่ในฐานะ ผอ.ศปก.ประจําอําเภอ รวมถึงผู้กํากับการสถานีตํารวจในพื้นที่ เพื่อให้เกิดการปฏิบัติการอย่างมีประสิทธิภาพ
พร้อมทั้งรับฟังรายงานสถานการณ์จากผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า กองกําลังตํารวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ (จชต.) และ ศอ.บต. ซึ่ง จ.ปัตตานี ดําเนินมาตรการความปลอดภัยด้วยการเสริมสร้างความร่วมมือจากภาคประชาชน สร้างเครือข่ายประชาชนเฝ้าระวัง โดยใช้เครือข่ายคณะกรรมการหมู่บ้าน (กม.) ทํางานร่วมกับเจ้าหน้าที่ 3 ฝ่ายในพื้นที่ รวมทั้งบูรณาการความร่วมมือจากกลุ่มผู้นํา 4 เสาหลัก ได้แก่ ผู้นําศาสนา, ผู้นําท้องถิ่น, ผู้นําท้องที่ และผู้นําทางธรรมชาติ เพื่อสร้างความเชื่อมั่น และลดความหวาดระแวงระหว่างชาวบ้านกับเจ้าหน้าที่ พร้อมทั้งประชาสัมพันธ์และสร้างการรับรู้ โดยใช้สื่อท้องถิ่น มัสยิด และโรงเรียน เป็นช่องทางในการสร้างการรับรู้และการสื่อสารทําความเข้าใจ โดยในปี 2569 ได้กําหนดแผน 3 ด้าน คือ 1. เสริมความเข้มสร้างความร่วมมือจากภาคประชาชนเพื่อพัฒนา และยกระดับการปฏิบัติหน้าที่ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นพร้อมที่จะรองรับการถ่ายโอนภารกิจจากหน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่ 2. บูรณาการความร่วมมือในการปฏิบัติงานของหน่วยกําลังในพื้นที่ให้มีความเป็นเอกภาพมากยิ่งขึ้น เพื่อไม่ให้เกิดความซ้ําซ้อนในการปฏิบัติงาน โดยการจัดให้มีการประชุมวางแผนร่วมกัน และกําหนดทิศทางและเป้าหมายในการปฏิบัติหน้าที่ร่วมกัน และ 3. สร้างความร่วมมือจากทุกภาคส่วนไม่ว่าจะเป็นผู้นําท้องถิ่น องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และภาคประชาสังคม เพื่อประสานความร่วมมือในการแก้ไขปัญหาในพื้นที่ให้เกิดประสิทธิภาพ และเกิดผลสัมฤทธิ์อย่างยั่งยืน ในส่วนของ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า รายงานเหตุการณ์ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 จํานวน 168 เหตุการณ์ โดยสถิติการเกิดเหตุมากที่สุดที่จังหวัดนราธิวาส ยะลา ปัตตานี และ 4 อําเภอใน จ.สงขลา ตามลําดับ และในส่วนของกองกําลังตํารวจ จชต. มีเหตุ 249 เหตุ ในส่วนของ ศอ.บต. ขับเคลื่อนภารกิจทั้งเหตุที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงและเหตุอาชญากรรมอื่น ๆ งานยุทธศาสตร์ งานประสานเร่งรัดพัฒนา งานบูรณาการงานบริหารและความมั่นคง และงานอํานวยการ โดยในส่วนของกระทรวงมหาดไทย โดยกองบัญชาการกองอาสารักษาดินแดน (อส.) ได้ปฏิบัติภารกิจด้านกิจการพลเรือน การช่วยเหลือประชาชน และสนับสนุนสังคมพหุวัฒนธรรมเพื่อสร้างความเชื่อมั่น พิทักษ์กําลังพล บุคลากรภาครัฐ และประชาชน
นายอนุทิน ได้มีข้อสั่งการเพื่อประสิทธิภาพการปฏิบัติงาน 3 ข้อ เพื่อแก้ไขปัญหาอย่างมีประสิทธิภาพ ได้แก่ 1. "ยกระดับงานด้านการข่าวเชิงรุก" ด้วยการทํางานให้เร็วกว่าผู้ก่อเหตุหนึ่งก้าวเสมอเป็นอย่างน้อย มีการบูรณาการงานข่าวของทุกหน่วยงานอย่างไร้รอยต่อ เพื่อคาดการณ์ ป้องกัน และหยุดยั้งแผนการต่าง ๆ ให้ได้ก่อนที่เหตุจะเกิด 2. "บังคับใช้กฎหมายอย่างเท่าเทียม" กฎหมายต้องเป็นกฎหมาย ประชาชนผู้บริสุทธิ์ต้องได้รับการคุ้มครอง ขณะเดียวกัน ผู้ที่กระทําผิดและใช้ความรุนแรงจะต้องถูกนําเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมอย่างเด็ดขาดและเข้มงวด ซึ่งภาครัฐต้องสร้างความเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรมกับผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด โดยเฉพาะพี่น้องประชาชน และ 3. "ผนึกกําลังทุกภาคส่วนอย่างเป็นเอกภาพ" ทหาร ตํารวจ ฝ่ายปกครอง และภาคประชาชน ต้องทํางานเป็นเนื้อเดียวกัน ทั้งการตั้งจุดตรวจ การลาดตระเวน และการดูแลชุมชน ต้องประสานสอดคล้องกัน เพื่อปิดช่องว่างการทําผิดกฎหมายให้มากที่สุดเท่าที่จะทําได้
นายอนุทิน กล่าวย้ําว่า รัฐบาลให้ความสําคัญสูงสุดเรื่องความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน อธิปไตยของชาติ เพราะฉะนั้น จึงให้ทุกหน่วยงานโดยเฉพาะ กอ.รมน. ภาค 4 ส่วนหน้า และตํารวจ ให้ความสําคัญกับภารกิจการรักษาความปลอดภัยพื้นที่ โดยเฉพาะการควบคุมมิให้เกิดเหตุการณ์ความรุนแรงที่กระทบต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนเป็นลําดับต้น ๆ เพราะห้วงที่ผ่านมามีความถี่ของเหตุการณ์และการเกิดเหตุขนาดใหญ่ โดยเฉพาะ จ.นราธิวาส และจุดยุทธศาสตร์สําคัญ ช่องทางข้ามแดนต่าง ๆ ที่เป็นปัจจัยเอื้อในการที่ผู้ก่อเหตุใช้หลบหนี ยึดมั่นว่า "ความมั่นคงที่แท้จริง คือ การที่พี่น้องประชาชน สามารถใช้ชีวิตประจําวันได้ โดยไม่ต้องหวาดระแวง และรู้สึกว่าเจ้าหน้าที่รัฐ คือ ที่พึ่งได้อย่างแท้จริง" โดยเฉพาะฝ่ายปกครอง ซึ่งกองทัพรักษาพื้นที่ชายแดน อธิปไตยของชาติ แต่การเป็นที่พึ่งของจิตใจและความปลอดภัยต้องฝ่ายปกครอง ดังที่ตนได้แถลงนโยบายรัฐบาลไว้ว่า "เร่งรัดการแก้ไขปัญหาในจังหวัดชายแดนภาคได้ควบคู่ไปกับการพัฒนาเศรษฐกิจในท้องถิ่น และยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน" ซึ่งความมั่นคงจะยั่งยืนได้ก็ต่อเมื่อพี่น้องประชาชนมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดี มีอาชีพ มีรายได้ และเห็นว่ารัฐบาลดูแลเอาใจใส่พวกเขาอย่างแท้จริง ทําให้เขาสามารถหารายได้ พัฒนาแหล่งท่องเที่ยว ซึ่งทุกส่วนต้องทําให้ปลอดภัยที่สุดอย่างยั่งยืนเท่าที่จะทําได้ ต้องสร้างสังคมพหุวัฒนธรรม ด้วยการทําให้คนต่างชาติ ต่างศาสนา ต่างเชื้อชาติอยู่ด้วยกัน เฉกเช่นเมื่อครั้งตนดํารงตําแหน่ง รมว.สาธารณสุข ได้พบเห็นภาพที่ทําให้น้ําตาซึม คือ อิหม่ามท่านหนึ่งนวดให้กับพระภิกษุสงฆ์
นอกจากนี้ สภาความมั่นคงแห่งชาติ ได้เห็นชอบกรอบนโยบายการบริหารและการพัฒนาเป็นกรอบหลักในการปฏิบัติงานซึ่งเป็นกรอบที่ได้รับการปกป้องและคุ้มครองตามกฎหมาย จึงขอให้หน่วยงานความมั่นคงและผู้ว่าราชการจังหวัดบูรณาการแผนงานด้านการพัฒนาสอดคล้องกับแผนงานด้านความมั่นคงเพื่อเกิดผลลัพธ์มีคุณภาพ รวมถึง "กระบวนการพูดคุยสันติสุขจะเป็นส่วนสําคัญช่วยลดเหตุความรุนแรงและช่วยทําให้เกิดสันติสุขอย่างยั่งยืนในพื้นที่ในอนาคตอันใกล้" จึงขอให้ทุกหน่วยงานได้สนับสนุนภารกิจของหัวหน้าคณะพูดคุยสันติสุขชายแดนใต้ โดยเฉพาะการเสริมสร้างสภาพแวดล้อมให้เอื้อต่อการพูดคุยเพื่อนําไปสู่การแก้ปัญหาด้วยสันติวิธี และไม่ว่าเนื้อหาจะเป็นอย่างไร แต่สิ่งที่สําคัญ คือ ความไว้วางใจ ความสมานฉันท์ ความสามัคคีของพวกเราจะทําให้เกิดเกราะป้องกันไม่ให้ผู้คิดร้ายต่อราชอาณาจักรไทยกล้ากระทําการใดใดต่อประเทศของเรา และภารกิจของพวกเราไม่ใช่เพียงการรักษาความสงบในชายแดนใต้ แต่เป็นการ "สร้างอนาคตใหม่ให้ชายแดนใต้" และรัฐบาลพร้อมเดินหน้าทํางานเคียงข้างทุกคนในทุกมิติ พร้อมทั้งสั่งการให้ปลัดกระทรวงมหาดไทยได้สั่งการกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยใช้ระบบ Cell Broadcast ในการแจ้งเตือนภัยความมั่นคงในพื้นที่ไปยังประชาชน
ทั้งนี้ในช่วงบ่าย นายกรัฐมนตรี และคณะ จะเดินทางเยี่ยมกําลังพลที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ความไม่สงบพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่โรงพยาบาลสงขลานครินทร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ อําเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา
ข่าว
16 ต.ค. 2568 15:38 161 views
ข่าว
16 ต.ค. 2568 15:29 103 views
ข่าว
16 ต.ค. 2568 15:24 121 views
ข่าว
16 ต.ค. 2568 13:35 125 views
ข่าว
16 ต.ค. 2568 13:20 148 views
ข่าว
16 ต.ค. 2568 13:12 119 views
ข่าว
16 ต.ค. 2568 12:18 136 views
ข่าว
16 ต.ค. 2568 11:23 122 views
ข่าว
16 ต.ค. 2568 11:14 140 views
ข่าว
16 ต.ค. 2568 11:05 135 views
ข่าว
16 ต.ค. 2568 10:33 89 views
ข่าว
16 ต.ค. 2568 10:28 207 views
ข่าว
16 ต.ค. 2568 10:25 194 views
ข่าว
16 ต.ค. 2568 10:21 145 views
ข่าว
16 ต.ค. 2568 10:05 168 views
ข่าว
16 ต.ค. 2568 09:58 222 views