วันจันทร์ที่ 13 ตุลาคม 2568
13 ต.ค. 2568 12:49 | 147 view
@pracha
‘อีก 9 ปี ผมจะกลับมา!’ พิธา เปิดตัวหนังสือ ‘อนาคตประเทศไทย’ เล่า ต่างชาติรุมถาม ‘ทําไมไม่ได้เป็นรัฐบาล’
วานนี้ 12 ตุลาคม ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ชั้น LG ฮอลล์ 5–8 ภายในงานมหกรรมหนังสือระดับชาติ (BOOK EXPO THAILAND 2025) ครั้งที่ 30 ซึ่งจัดโดยสมาคมผู้จัดพิมพ์และจําหน่ายหนังสือแห่งประเทศไทย (PUBAT) ภายใต้ธีม “Melody of Books – อ่านหรือยัง ฟังหรือเปล่า” งานซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 9–19 ตุลาคมนี้ เดินทางเข้าสู่วันที่ 4 แล้ว
เวลา 16.00 น. ที่เวทีกลาง มีกิจกรรมการเปิดตัวหนังสือ “The Future of Thailand อนาคตประเทศไทย” (Live) โดย นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศบริเวณเวทีกลางเป็นไปอย่างคึกคัก มีประชาชนจํานวนมากให้ความสนใจกับนายพิธา และหนังสือ ‘The Future of Thailand อนาคตประเทศไทย’ บรรยากาศเป็นไปอย่างอบอุ่นและเป็นกันเอง โดยมีการพูดคุยกับแฟนคลับ พร้อมทั้งถ่ายภาพร่วมกันอย่างคึกคัก
นายพิธา กล่าวว่า จากพรรคอนาคตใหม่ สู่พรรคก้าวไกล มีคําถามมากมายที่ตนหาคําตอบไม่ได้ตอนอยู่ในรัฐสภา เกี่ยวกับกรรมาธิการและการอภิปราย เป็นคําถามที่ไม่มีคําตอบให้ พอถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง จึงใช้โอกาสนี้เดินทางไปทั่วโลก เพื่อหาคําตอบที่ตอนเป็น ส.ส. ไม่สามารถหาได้ และใช้เวลา 1 ปีเต็มในการค่อยๆ ค้นหาคําตอบนั้น โดยตนได้ไปเยี่ยมชม มหาวิทยาลัยต่างๆ บริษัทสตาร์ตอัพ หรือบริษัทอื่นๆ ดูว่ามีการแก้ปัญหาเรื่องพลังงาน เรื่องไฟป่าอย่างไร หลายประเทศเชิญไปพูดคุยกับบุคลากรที่มีความรู้ ซึ่งเป็นโอกาสให้เราได้เรียนรู้มากขึ้น
“ในอดีต ตอนเป็นหัวหน้าพรรค ‘เราพูดมากกว่าฟัง’ แต่พอไปอยู่ต่างประเทศ กลับกลายเป็นโอกาสให้ ‘เราฟังมากกว่าพูด’ ได้เห็นว่าแต่ละประเทศบริหารจัดการพลังงาน นิวเคลียร์ ทรัพยากรใต้ทะเล และแร่ธาตุ รวมถึงการจัดการทรัพยากรธรรมชาติอย่างไร สิ่งเหล่านี้ในสภาไทยเราก็พูดกัน แต่พูดวนจนหาทางออกไม่เจอ” นายพิธา กล่าว
นายพิธา กล่าวต่อไปว่า ผู้นําประเทศอื่นๆ รวมถึงอดีตนายกรัฐมนตรีหลายคน ก็เผชิญปัญหาไม่ต่างกัน สิ่งที่น่าสนใจคือ บรรยากาศที่ตนอยู่ ฝั่งซ้ายเป็นออฟฟิศของอดีตนายกรัฐมนตรีไอร์แลนด์ ฝั่งขวาคือนักโทษการเมืองลี้ภัย ซึ่งเป็นแหล่งรวมของนักต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยจากทั่วโลก
“เราทุกคนใช้ชีวิตเป็นนักศึกษาประชาธิปไตย นี่คือสิ่งที่ผมได้เรียนรู้“ นายพิธา กล่าว
นายพิธา เผยต่อไปว่า สําหรับปกหนังสือ “อนาคตประเทศไทย” ที่ตนเลือก อาจไม่ใช่ภาพที่ดูสวยงามหรือเหมาะสม แต่ตั้งใจให้สะท้อน “บรรยากาศแห่งการถกเถียงอนาคตประเทศไทย” ว่านี่คือโอกาสในการตั้งคําถามต่ออนาคตของประเทศ ว่าจะไปทางไหนต่อ รู้สึกได้ว่า อนาคตประเทศไทยจะสาหัสสําหรับคนส่วนใหญ่ แต่มันจะสบายสําหรับคนกลุ่มน้อย นี่คือโจทย์ที่อยากให้ทุกคนช่วยกันออกแบบ
ช่วงเวลาที่เดินทางศึกษา ตนได้ถามหลายประเทศ เช่น อเมริกา แก้ปัญหาไฟป่าอย่างไร? เดนมาร์กจัดการสังคมผู้สูงอายุอย่างไรให้คนแก่มีศักดิ์ศรี? เขามีวิธีคิดที่เราน่าจะนํามาปรับใช้ในไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับจังหวัดลําปางที่มีผู้สูงอายุจํานวนมาก
“การไปศึกษาครั้งนี้ ไม่ใช่การไปดูงาน แต่เป็นการทําการบ้านล่วงหน้า เพื่อไปพบคนที่รู้จริงในแต่ละพื้นที่ ได้เห็นภาพจริงว่าเขาแก้ปัญหากันอย่างไร“ นายพิธา เผย
นายพิธา กล่าวต่อไปว่า ตอนอยู่ต่างประเทศ ถูกถามเยอะมากว่า “ทําไมพรรคที่ได้เสียงกว่า 40% ถึงไม่ได้เป็นรัฐบาล?”
“เขางงมากที่พรรคซึ่งได้เสียงข้างมากกลับถูกยุบ ทําไมคนชนะถึงต้องมาอยู่บอสตัน? ทําไมคนที่ได้แค่ 2% ถึงเป็นนายกฯ ได้? ผมก็ค่อยๆ อธิบาย เขาเรียกว่า ‘ปลอกหัวหอม’ ตอนแรกเขายังไม่สนใจ แต่พอมาเทอมที่สอง เขาเริ่มสนใจการเมืองไทยมากขึ้น เพราะเห็นว่าโลกกําลังเลี้ยวขวา และประชาธิปไตยทั่วโลกกําลังถดถอย
ตอนนี้หลายประเทศมีประสบการณ์คล้ายเรา ประชาธิปไตยถดถอย แต่ก็พยายามหาทางกระจายอํานาจ เขาเริ่มอินกับเรื่องของไทย อยากรู้ว่า ประชาธิปไตยถดถอยผ่านพรรคก้าวไกล ผ่านพิธา เป็นอย่างไร? ซึ่งกลายเป็นเรื่องที่คนอยากฟังมากขึ้น” นายพิธา กล่าว
เมื่อผู้ดําเนินรายการถามว่า ต่างประเทศเขาห่อเหี่ยวเหมือนเราไหม?
นายพิธา กล่าวว่า บางประเทศเขาห่อเหี่ยวกว่าเราอีก แต่ละที่มีวิธีรับมือแตกต่างกันไป บางคนถูกตัดสิทธิ์ทั้งชีวิต บางคนหนีออกจากประเทศ ถูกดําเนินคดี เราดูเบากว่าเขา
ในการพูดคุยของฝ่ายประชาธิปไตยทั่วโลก เราพบว่า “เผด็จการฉลาดขึ้น” ไม่จําเป็นต้องเอารถถังออกมาก็สามารถควบคุมคนได้ ใช้ระบบที่แนบเนียนขึ้น ทั้งการเมืองแต่งตั้งและเลือกตั้ง
“เพราะฉะนั้น ชนะการเลือกตั้งอย่างเดียวไม่พอ ต้องยึดโยงกับประชาชนให้ได้ ต้องรู้เท่าทันข่าวปลอม และต้องทําให้คนรุ่นใหม่เข้าใจว่าทําไมประชาธิปไตยจึงสําคัญกับชีวิตเขา” นายพิธา กล่าว
นายพิธา กล่าวต่อไปว่า ตนเคยเขียนไว้ใน มติชนสุดสัปดาห์ ว่า “ลืมไม่ได้ จําให้ลง” ตนได้ไปเยี่ยมมูลนิธิประชาธิปไตยที่เกาหลีใต้ รัฐบาลเกาหลีตั้งขึ้นเพื่อให้คนรุ่นหลัง “จําให้ลง” ว่าประชาธิปไตยไม่ได้เกิดขึ้นเอง แต่ต้องสู้เพื่อให้ได้มา
สิ่งที่ซึ้งใจคือ เหตุผลที่ทหารเกาหลีใต้ไม่ยิงประชาชน เพราะ “พ่อแม่ของทหารโทรหาลูก บอกว่า ถ้าทําร้ายประชาชนเมื่อไหร่ อย่ากลับบ้าน” นี่คือวัฒนธรรมประชาธิปไตยที่ฝังอยู่ในสังคมของเกาหลีใต้
ตนจึงเชื่อว่า ’ประชาธิปไตยไม่ใช่แค่ระบบการเมือง แต่มันคือวิถีชีวิต‘ ถ้าเราไม่เปลี่ยนทั้งรัฐและราก ประเทศไทยจะไม่มีอนาคต
“เล่มต่อไป ผมอาจใช้ชื่อว่า Culture and Future of Thailand เพราะผมเชื่อว่า ‘วัฒนธรรมคือรากของประชาธิปไตย’ ต้องเริ่มตั้งแต่ตอนนี้ ให้ประชาธิปไตยกลายเป็นวิถีชีวิต ไม่ใช่เพียงแค่รัฐธรรมนูญ” นายพิธา กล่าว
เมื่อถามถึงวัฒนธรรมในประเทศที่ไปดูมา ชื่นชอบประเทศใด?
นายพิธา กล่าวว่า ตนได้เห็นทั้งสิงคโปร์ โคเปนเฮเกน โตเกียว บอสตัน ฟินแลนด์ แล้วก็นั่งคิดว่า “วัฒนธรรมคืออะไร?” มันคือวิถีชีวิตร่วมกัน จะเปลี่ยนจากบนลงล่างหรือจากล่างขึ้นบนก็ได้ ผมเชื่อว่าอีก 10 ปีข้างหน้า ไทยจะเปลี่ยนไปมาก เราต้องเก็บสิ่งดีไว้ และเปลี่ยนสิ่งที่ควรเปลี่ยน
ต่างประเทศมองไทยว่าเป็นประเทศที่มีความหลากหลาย มีน้ําใจ และมีความยืดหยุ่น ที่สําคัญ ถ้าเราไม่ยอมรับความหลากหลาย เราก็จะไม่สามารถผ่านสมรสเท่าเทียมได้
แน่นอน มันมีเส้นบางๆ ระหว่าง ‘ความหลากหลายกับความมั่ว’ และระหว่าง ‘ความยืดหยุ่นกับระบบพรรคพวก‘ เราต้องหาจุดสมดุลนี้ให้ได้ เพราะทั้งหมดนี้คือสิ่งที่จะกําหนดว่า อนาคตของประเทศไทยจะเป็นอย่างไร“ นายพิธา กล่าว
เมื่อถามว่า The Future of Thailand และ The Future of Pita Limjaroenrat คืออะไร?
“อีก 9 ปี ผมจะกลับมาเล่นการเมืองอีกครั้ง” นายพิธา ให้คําตอบทิ้งท้าย
ข่าว
13 ต.ค. 2568 12:49 148 views
ข่าว
13 ต.ค. 2568 12:33 167 views
ข่าว
13 ต.ค. 2568 11:14 95 views
ข่าว
13 ต.ค. 2568 11:06 144 views
ข่าว
13 ต.ค. 2568 11:04 119 views
ข่าว
13 ต.ค. 2568 10:59 138 views
ข่าว
13 ต.ค. 2568 10:54 113 views
ข่าว
13 ต.ค. 2568 10:53 127 views
ข่าว
13 ต.ค. 2568 09:09 212 views
ข่าว
13 ต.ค. 2568 09:07 191 views
ข่าว
13 ต.ค. 2568 09:05 285 views
ข่าว
12 ต.ค. 2568 16:16 169 views
ข่าว
12 ต.ค. 2568 15:18 197 views
ข่าว
12 ต.ค. 2568 14:07 238 views
ข่าว
12 ต.ค. 2568 13:13 191 views
ข่าว
12 ต.ค. 2568 13:06 212 views