วันศุกร์ที่ 17 ตุลาคม 2568
17 ต.ค. 2568 13:43 | 74 view
@pracha
นายกฯ หารือเอกอัครราชทูตจีน ย้ํามิตรภาพ “ไทย-จีน ใช่อื่นไกล พี่น้องกัน” ย้ําร่วมมือปราบปรามสแกมเมอร์–อาชญากรรมข้ามชาติ ผลักดันความร่วมมือไทย–จีนทุกมิติ ทั้งเศรษฐกิจ การค้า และสินค้าเกษตร
วันนี้ (วันศุกร์ที่ 17 ตุลาคม 2568) เวลา 09.30 น. ณ ห้องสีงาช้าง ตึกไทยคู่ฟ้า ทําเนียบรัฐบาล นายจาง เจี้ยนเว่ย์ (H.E. Mr. Zhang Jianwei) เอกอัครราชทูตจีนประจําประเทศไทย เข้าเยี่ยมคารวะ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในโอกาสเข้ารับหน้าที่ โดยภายหลังเสร็จสิ้นการหารือ นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจําสํานักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยสาระสําคัญ ดังนี้
นายกรัฐมนตรียินดีที่ได้ต้อนรับเอกอัครราชทูตจีนอย่างเป็นทางการเป็นครั้งแรก ซึ่งมิตรภาพไทย–จีน แนบแน่นอย่างต่อเนื่องยาวนานตลอด 50 ปี โดยรัฐบาลมุ่งมั่นจะผลักดันความร่วมมือให้เติบโตในทุกมิติ ทั้งด้านเศรษฐกิจและคุณภาพชีวิตของประชาชน โดยความร่วมมือกับจีนถือเป็นกุญแจสําคัญในการพัฒนาไทยให้เป็นศูนย์กลางการค้า การลงทุน และนวัตกรรมในภูมิภาค สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาล พร้อมทั้งขอบคุณที่รัฐบาลจีนให้ความร่วมมืออันดีมาโดยตลอด และชื่นชมบทบาทของเอกอัครราชทูตจีนประจําประเทศไทยทุกท่านที่มีส่วนช่วยกระชับความสัมพันธ์ โดยเชื่อมั่นว่าเอกอัครราชทูตจีนคนใหม่จะสานต่อและพัฒนาความร่วมมือในทุกด้านให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น
ด้านเอกอัครราชทูตจีนได้ฝากคําปรารถนาดีและคําอวยพรจากนายหลี่ เฉียง นายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐประชาชนจีน ให้แก่นายกรัฐมนตรี และยินดีที่วันนี้ได้มีโอกาสเข้าพบอย่างเป็นทางการ ซึ่งทั้งสองประเทศต่างมีมิตรภาพอันแน่นแฟ้นที่สืบทอดมากว่าครึ่งศตวรรษ โดยต่างเคารพ สนับสนุน และร่วมมือกันอย่างเสมอภาค เป็นมิตรแท้ที่ประชาชนทั้งสองฝ่ายตระหนักดีว่า “ไทย-จีน ใช่อื่นไกล พี่น้องกัน” และจะยังคงสานต่อความสัมพันธ์ให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นในอนาคต พร้อมชื่นชมการทํางานของนายกรัฐมนตรีที่มุ่งมั่นปฏิบัติภารกิจอย่างต่อเนื่อง ทั้งการประชุมคณะรัฐมนตรี การลงพื้นที่พบปะประชาชนทั่วประเทศ รวมทั้งการเยี่ยมพื้นที่ชายแดน เพื่อให้กําลังใจเจ้าหน้าที่ในการปฏิบัติหน้าที่ นอกจากนี้ เอกอัครราชทูตจีนยังกล่าวถึงการเยือน สปป.ลาว อย่างเป็นทางการที่ผ่านมา ซึ่งประสบผลสําเร็จอย่างยิ่ง สะท้อนถึงบทบาทเชิงรุกของไทยในภูมิภาค พร้อมอวยพรให้นายกรัฐมนตรีและรัฐบาลชุดใหม่ประสบความสําเร็จในการบริหารประเทศ สร้างความมั่นคงและความผาสุกให้แก่ประชาชน โอกาสนี้ ทั้งสองฝ่ายได้หารือและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในประเด็นสําคัญร่วมกัน ดังนี้
ด้านการส่งออกสินค้าเกษตรไทย นายกรัฐมนตรีกล่าวขอบคุณรัฐบาลจีนที่ให้การสนับสนุนด้านการค้าการลงทุนมาโดยตลอด โดยเฉพาะการพิจารณานําเข้าข้าวจากไทย ซึ่งสะท้อนถึงมิตรภาพและความไว้เนื้อเชื่อใจระหว่างกัน รวมทั้งยังช่วยสร้างความสมดุลทางการค้า ทําให้ราคาข้าวอยู่ในระดับที่เป็นธรรมทั้งต่อผู้ซื้อและผู้ขาย และเป็นประโยชน์ต่อเกษตรกรไทยที่จะมีรายได้ที่มั่นคงมากขึ้น ขณะที่เอกอัครราชทูตจีนกล่าวว่า จีนให้ความสําคัญต่อการนําเข้าสินค้าเกษตรคุณภาพสูงจากไทย โดยเฉพาะข้าวและผลไม้ ซึ่งเป็นสินค้าที่ได้รับความนิยมอย่างมากในตลาดจีน และพร้อมประสานงานร่วมกับหน่วยงานจีนเพื่อผลักดันให้การนําเข้าสินค้าเกษตรไทยเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องและเป็นรูปธรรมมากขึ้น
ด้านโครงสร้างพื้นฐานและโลจิสติกส์ ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องว่า การเชื่อมโยงระบบคมนาคมระหว่างไทย–จีน–ลาว จะเป็นรากฐานสําคัญในการเสริมสร้างเศรษฐกิจและความมั่นคงในอนุภูมิภาคลุ่มน้ําโขง โดยนายกรัฐมนตรีย้ําว่าไทยให้ความสําคัญกับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและการคมนาคมขนส่ง เพื่อเพิ่มศักยภาพทางเศรษฐกิจและความเชื่อมโยงกับประเทศเพื่อนบ้าน ด้านเอกอัครราชทูตจีนเชื่อมั่นว่าการเชื่อมโยงดังกล่าวจะเป็นเส้นเลือดใหญ่ทางเศรษฐกิจของภูมิภาค ซึ่งจะช่วยยกระดับการขนส่งสินค้า การท่องเที่ยว และการเชื่อมโยงระหว่างประชาชนในอนาคต
ด้านอุตสาหกรรมสมัยใหม่ นายกรัฐมนตรีเน้นย้ําว่า รัฐบาลมุ่งส่งเสริมความร่วมมือกับจีนให้เกิดผลเป็นรูปธรรมภายในปีนี้ ครอบคลุมทั้งด้านเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน และโลจิสติกส์ ซึ่งรวมถึงการพัฒนาอุตสาหกรรมสมัยใหม่เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจภูมิภาคอย่างยั่งยืน ซึ่งเอกอัครราชทูตจีนยืนยันว่า ฝ่ายจีนพร้อมสนับสนุนไทยในการพัฒนาอุตสาหกรรมสมัยใหม่ โดยเฉพาะด้าน เศรษฐกิจดิจิทัล เศรษฐกิจสีเขียว พลังงานใหม่ และยานยนต์พลังงานไฟฟ้า เพื่อยกระดับโครงสร้างเศรษฐกิจไทยให้ก้าวสู่ยุคใหม่และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
ด้านความมั่นคงและอาชญากรรมข้ามชาติ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ไทยให้ความสําคัญกับการปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติและกลุ่มสแกมเมอร์ในภูมิภาค ซึ่งสร้างความเสียหายต่อประชาชน พร้อมยืนยันว่าไทยพร้อมร่วมมือกับทางการจีนอย่างใกล้ชิด เพื่อดําเนินมาตรการเชิงรุกในการป้องกันและปราบปรามอย่างจริงจัง ด้านเอกอัครราชทูตจีนเห็นพ้องและพร้อม เสริมสร้างความร่วมมือด้านความมั่นคงกับไทยในทุกมิติ โดยยินดีจะประสานงานอย่างใกล้ชิดกับหน่วยงานไทย เพื่อป้องกัน ปราบปราม และยับยั้งปัญหาดังกล่าวอย่างมีประสิทธิภาพ
ด้านความร่วมมือระดับภูมิภาค ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องถึงความสําคัญของการเสริมสร้างความร่วมมือ เพื่อรักษาเสถียรภาพ ความมั่นคง และการพัฒนาอย่างยั่งยืนในอนุภูมิภาคลุ่มน้ําโขง โดยนายกรัฐมนตรีเน้นย้ําว่า ไทยพร้อมทําหน้าที่เป็นเจ้าภาพจัดการประชุมกรอบความร่วมมือแม่โขง-ล้านช้าง (Mekong–Lancang Cooperation: MLC) ครั้งที่ 5 ในช่วงเดือนธันวาคม 2568 นี้ เพื่อให้เกิดผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรมต่อการพัฒนาเศรษฐกิจและการเชื่อมโยงระหว่างประเทศในภูมิภาค
นอกจากนี้ ทั้งสองฝ่ายยังได้กล่าวถึงสถานการณ์ชายแดนไทย – กัมพูชา โดยนายกรัฐมนตรีกล่าวย้ําว่า ไทยให้ความสําคัญสูงสุดต่อการรักษาอธิปไตยและความปลอดภัยของประชาชนในพื้นที่ชายแดน และพร้อมร่วมมือในกรอบอาเซียนเพื่อสร้างความเข้าใจและรักษาความสงบเรียบร้อยในพื้นที่ ซึ่งไทยยึดมั่นในหลักสันติวิธีและจะดําเนินการภายใต้กรอบกฎหมายระหว่างประเทศ ด้านเอกอัครราชทูตจีนกล่าวว่า จีนมีท่าทีที่เป็นกลางต่อสถานการณ์ดังกล่าว โดยสนับสนุนให้ทั้งสองประเทศใช้กลไกที่มีอยู่แล้วในการเจรจาแก้ไขปัญหาอย่างสันติ เพื่อรักษาเสถียรภาพและสันติภาพในภูมิภาค
ข่าว
17 ต.ค. 2568 16:30 17 views
ข่าว
17 ต.ค. 2568 16:26 19 views
ข่าว
17 ต.ค. 2568 16:22 20 views
ข่าว
17 ต.ค. 2568 15:55 27 views
ข่าว
17 ต.ค. 2568 15:23 41 views
ข่าว
17 ต.ค. 2568 15:21 30 views
ข่าว
17 ต.ค. 2568 14:56 76 views
ข่าว
17 ต.ค. 2568 14:55 39 views
ข่าว
17 ต.ค. 2568 14:53 45 views
ข่าว
17 ต.ค. 2568 14:11 47 views
ข่าว
17 ต.ค. 2568 13:45 48 views
ข่าว
17 ต.ค. 2568 13:43 75 views
ข่าว
17 ต.ค. 2568 13:38 63 views
ข่าว
17 ต.ค. 2568 12:27 67 views
ข่าว
17 ต.ค. 2568 12:09 85 views
ข่าว
17 ต.ค. 2568 11:54 84 views