โฆษกรัฐบาล “สิริพงศ์” ยืนยันผลประชุม JBC ไม่มีการตกลงปักหมุดชายแดนหรือใช้แผนที่ 1:200,000 ตามที่กัมพูชาอ้าง ย้ําไทยยึดหลักการ 4 ข้อ ปกป้องอธิปไตย–รักษาผลประโยชน์ชาติ

วันที่ 23 ตุลาคม 2568 เวลา 20.20 น. นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจําสํานักนายกรัฐมนตรี แถลงชี้แจงต่อสื่อมวลชนถึงผลการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย–กัมพูชา (JBC) ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 21–22 ตุลาคม 2568 ที่จังหวัดจันทบุรี โดยยืนยันว่า “ไม่มีการตกลงเรื่องมาตราส่วนแผนที่ 1:200,000 หรือการยินยอมปักหมุดเขตแดนใด ๆ” ตามที่นายฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ได้โพสต์ข้อความผ่านโซเชียลมีเดียก่อนหน้านี้

นายสิริพงศ์ ระบุว่า ข้อความที่ผู้นํากัมพูชาเผยแพร่เป็น “ข้อมูลไม่ตรงกับข้อเท็จจริง” และอาจทําให้สาธารณชนทั้งในประเทศและต่างประเทศเกิดความเข้าใจคลาดเคลื่อน โดยในการประชุม JBC ไม่มีวาระหรือมติใดเกี่ยวข้องกับการกําหนดเส้นเขตแดนใหม่ สิ่งที่ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องร่วมกันมีเพียงการ มอบหมายให้คณะอนุกรรมาธิการเทคนิคร่วม (JTSC) จัดทํา “หลักเขตแดนใหม่ทดแทนหลักเดิมที่ชํารุดหรือสูญหาย จํานวน 15 หลัก” โดยยึดตําแหน่งเดิมที่ได้รับการยอมรับร่วมกัน และจะจัดทําหลักเขตใหม่แทนหลักที่จมน้ํา 3 หลัก ภายใต้การกําหนดตําแหน่งร่วมกันในอนาคต  นอกจากนี้ ที่ประชุมยังเห็นชอบให้เร่งรัดการแก้ไข “TOR 2003” เพื่อจัดทําแผนที่ภาพถ่าย (Orthophoto Map) ด้วยเทคโนโลยี LiDAR ซึ่งมีความแม่นยําสูงกว่าเดิม เพื่อใช้เป็นข้อมูลสํารวจทางเทคนิค ไม่ใช่การปรับเส้นเขตแดนใหม่ตามที่บางฝ่ายกล่าวอ้าง

สําหรับพื้นที่หลักเขตแดนที่ 42–47 บริเวณบ้านหนองจาน–บ้านหนองหญ้าแก้ว ทั้งสองฝ่ายได้เห็นชอบให้มีการสํารวจร่วมเพื่อจัดทําหมุดชั่วคราวในพื้นที่เร่งด่วนเท่านั้น โดยไม่ถือเป็นการกําหนดเส้นพรมแดนถาวร

โฆษกรัฐบาลกล่าวย้ําว่า รัฐบาลไทยยึดมั่นในหลักการ 4 ข้อของนายกรัฐมนตรีอนุทิน ชาญวีรกูล ได้แก่  ปกป้องอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของชาติ ,  สร้างเสถียรภาพตามแนวชายแดน ,  คุ้มครองความปลอดภัยของประชาชนในพื้นที่ ,  แก้ปัญหาความขัดแย้งด้วยสันติวิธี

“ไทยไม่ยอมให้มีการบิดเบือนข้อเท็จจริง และจะไม่ยอมเสียพื้นที่ใด ๆ แม้เพียงตารางนิ้วเดียว” นายสิริพงศ์กล่าว พร้อมเตือนประชาชนอย่าหลงเชื่อข้อมูลจากฝ่ายกัมพูชาที่มักเผยแพร่เนื้อหาบิดเบือนเพื่อหวังผลทางการเมืองภายในประเทศ ซึ่งอาจกระทบต่อความไว้วางใจและบรรยากาศแห่งความร่วมมือในภูมิภาค

รัฐบาลไทยยังคงยึดแนวทางสันติวิธีและการเจรจาอย่างมีเหตุผล เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของชาติและสร้างสันติภาพร่วมกับประเทศเพื่อนบ้านในระยะยาว