รัฐบาลโอนเงินช่วยเหลือผู้ประสบภัยชายแดนไทย–กัมพูชาแล้ว 10 ครั้ง ครอบคลุมเกือบ 300,000 ครัวเรือน วงเงินกว่า 1,300 ล้านบาท “สิริพงศ์” แนะผู้ที่ยังไม่ได้รับเงินเร่งผูกพร้อมเพย์ภายในสัปดาห์นี้

วันที่ 2 พฤศจิกายน 2568
นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจําสํานักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยความคืบหน้าการช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากสถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชา ว่า รัฐบาลได้ดําเนินการโอนเงินช่วยเหลือแล้วทั้งหมด 10 ครั้ง ครอบคลุมเกือบ 300,000 ครัวเรือน เป็นวงเงินรวมกว่า 1,316 ล้านบาท

โดยการช่วยเหลือดังกล่าวดําเนินการผ่านกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ภายใต้กรอบวงเงินที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติ จํานวน 315,476 ครัวเรือน รวมวงเงิน 1,515.967 ล้านบาท เพื่อเยียวยาความเดือดร้อนของประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ชายแดน

ผู้ที่อพยพเกิน 8 วันจะได้รับเงินช่วยเหลือ ครัวเรือนละ 5,000 บาท ส่วนผู้ที่อพยพไม่เกิน 7 วันได้รับ ครัวเรือนละ 2,000 บาท โดยมีผู้ลงทะเบียนทั้งสิ้น 325,347 ครัวเรือน ผ่านการตรวจสอบจากคณะกรรมการช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติจังหวัด (ก.ช.ภ.จ.) จํานวน 297,368 ครัวเรือน และส่งข้อมูลไปยังธนาคารออมสินแล้ว 296,569 ครัวเรือน

การโอนเงินเยียวยาได้ดําเนินการต่อเนื่องแล้ว 10 ครั้ง ได้แก่ วันที่ 6, 7, 8, 9, 10, 17, 20, 22, 27 และ 30 ตุลาคม 2568 โดยโอนสําเร็จแล้ว 294,658 ครัวเรือน เป็นเงินรวม 1,316.075 ล้านบาท ส่วนผู้ที่ยังไม่ได้รับเงิน 1,167 ครัวเรือน พบว่ายังไม่ได้ผูกบัญชีพร้อมเพย์หรือมีบัญชีไม่ปกติ

นายสิริพงศ์ กล่าวว่า รัฐบาลเตรียมโอนเงิน ครั้งที่ 11 ในวันที่ 5 พฤศจิกายน 2568 ครอบคลุมพื้นที่จังหวัด อุบลราชธานี และสระแก้ว รวม 744 ครัวเรือน เพื่อให้ความช่วยเหลือทั่วถึงและรวดเร็วที่สุด

พร้อมกันนี้ โฆษกรัฐบาลได้ ย้ําเตือนประชาชนที่ยังไม่ได้รับเงินช่วยเหลือให้ตรวจสอบการผูกบัญชีพร้อมเพย์โดยเร็ว หากยังไม่ได้ดําเนินการ สามารถติดต่อธนาคารทุกแห่งเพื่อยืนยันข้อมูลบัญชี เพื่อให้สามารถรับเงินได้ทันรอบการโอนถัดไป

รัฐบาลยังได้มอบหมายให้หน่วยงานท้องถิ่นและจังหวัดประชาสัมพันธ์อย่างใกล้ชิด เพื่อไม่ให้ครัวเรือนใดตกหล่นจากสิทธิ์ ทั้งยังเปิดช่องทางให้ตรวจสอบสถานะการรับเงินผ่านเว็บไซต์ของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ได้โดยตรง

นายสิริพงศ์ กล่าวย้ําว่า “รัฐบาลให้ความสําคัญกับความเดือดร้อนของประชาชนทุกพื้นที่ โดยเฉพาะผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ชายแดน การช่วยเหลือครั้งนี้ไม่ใช่เพียงตัวเงิน แต่คือการส่งกําลังใจและความมั่นใจให้ประชาชนรู้ว่ารัฐบาลอยู่เคียงข้างเสมอ”