วันศุกร์ที่ 7 พฤศจิกายน 2568
7 พ.ย. 2568 10:32 | 98 view
@pracha
“บิ๊กเล็ก” ย้ําปล่อยตัวเชลยศึก 2 ข้อ “ถอนอาวุธหนัก-เก็บกู้ทุ่นระเบิด” สําเร็จค่อยพิจารณา แต่ยันกัมพูชายังต้องทําครบทั้ง 5 ข้อตกลง ย้ําไม่แตะมาตรการเปิดด่าน
วันที่ 7 พฤศจิกายน 2568 เมื่อเวลา 08.30 น. ที่ทําเนียบรัฐบาล พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีการปล่อยตัวเชลยศึกกัมพูชา 18 คน ว่า เรื่องนี้เป็นผลมาตั้งแต่การประชุมวันที่ 10 ก.ย. โดยมีการตกลงเงื่อนไข 4 ข้อ คือ 1.ถอนวาวุธหนัก 2.เก็บกู้ทุ่นระเบิด 3.จัดการสแกมเมอร์ และ 4.การบริหารจัดการบริเวณชายแดน โดยเราให้เขากลับไปคุยกันแต่ปรากฎเขาคุยกันไม่สําเร็จ ทําให้ต้องนํากลับมาในที่ประชุมเมื่อวันที่ 23 ต.ค.ซึ่งก็คุยกันเรื่องเดิมอีก และถือมีความคืบหน้า โดยเห็นว่ารายละเอียดให้ไปตกลงกันในที่ประชุมคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค (RBC) และการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) อย่างเช่นการถอนอาวุธหนักจะถอนอย่างไร หรือที่บริเวณบ้านหนองจาน บ้านหนองหญ้าแก้ว จะทําอย่างไร ซึ่งหลังจากที่นายกรัฐมนตรีไปลงนามถ้อยแถลง (Joint Declaration) หลังจากที่ส่วนล่วงหน้าไปคุยกันแล้วกับทางกัมพูชาและประเทศที่เป็นพยาน โดยมีการระบุว่าเขาอยากให้มีการปล่อยเชลยศึกเพราะเป็นเรื่องของมนุษยธรรมและเก็บไว้ก็ไม่มีอะไร แต่เราได้ต่อรองขอให้ปฏิบัติข้อตกลงทั้ง 4 ข้อให้เป็นรูปธรรมก่อน
พล.อ.ณัฐพล กล่าวอีกว่า ซึ่งคําว่ารูปธรรมไม่ได้หมายความว่าจบ แค่ให้เห็นสัญญาณว่าเป็นรูปธรรม ว่าเขามีความจริงใจที่จะทํากับเรา ซึ่งหลังจากนายกฯลงนามถ้อยแถลงแล้วจึงให้ทางกองทัพไปพูดคุยกัน ซึ่งปัจจุบันการติดตามเรื่องนี้นายกฯได้มอบให้ผู้บัญชาการทหารสูงสุดและเหล่าทัพ รวมถึงกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงมหาดไทย และสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ไปคุยกัน โดยให้ตั้งเป็นคณะกรรมการขึ้นมา มีผู้บัญชาการทหารสูงสุดเป็นประธาน ซึ่งล่าสุดในที่ประชุมดังกล่าวได้ตกลงกันว่าเรื่องการถอนอาวุธหนักและเก็บกู้ทุ่นระเบิดเป็นเรื่องที่สําคัญที่เราอยากให้เขาทําให้เป็นรูปธรรม โดยทําให้เสร็จในเฟสแรก แล้วเราค่อยมาคุยเรื่องการปล่อยเชลยศึก ส่วนการเก็บกู้วัตถุระเบิดเดิมเสนอให้เก็บกู้ทุ่นระเบิด 13 พื้นที่ แต่ในระดับพื้นที่คุยกันต่อรองเหลือ 5 พื้นที่ กัมพูชายอมให้เข้าเก็บกู้ใน 5 พื้นที่ได้ ฉะนั้น 2 เรื่องหลักนี้ทางกัมพูชายอมรับและตอบรับมาแล้ว เพราะฉะนั้นเราจะปฏิบัติตามถ้อยแถลงที่นายกฯได้ลงนามไว้
รมว.กลาโหม กล่าวว่า ส่วนกระแสข่าวปล่อยเชลยศึกวันที่ 12 พ.ย.นั้นเป็นเพียงการคาดการณ์กัน ไม่ได้หมายความว่าจะปล่อยวันที่ 12 พ.ย. เพราะเราต้องมาดูอีกทีว่าเฟส 1 ที่วางไว้สําเร็จหรือไม่เพราะกําหนดไว้ว่าจะจบวันที่ 21 พ.ย. แต่ทางกัมพูชาบอกว่าจะทําให้เสร็จเร็วขึ้น น่าจะอยู่ประมาณวันที่ 10-12 พ.ย. ซึ่งเราแจ้งเขาไปว่าถ้าเขาทําเสร็จเร็วเราจะปล่อยเชลยศึกเร็ว เราจะดูที่ตัวเงื่อนไขไม่ใช่ดูวันที่ สําหรับข่าวที่ออกมาตนไม่ทราบว่าออกมาจากไหน ถ้าวันที่ 12 พ.ย. ถ้าเฟส 1 คือการถอนจรวดหลายลํากล้องและปืนใหญ่ระยะยิงไกล ถ้าถอนไม่หมดเราก็ไม่ปล่อยเชลยศึก ส่วนการเก็บกู้วัตถุระเบิดถ้า 5 พื้นที่ ที่รับปากไว้ว่าจะเก็บ ถ้าเราเข้าไปเก็บไม่ได้เราก็ไม่ปล่อย เพราะฉะนั้นถ้า 2 เรื่องนี้เป็นรูปธรรมก็จะมาดูกันอีกที ส่วนเรื่องสแกมเมอร์ตอนนี้เป็นรูปธรรมมากขึ้นแล้ว มีการจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการ และล่าสุดที่มีผู้เสียชีวิตจากคอลเซ็นเตอร์ ทางกัมพูชาก็ให้ความร่วมมือดีขึ้นมากเป็นรูปธรรม
รมว.กลาโหม กล่าวอีกว่า ส่วนเรื่องบ้านหนองจาน บ้านหนองหญ้าแก้ว จะทําไปตามสเต็ป โดยขั้นแรกคือให้เก็บกู้ทุ่นระเบิดตามแนวที่เราจะปักหมุดชั่วคราว ซึ่งเราคาดว่าจะเสร็จในวันที่ 17 พ.ย.นี้ ที่จะสามารถเก็บกู้ทุ่นระเบิดแนวนั้นเสร็จ และหลังจากวันที่ 17 พ.ย.แล้วทางกรมแผนที่ทหารจะเริ่มไปปักหมุดชั่วคราว ซึ่งการปักหมุดนั้นจะมี 2 แนวคือแนวที่เรายึดถือและแนวที่กัมพูชาอ้างมา ซึ่งเราตกลงกันไว้เมื่อวันที่ 23 ต.ค.ว่าระหว่าง 2 แนวขอให้ทางคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม (JBC ) ว่ากันไป แต่ใต้แนวที่เขาเตรียมมาก็ต้องออกไปซึ่งเขาก็ยอมรับ นี่คือความเป็นรูปธรรม
“ผมขอความร่วมมือสื่อช่วยอธิบายสังคมว่าบางทีเราก็ต้องปฏิบัติเหมือนกับประเทศที่มีวุฒิภาวะ เป็นประเทศที่มีอารยะ เพราะผมเคยบอกไปแล้วว่าจากการที่รมว.การต่างประเทศไปแถลงที่องค์การสหประชาชาติ (UN) เราได้รับการปรบมือ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเรามาถูกทางแล้ว คือเราใช้ความเป็นวุฒิภาวะ เพราะฉะนั้นเรายังคงต้องแสดงถึงความเป็นประเทศที่มีวุฒิภาวะ ประเทศอารยะ แต่ยืนยันได้เลยว่าถ้าตราบใดที่ผมยังอยู่ตรงนี้เรื่องอธิปไตยเราจะยึดถือแน่นอน ผลประโยชน์ของประเทศชาติเราต้องยึดถือ แต่เราทําตามขั้นตอน ตามอารยะประเทศที่เขาทํากัน”พล.อ.ณัฐพล กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีของปราสาทตาควายเราจะดําเนินการอย่างไรต่อไป รมว.กลาโหม กล่าวว่า ในขั้นต้นตนขอทําใน 5 อย่างนี้ก่อน ที่เพิ่มมาเรื่องที่ 5 คือเรื่องรั้ว ซึ่งจะทําเพิ่มอีกเรื่องหนึ่ง เมื่อเสร็จเรื่องทั้งหมดแล้วจะมาเริ่มเก็บรายละเอียดทั้งปราสาทตาควาย ปราสาทคนา หรือเรื่องทางชํารากทั้งหมด เราจะค่อยๆเก็บรายละเอียดไป ตนจึงขอความเห็นใจสื่อเพราะเหตุเกิดสั่งสมมา 15 ปีแล้วตั้งแต่ปี 54 ตอนปราสาทเขาพระวิหาร ซึ่งกัมพูชาก็มีการรุกล้ําเข้ามาเรื่อยๆ ผ่านมา 15 ปีรัฐบาลปัจจุบัน โดยเฉพาะตนในฐานะรมว.กลาโหมกําลังจะแก้ไขรายละเอียดเหล่านี้ขอให้เวลาตน ถ้าทําเร็วจะไม่เรียบร้อย ยืนยันว่า 5 อย่างนี้จะทําให้เรียบร้อย และถ้าเสร็จ 5 อย่างนี้แล้วจะทําต่อไปเรื่อยๆ และหลังจากนั้นถ้ามีจังหวะจะมีการพิจารณาทําอย่างอื่นคู่ขนานกันไป
เมื่อถามว่าการปล่อยตัวเชลยศึกต้องทําให้ครบทั้ง 5 ข้อหรือเพียงข้อใดข้อหนึ่ง รมว.กลาโหม กล่าวว่า ตามถ้อยแถลงกําหนดไว้ 4 ข้อ ซึ่ง 2 ข้อเรื่องการถอนอาวุธหนักและเก็บกู้ทุ่นระเบิดเราให้ความสําคัญมาก เราให้หน่วยในพื้นที่คุยกัน โดยคณะของผู้บัญชาการทหารสูงสุดไปตกลงกันไว้ที่ 2 ข้อหลักนี้ต้องเป็นรูปธรรม แต่ไม่ใช่ว่าข้ออื่นไม่สําคัญ ต้องมีเป็นรูปธรรมด้วยเช่นกัน ถ้าเราบรรลุวัตถุประสงค์ทั้งหมดนี้เราจะปล่อย นอกจากนี้ที่สําคัญยังเหลือมาตรการเปิดด่านเราจะไม่แตะมาตรการนี้เลยจนกว่าทุกอย่างจะเรียบร้อย ถ้าจะเปิดด่านทั้ง 5 ข้อต้องเรียบร้อย
ข่าว
7 พ.ย. 2568 11:47 42 views
ข่าว
7 พ.ย. 2568 11:25 97 views
ข่าว
7 พ.ย. 2568 11:21 40 views
ข่าว
7 พ.ย. 2568 11:08 31 views
ข่าว
7 พ.ย. 2568 11:05 37 views
ข่าว
7 พ.ย. 2568 10:40 81 views
ข่าว
7 พ.ย. 2568 10:33 59 views
ข่าว
7 พ.ย. 2568 10:32 99 views
ข่าว
7 พ.ย. 2568 10:26 65 views
ข่าว
7 พ.ย. 2568 10:26 68 views
ข่าว
7 พ.ย. 2568 10:17 57 views
ข่าว
7 พ.ย. 2568 10:05 56 views
ข่าว
7 พ.ย. 2568 10:05 203 views
ข่าว
7 พ.ย. 2568 10:03 89 views
ข่าว
7 พ.ย. 2568 09:54 88 views
ข่าว
7 พ.ย. 2568 09:50 61 views