ผู้ว่า ธปท. เผยแผนแก้ปัญหาเชิงโครงสร้าง “ปิดหนี้ไว ไปต่อได้” ช่วยหนี้เสียต่ํากว่าแสน พร้อมเดินหน้ากลไกค้ําประกันสินเชื่อ SMEs หลังสินเชื่อติดลบต่อเนื่อง 13 ไตรมาส หวังดันภาคธุรกิจกลับมาเป็นเครื่องยนต์เศรษฐกิจไทย

วันที่ 23 พ.ย.68 - นายวิทัย รัตนากร ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย เปิดเผยทิศทางการขับเคลื่อนนโยบายเชิงโครงสร้าง โดยเน้นค่านิยมใหม่ของ ธปท. “ยืนตรง มองไกล ยื่นมือ ติดดิน” เพื่อให้มาตรการต่าง ๆ ส่งผลต่อชีวิตของประชาชนและภาคธุรกิจอย่างเป็นรูปธรรม

มาตรการแรกที่เริ่มเดินหน้าแล้วคือ “ปิดหนี้ไว ไปต่อได้” ช่วยซื้อหนี้เสียไม่เกิน 100,000 บาทผ่าน AMC โดยใช้เงินจากกองทุน FIDF ซึ่งบริษัท SAM จะปรับบทบาทเป็น Social AMC มากขึ้น คาดว่าจะเริ่มปิดบัญชีให้ประชาชนได้ตั้งแต่เดือนมกราคม ถือเป็นหนึ่งในชุด “จิ๊กซอว์นโยบาย” ที่จะทยอยออกมาเพื่อลดภาระหนี้และเสริมเสถียรภาพเศรษฐกิจไทย

ขณะเดียวกัน ธปท. เตรียมเดินหน้ามาตรการสําคัญต่อมา คือการสนับสนุนสินเชื่อใหม่สําหรับภาคธุรกิจ โดยเฉพาะ SMEs ที่กําลังเผชิญปัญหาการเข้าถึงแหล่งเงินทุนรุนแรง สินเชื่อธุรกิจในระบบธนาคารติดลบต่อเนื่อง 5 ไตรมาส และสินเชื่อ SMEs ติดลบยาวถึง 13 ไตรมาส สาเหตุจากเศรษฐกิจที่ยังไม่แน่นอนและต้นทุนความเสี่ยงของสถาบันการเงินที่สูงขึ้น

เพื่อให้เศรษฐกิจเดินต่อ ธปท. จึงอยู่ระหว่างออกแบบ กลไกค้ําประกันสินเชื่อ SMEs ร่วมกับกระทรวงการคลังและภาคธนาคาร โดยใช้เงินจากการปรับลด FIDF fee ตัวอย่างเช่น หากตั้งกองทุนชดเชยความเสี่ยง 20,000 ล้านบาท จะสามารถช่วยให้ธนาคารปล่อยสินเชื่อใหม่ได้สูงถึง 100,000 ล้านบาท

หลักคิดของกลไกใหม่นี้มุ่งไปที่ 2 ประเด็นสําคัญ คือ ตรงจุด – ช่วยธุรกิจที่เป็นเครื่องยนต์หลัก เช่น เกษตร–อาหารแปรรูป ค้าส่งค้าปลีก โรงแรม Wellness รวมถึงผู้ประกอบการที่ลงทุนพัฒนาศักยภาพธุรกิจ หรือเปลี่ยนสู่โมเดลใหม่ เช่น Green Transition และ กระจายทั่วถึง – จํากัดวงเงินต่อรายไม่เกิน 50–100 ล้านบาท เพื่อให้เข้าถึงผู้ประกอบการจํานวนมากที่สุด

ผู้ว่า ธปท. ย้ําว่าเป้าหมายใหญ่คือการ “ดันเครื่องยนต์ SMEs ให้กลับมาทํางานอีกครั้ง” ผ่านการลดภาระหนี้เดิมและเสริมพลังสินเชื่อใหม่ เพื่อให้เศรษฐกิจไทยเดินหน้าอย่างมั่นคงในช่วงเปราะบางนี้